การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 379

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 379 – ผู้กล้าแห่งเจตจำนง

แน่นอนว่าสิ่งที่เขาพูดไปไม่ได้โกหกหรอก แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสำเร็จในเร็ววันเช่นกัน เพราะมันเป็นเป้าหมายสูงสุดขององค์กร

ซึ่งแน่นอนว่าก็เป็นคำตอบตามที่คำถามของอีกฝ่ายต้องการ อีกอย่างต่อให้พูดไปแบบนี้เรื่องแบบนี้ก็ยังดูเป็นเรื่องที่ห่างไกลความจริงเกินไป

หากอีกฝ่ายที่มาจากนอกทวีปคงจะมีวิทยาการที่เหนือกว่าและมองว่ามันเป็นเรื่องที่สามารถทำได้

แต่สำหรับคนในทวีปเรื่องแบบนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเป็นไปได้ และต่อให้นอกทวีปไม่มีวิทยาการขนาดนั้น

แต่อีกฝ่ายก็คงไม่รู้เหมือนกันว่าวิทยาการในทวีปสามารถทำได้หรือไม่ กล่าวคือต่อให้อีกฝ่ายเอาเรื่องนี้ไปบอกใครก็คงไม่มีใครเชื่อ

และหากอีกฝ่ายคิดว่าเขาโกหกจริงๆ อีกฝ่ายก็ต้องถามซ้ำอีกรอบและเขาแค่บอกว่า ‘ในทวีปนี้มันสามารถเป็นไปได้จริง’

และหากอีกฝ่ายถามซ้ำเมอร์สันก็สามารถมั่นใจได้อีกฝ่าย ไม่มีความสามารถอะไรอย่างการที่ตรวจสอบคำโกหกหรือไม่ได้

เพราะหากอีกฝ่ายอีกฝ่ายจะต้องไม่ถามซ้ำ เพราะว่ารู้ว่าสิ่งที่เขาพูดคือความจริงสูงสุดขององค์กร

อีกทั้งหากอีกฝ่ายถามซ้ำออกมาจริงๆ เขาก็สามารถยืนยันได้ชัดว่าอีกฝ่ายแม้จะแข็งแกร่งก็ไม่กล้าผลีผลามทำอะไรบางอย่างเช่นกัน..

แน่นอนว่ามันในกรณีที่อีกฝ่ายถามละก็นะ

เพียงแค่สามารถกำหนดขอบเขตความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายได้คร่าวๆ สำหรับเขามันก็เพียงพอที่จะต่อรองให้อีกฝ่ายไม่มายุ่งกับตัวเองได้แล้ว

ต้องเข้าใจว่าเมอร์สันไม่ใช่คนโง่ เขาไม่ได้มองเพียงแค่ว่าหากเสียควีนไปจะเกิดอะไรขึ้น.. แต่มองไปถึงหลังจากนั้น

หากบุคคลตรงหน้านี้เป็นหนึ่งในคนของขั้วอำนาจใดบนทวีปนี้ละก็ บางทีขั้วอำนาจนั้นคงไร้ทางต้านไปแล้ว..

ดังนั้นเมอร์สันจึงมีความมั่นใจว่าอีกฝ่าย ‘อาจ’ ไม่ได้สนใจเรื่องบนทวีปสักเท่าไหร่ ซึ่งเขาเดิมพันตรงจุดนั้นนั่นเอง

หากเป็นตามการคาดเดาเมอร์สัน ไม่เพียงแต่จะช่วยควีน ยังไม่ทำให้กลุ่มผู้แสวงหาสันติสุขอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

หรือแม้แต่ไม่เป็นศัตรูกับบุคคลที่อาจจะไร้เทียมทานตรงหน้าเช่นกัน.. อาจจะเป็นเพราะเมอร์สันมีนิสัยที่รอบคอบเช่นนี้ถึงทำให้องค์กรไม่เคยล่มสลายเลย

แลพะบางทีจากการซักถามของอีกฝ่าย เขาก็พอเดาออกว่าเหมือนอีกฝ่ายจะตามหาอะไรบางอย่างอยู่ จากคำพูดที่ตอนแรกดูเหมือนจะอ้อมค้อม

เมื่อประกอบข้อมูลทุกอย่างเข้ากัน.. เมอร์สันก็แทบจะประกอบได้ว่า..

