บทที่ 1 โอตาคุที่สิ้นหวัง
โจวหยูไม่ใช่ลูกชายที่ดีอย่างลูกบ้านอื่นๆ เพราะหลังจากที่เขาสำเร็จการศึกษาแล้ว เขาได้ขังตัวเองอยู่แต่ในบ้านเท่านั้น เขาได้ปฏิเสธที่จะออกไปข้างนอกอย่างจริงจัง เขายังไม่ต้องการหางานหรือการหาแฟนอีกด้วย
เมื่อดูภาพรวมแล้วเขานั้นช่างหน้าสิ้นหวังเป็นอย่างยิ่ง และด้วยการกระทำแบบนี้ของเขาเอง ทำให้พ่อแม่ของเขาต่างก็ปวดหัวเป็นอย่างมาก พวกเขาพยายามใช้วิธีการทุกอย่างที่พวกเขาสามารถคิดได้แต่มันก็ไร้ผล จนเวลาได้ล่วงเลยมาถึงจุดแตกหักระหว่างพวกเขากับโจวหยู
ไม่ใช่ว่าโจวหยูไม่รู้อะไรเลย เขาก็แค่ไม่ชอบทำงานนอกบ้านก็เท่านั้นเอง ถ้าเขาไม่มีเงินเขาก็ยังสามารถเขียนนิยายออนไลน์ขายได้ แม้ว่าวิธีนี้มันจะไม่ทำให้เขารวยขึ้นมาได้ แต่มันก็เพียงพอที่กับค่าใช้จ่ายทั้งเดือนของเขา
เขานั้นไม่ดื่มหรือสูบบุหรี่รวมทั้งเขาไม่เคยออกไปข้างนอกบ้านเกินความจำเป็นเลย ดังนั้นเรื่องเงินจึงไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเขา ในแง่ของเวลาที่เหลือของเขา เขาได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปในการดูภาพยนตร์ การ์ตูนและเล่นเกม (ACG)
ดังนั้นจะบอกว่าเขา! โจวหยู! เป็นโอตาคุก็ไม่ใช้เรื่องที่ผิดแต่อย่างใด
ได้มีนักเขียนเรื่องสั้นที่มีชื่อเสียงในตระกูลโจว เคยกล่าวไว้ว่า “ ในห้องใต้หลังคาเล็กๆของฉัน ฉันนั้นสามารถเพลิดเพลินไปกับสถานะที่โดดเดี่ยวของฉันได้ ใครมันจะสนใจว่าช่วงเวลานี้เป็นหน้าหนาวหรือหน้าร้อนกัน ใครจะสนใจว่านี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงหรือฤดูใบไม้ผลิกัน” นี่คือวลีที่โจวหยูชื่นชอบเป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้อาวุโสที่มีชื่อเสียงคนนั้นไม่ได้คัดค้านวิถีชีวิตแบบนี้ ในฐานะแฟนคลับของเขามันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่ปฏิบัติตามประเพณีที่ดีงามนี้
อย่างไรก็ตามถ้าเขายังมีชีวิตอยู่แบบนี้ในบ้านที่พ่อแม่ของเขาอาศัยอยู่ มันอาจจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาแย่ลงเพิ่มก็เป็นไปได้ ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์แบบนั้น เขาจึงได้ตัดสินใจที่จะย้ายกลับไปยังบ้านเกิดของเขา
หลังจากทั้งหมดนี้ เนื่องจากปู่ย่าของเขาได้ย้ายเข้ามายังเมืองแล้ว ดังนั้นบ้านเดิมของพวกท่านจึงไม่มีใครอาศัยอยู่ มันจึงเป็นโอกาสที่ดีที่เขาจะย้ายไปอยู่ที่นั้นแทนและสภาพแวดล้อมที่นั้นเองก็สงบอย่างที่เขาต้องการอีกด้วย
แม้ว่าวิธีการนี้จะเหมือนกับสิ่งที่พวกนกตระกูลกระจอกเทศชอบคิดกัน แต่ตราบใดที่เขาไม่ทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับครอบครัวแย่ลงไปกว่านี้ เขาก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างมากแล้ว
ไกลจากเมืองที่มีเสียงดังและไม่มีใครมารบกวน เขาได้ใช้ชีวิตในหมู่บ้านที่สงบอย่างแท้จริง เขาได้นอนจนถึงเที่ยง เขียนบทนิยายและเล่นเกมตลอดทั้งบ่าย มันช่างเป็นอะไรที่มีความสุขสำหรับเขาจริงๆ แต่มันก็เกิดปัญหาขึ้นเช่นกัน และมันเป็นเพียงปัญหาเดียวที่คอยทำลายความสุขของเขา นั้นก็คือในช่วงฤดูร้อนหมู่บ้านนี้จะมีการตัดไฟในบางครั้ง ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เขาที่เป็นพวกติดอินเทอร์เน็ตนั้นโกรธเป็นอย่างมาก
… เวลาผ่านไป โจวหยูก็ได้เข้ามาพักอยู่ในหมู่บ้านนี้เป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว …
แม้แต่โจวหยูเองก็พบว่ามันเป็นตลกดีที่เขาได้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆนี้เป็นเวลาถึงหนึ่งปีแล้ว อย่างไรก็ตามเขายังไม่รู้จักเพื่อนบ้านคนไหนเลย มันก็มีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่คุ้นเคยกับเขา คือป้าที่ขายเนื้อตุ๋นบนถนน อาจจะเป็นเพราะเขานั้นชื่นชอบที่จะกินหมูเป็นพิเศษ มันจึงทำให้เขาได้มีโอกาสทำความรู้จักเพื่อนบ้านเพียงหนึ่งเดียวคนนี้
อาหารประจำวันของเขาก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมแต่อย่างใด มันเป็นเพียงแค่อาหารธรรมดาๆเท่านั้น แต่แค่นี้มันก็เพียงพอสำหรับเขาที่จะมีชีวิตผ่านไปได้ตลอดทั้งวัน เมื่อเขาคิดว่าเขาอาจมีชีวิตเช่นนี้ไปตลอดชีวิตของเขา มันก็ได้มีอะไรบางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นในชีวิตของเขา
เช้าวันนั้นที่เขาได้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับแสงแดดจ้าที่อยู่นอกหน้าต่าง เขาคิดว่านี้ก็คงเป็นอีกวันที่ธรรมดาเท่านั้น เขาได้คล้าหาแวนตาอันโปรดของเขาที่เขาได้วางเอาไว้ข้างเตียง ในระหว่างนั้นเขาก็กำลังคิดว่าวันนี้เขาจะทำภารกิจในเกมที่ยังไม่เสร็จให้เสร็จดีไหม? เพราะถ้าภารกิจนั้นสำเร็จละก็มันจะทำให้ระดับของเขาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
‘ถ้าฉันพยายามให้หนักกว่านี้ ฉันอาจจะสามารถเข้าถึงระดับทองคำได้ในวันนี้’ เขาคิดเรื่องนี้ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือหลังจากที่เขาใส่แวดตาอันโปรดของเขาแล้ว ภาพที่ปรากฏต่อสายตาของเขามันได้เกิดการเปลี่ยนไปทันที
‘ใช่! ถูกต้องแล้ว!’ ภาพที่เขาเห็นนั้นได้มีการเปลี่ยนไป ตอนนี้โลกแห่งความจริง 3 มิติได้กลายเป็นอะไรที่คล้ายกับโลกที่เขามักจะเห็นในการ์ตูนอนิเมะเป็นอย่างมาก หรืออาจจะพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือโลกนั้นยังคงเป็นโลกเหมือนเดิม แต่ทุกสิ่งที่เขาเห็นตอนนี้มันดูเหมือนภาพสองมิติแทน
โจวหยูซึ่งเดิมที่ก็ชอบโลก ACG (โลกของเกมและอนิเมะ) เป็นอย่างมาก แต่มันก็ยังถือเป็นเรื่องแปลกสำหรับเขาอยู่ดีเมื่อเขาเจอเข้ากับสถานการณ์นี้ เขาได้ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ ขณะเดียวกันก็ได้ขว้างแวนตาที่เขากำลังใส่อยู่ลงไปยังเตียงนอนทันที
มันก็ถือว่าเป็นโชคดีเช่นกันที่แวนตาตัวโปรดของเขานั้นตกไปที่เตียง ถ้ามันตกไปยังพื้นด้านล่าง เขาคิดว่ามันคงจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆอย่างแน่นอน
หากไม่มีแวนตา การมองเห็นของเขานั้นจะกลายเป็นแย่ลงทันที และนั้นทำให้การมองเห็นของเขาในตอนนี้นั้นพร่ามัวเป็นอย่างยิ่ง แต่เขาก็ยังสามารถเห็นได้ว่าภาพตรงหน้าที่เขาเห็นนั้นยังคงเป็นภาพเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นเตียง ผนังห้อง แม้แต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เขายังไม่ได้ทิ้งเมื่อคืนก็ยังเป็นปกติดี
‘หรือว่ามันจะเป็นเพราะแว่นตาอันนั้น?’
เขาที่คิดได้แบบนั้นก็ได้ยื่นมือไปแตะแวนตานั้นอีกครั้งอย่างลังเล แต่มันก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษเกิดขึ้น แวนตาไม่ได้แปลงร่างไปแต่อย่างใด มันยังคงคงรูปเป็นแว่นตาอย่างเดิม ดังนั้นเขาจึงได้รวบรวมความกล้าหาญทั้งหมดที่เขาพอมี ก่อนที่เขาจะได้หยิบแวนตานั้นขึ้นมาอีกครั้ง และพยายามมองผ่านเลนส์ด้วยที่ไม่ได้สวมมัน
มันเป็นไปตามที่เขาคิดเอาไว้ก่อนหน้านี้ อีกด้านหนึ่งของแวนตาได้ปรากฏโลกของ ACG ขึ้นมา
มันจะแสดงผลนี้ขึ้นมาก็ต่อเมื่อเขาสวมมันเท่านั้น! หรือนี้จะเกี่ยวข้องกับการที่เขาดูและเล่น ACG มากเกินไปในช่วงนี้ มันจึงทำให้ได้รับพรจากพระเจ้าอนิเมะกัน?
ในขณะที่ยังโจวหยูยังงงกับสถานการณ์นี้อยู่นั้น เขาก็ได้ลองนำแวนตาสำรองอีกอันที่เขามีขึ้นมา อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาใส่มันเข้าไป เขาก็ยังเห็นโลกภาพแว่นตานั้นเป็นโลกของ ACG เหมือนกัน
‘สิ่งนี้มันไม่สมเหตุสมผลเลย!’ โจวหยูสับสนยิ่งขึ้น เพราะถ้าพูดกันตามตรงแล้วแว่นตาสำรองอันนี้พึ่งจะถูกซื้อมาตอนที่เข้าย้ายมายังหมูบ้านนี้ใหม่ๆ และเขาก็ไม่ได้สวมมันมากนัก ดังนั้นมันจึงไม่ควรจะกลายเป็นแบบแว่นตาที่เขาใช้อยู่ทุกวันได้
หากเขาไม่มีแว่นตามันก็เหมือนว่าเขานั้นเป็นคนพิการ แต่การสวมมันก็หมายความว่าเขาต้องรับมือกับโลกที่แปลกประหลาดนี้ มันเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากอย่างแท้จริง
ในที่สุดเขาก็ยังไม่สามารถทนความเจ็บปวดที่ไม่สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆได้ ดังนั้นเขาจึงได้เลือกที่จะสวมแว่นตานี้ ในขณะเดียวกันมันก็ได้มีความคิดบ้าๆขึ้นมา : “นี่คือชีวิตของฉัน ดังนั้นฉันต้องยอมรับผลที่จะเกิดขึ้น”
การที่โลกกลายเป็นโลกของ ACG โจวหยูก็พบว่ามันเป็นอะไรที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นการเคลื่อนไหวของตัวเองในกระจกเมื่อแปรงฟัน เขาต้องยอมรับว่ามันเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับเขาเป็นอย่างมาก
เมื่อเขายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้ มันก็ทำให้เขาไม่กลัวอีกต่อไป
แม้ว่าเขาจะตกใจในตอนแรก แต่เขาก็ไม่ได้วางแผนที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิตของเขาอย่างใด หลังจากล้างหน้าและแปรงฟันเสร็จแล้ว สิ่งแรกที่เขาทำยังคงเปิดคอมพิวเตอร์อยู่ดี
โชคดีที่คอมพิวเตอร์ยังคงแสดงกราฟิกเหมือนเดิม บางทีมันเป็นกราฟิกสองมิติอยู่ก่อนแล้ว มันจึงไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ตราบใดที่เขายังสามารถเล่นเกมได้ เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก
การพิมพ์นิยายของเขาเองก็ยังคงเป็นปกติ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเล่นเกมเลย …จากนั้นไม่นานท้องของเขาก็เริ่มส่งสัญญาณประท้วงออกมาอีกครั้ง
โดยปกติแล้วเขาไม่ได้กินอาหารเช้ามากนัก เขาเพียงแค่กินผลไม้บางอย่าง เช่นแอปเปิ้ลสองลูกก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว และเมื่อถึงเวลาที่เขาจะต้องทานอาหารมื้อที่สอง เขาได้มองไปยังตู้เย็นที่ว่างเปล่า มันคงถึงเวลาที่เขาจะต้องออกไปซื้ออาหารอีกครั้ง
ร้านที่ขายเนื้อตุ๋นเป็นร้านที่เขาไปบ่อยที่สุด เจ้าของร้านเป็นป้าลี่ลี่ เธอเป็นคนตั้งใจทำหน้าที่นี้อย่างสม่ำเสมอและเธอยังเป็นคนที่ไม่ชอบพูดคุยอีกด้วย เมื่อเธอเห็นเขามาเธอจะทำพูดเพียง “ สามจานใช้ไหม? กินแบบเดิมนะ?”
ทุกครั้งที่โจวหยูมายังร้านนี้ เขาจะสั่งสามจานเหมือนเดิมทุกครั้ง นั้นคือเป็ดย่าง หมูตุ๋น และปีกไก่ทอด ป้าลี่จึงจำได้อย่างเม่นยำ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือหน้าตาของป้าลี่ในตอนนี้ได้แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงในสายตาของโจวหยูนั้น เขาได้สังเกตเห็นว่าป้าลี่ได้กลายเป็นตัวละครวัยกลางคนที่สวยเป็นอย่างมาก
หลังจากได้อาหารที่เขาต้องการแล้ว ขั้นต่อไปของเขาก็คือการไปเดินยังตลาดเพื่อซื้อผักและขนมจากร้านสะดวกซื้อเล็กๆ ในที่สุดเขาก็จบลงด้วยการมีถุงอาหารขนาดใหญ่ และมันก็เพียงพอแล้วสำหรับเขาที่จะอยู่รอดเป็นได้อีกเวลาหลายวัน
ระหว่างทางกลับบ้านเองก็มีแม่น้ำสายเล็กที่สามารถมองเห็นวิวสวยๆได้ ทุกครั้งที่เขาเดินผ่านแม่น้ำสายนี้ เขาจะพยายามชะลอตัวลง เพราะมันเป็นยากมากสำหรับเขาที่จะได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติแบบนี้
โดยเฉพาะในเวลาฤดูร้อนเช่นนี้ บริเวณนี้ต่างก็เต็มไปด้วยพวกเด็กซนหลายคนที่ชอบมาที่นี่และเล่นน้ำ แต่ในไม่ช้าก็จะเห็นพวกผู้ใหญ่บางคนที่กำลังไล่ล่าเด็กๆเหล่านั้นโดยใช้แท่งไม้เป็นอาวุธ ซึ่งหลังจากที่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น มันก็จะจบลงด้วยเสียงร้องไห้ของพวกเด็กๆ
อย่างไรก็ตามโจวหยูไม่ได้มีอารมณ์แบบนั้นในวันนี้ เพราะตรงหน้าของเขาได้ปรากฏตัวอักษรสีแดงสดใสขึ้นมา
[มีแมวป่าปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า โปรดตัดสินใจ]
มีสองตัวเลือกปรากฏขึ้นมาด้านล่างของข้อความ หนึ่งคือการหลบหนี และ การต่อสู้
‘การต่อสู้? จะให้ฉันทำยังไงกับมัน?’ โจวหยูได้เกาหัวของเขาด้วยความสับสน จากนั้นเขาก็เห็นสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างเหมือนแมวแปลกๆ กระโดดเข้าหาเขา มันดูเหมือนแมวบ้านตามปกติ แต่ที่แปลกก็คือมันกำลังเดินอยู่บนสองขาเหมือนกับมนุษย์ ขนของมันเองก็เหมือนกับถูกผสมด้วยสีเทาและสีขาว มีหมวกอยู่บนหัวของมันอีกด้วย
“ ใครกันที่จับแมวตัวนี้แต่งชุดแบบนี้?”
นี่คือหมู่บ้านเล็กๆ จุดประสงค์หลักในการเลี้ยงแมวของคนทั่วไปคือการจับหนูเท่านั้น ไม่มีใครในหมู่บ้านที่จะทำเสื้อผ