บางทีอีกฝ่ายคงมาจากต่างแดน เพื่อหาอะไรบางอย่าง และหากไม่เจอก็จะเปลี่ยนดินแดน.. ว่าง่ายๆ คือนักเดินทางนั่นเอง

แค่นี้ความรู้สึกที่เหมือนถูกมีดจี้ไว้ที่คอก็หายไปแล้ว!

สามารถบอกได้เลยว่าเพียงการพูดคุยไม่กี่คำเขาก็สามารถวิเคราะห์ ‘ความน่าจะเป็น’ ของผู้สนทนาได้อย่างไร้ที่ติ

เรียกได้ว่าตลอดช่วงอายุขัยของเขาที่ผ่านมาหลายร้อยปีนั้นมีประโยชน์มากแค่ไหน ทั้งประสบการณ์และความรู้

แน่นอนว่าเขาไม่ได้แสดงความอ่อนข้อให้อีกฝ่ายได้เห็นเช่นกัน เขาพูดต่อว่า..

“ปล่อยลูกน้องข้าได้หรือยัง?”

เลทิเซียที่ได้ยินแบบนั้นดวงตาของเธอก็เบิกกว้างเล็กน้อย…

ท่าทางของเลทิเซียทำให้เมอร์สันแปลกใจเล็กน้อย.. แต่เลทิเซียก็ก้มหน้าลงเหมือนกับคิดอะไรบางอย่างอยู่

“ใช่แล้ว.. ใช่แล้ว.. ใช่แล้ว วิธีนี้แหละ มันมีวิธีนี้แหละ”

ดวงตาของเลทิเซียลุกวาวด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับพึมพำอะไรไม่รู้ ในขณะที่เมอร์สันกำลังสับสนนั้นเอง

เลทิเซียก็เงยหน้าขึ้น โยนร่างของควีนไปให้เมอร์สัน ก่อนที่เธอจะยิ้มแล้วก็พูดขึ้นเบาๆ ว่า..

“เอาล่ะ…. ฉันมีข้อเสนอ”

…………

……..

หลายวันต่อมาในหมู่บ้านที่เวโรเน่อยู่

หลังจากที่การบุกโจมตีของปีศาจหยุดลงนั้น ไอรีนก็ตามหาต้นตอบางอย่างแต่ไม่เจออะไร.. และร่างกายของอาร์ชบิดาของเวโรเน่ก็ทรุดลงกะทันหัน

อาจจะเป็นเพราะความกังวลหรือความวิตกที่เวโรเน่อาจจะเป็นอะไรไปของอาร์ชทำให้อาการเขาทรุดตัวลงอย่างรวดเร็วผิดปกติ

ซึ่งเวโรเน่ที่เห็นแบบนั้นก็ตกใจอย่างมาก…

“ท่านพ่อ!เดี๋ยวก่อนนะ เดี๋ยวข้าจะไปหายามาให้ท่านพ่อ!”

เมื่อเห็นท่าทางร้อนรนของเวโรเน่อาร์ชก็ยื่นมือไปคว้าจับเอาแขนของเธอเอาไว้ พร้อมกับไอออกมาเป็นเลือดอีกครั้ง

“ท่านพ่อ!ท่านนอนอยู่นิ่งๆ เถอะ”

“ข้าไม่เป็นไร..—แค่กๆ ”

ถึงแม้จะกล่าวแบบนั้นแต่เขาก็ยังไอออกมาเป็นเลือด เวโรเน่ไม่ต้องการเห็นพ่อตัวเองทรมานไปมากกว่านี้เธอก็รีบออกจากบ้านไปทันที

“ข้าจะรีบหายามาให้ท่าน!”

เธอพูดแบบนั้นพร้อมกับวิ่งพรวดออกไปทันที.. พออาร์ชเห็นแบบนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมา.. พร้อมกับหัวเราะอย่างขมขื่น

“ท่านอาร์ช..”

เมื่อเวโรเน่จากไปไอรีนที่มีลักษณะท่าทางเหมือนเวโรเน่ก็โผล่ออกมาจากเงามืด.. เธอมองสภาพของชายตรงหน้าที่แตกต่างจากคนในความทรงจำของเธอ

แถมยังมองไปรอบๆ ก็รู้สึกว่าสถานะและการเป็นอยู่ของบุคคลตรงหน้าทำไมถึงตกต่ำถึงขนาดนี้…

“ตลอดที่อยู่ที่นี่มาเกือบยี่สิบปี.. มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่.. ตั้งแต่วันที่ท่านหนีจากท่านแม่มา..”

“….”

อาร์ชไม่ได้ตอบคำถามของเธอทันที.. เขาเงยหน้ามองเพดานที่สร้างจากใบไม้.. ราวกับย้อนกลับในวันวาน..

ย้อนกลับไปในอดีต ราวกับเขาเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อครั้งในอดีตแล้ว.. อันที่จริงเขาพอจะเดาออกตั้งนานแล้วล่ะ.. เขาจึงหัวเราะออกมาแล้วก็พูดขึ้น..

“เจ้าคงได้รับคำสั่งจากยัยบ้านั่นให้มาพาเวโรเน่กลับไปละสิ?”

“ท่าน…”

“ข้ารู้แล้วล่ะ.. รู้ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแล้วล่ะ.. ตอนที่ภรรยาของข้าทิ้งข้าไป และข้าได้ตระหนักรู้ถึงแผนการของยัยจ้าวแห่งเวทมนตร์บัดซบนั่น”

เขากล่าวด้วยความรังเกียจเล็กน้อย ซึ่งมันทำให้ไอรีนรู้สึกสับสนเล็กน้อย เพราะอย่างไรซะคนที่ถูกเหน็บแหนมคือมารดาของตัวเอง และเรื่องนี้อาร์ชก็เดาว่าบางทีไอรีนคงไม่รู้เรื่อง..

เพราะสังเกตจากคำพูดที่เขาพูดไปเมื่อสักครู่และท่าทีตอบสนองของเธอ ดังนั้นเขาจึงอยากจะพูด อย่างน้อยก็อยากจะให้ไอรีนได้รู้ความจริงข้อนี้เอาไว้

“ไม่สิ.. ถึงจะบอกว่าจ้าวแห่งเวทมนตร์แต่สำหรับยัยนั่น ตัวเองก็แค่เกือบอยู่ในระดับจ้าวแห่งเวทมนตร์เท่านั้นแหละ เพราะงั้นมันถึงได้สร้างเจ้าขึ้นมายังไงล่ะ”

“ท่าน..หมายถึงอะไร…?”

“ที่ข้าพูด.. ข้ากำลังพูดถึงแผนการของยัยนั่นไง”

“….?”

เมื่อเห็นว่าไอรีนไม่รู้แม้กระทั่งเรื่องนั้น มันยิ่งทำให้เขารู้สึกเกลียดผู้หญิงคนนั้นเข้าไปอีก ทั้งที่ในตอนแรกสำหรับเขาเธอคนนั้นเปรียบดั่งเทพธิดา

ยัยนั่นมันมีลูกขึ้นมาเพื่อใช้เป็นเครื่องมือสินะ..

“ไอรีน.. เจ้ารู้หรือไม่พลังของข้าคืออะไร?”

เมื่อได้ยินคำถามแบบนั้นไอรีนก็ส่ายหน้าเล็กน้อย แน่นอนว่าเธอก็คงไม่รู้เพราะคนที่รู้มีเพียงอาร์ชและมารดาของไอรีน เขาจึงกล่าวต่อ

“พลังของข้าในฐานะ.. ‘ผู้กล้า’ คือ.. ผู้กล้าแห่งเจตจำนง”

“ผู้กล้าแห่งเจตจำนง?”

“ใช่แล้ว เจ้าอาจจะรู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะผู้กล้านั้นประกอบขึ้นมาจากองค์ประกอบของแนวคิดบางอย่างที่เป็นรูปธรรม อย่างผู้กล้าแห่งแสง ผู้กล้าแห่งดาบ ผู้กล้าแห่งธนู แต่ของข้าคือผู้กล้าแห่งเจตจำนง..”

“….”

“มันช่างดูเลื่อนลอยและห่างไกลจากรูปธรรมยิ่ง.. มันจึงทำให้ข้าถูกกล่าวขานว่าเป็นผู้กล้าที่อ่อนแอที่สุด.. แต่ว่าทำไมข้าถึงได้รับการช่วยเหลือจากมารดาเจ้าล่ะ?”

เขาพูดแบบนั้นพร้อมกับถอนหายใจออกมา..

“เรื่องราวทุกอย่างมันเริ่มต้นเมื่อหลายสิบปีก่อน..”

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน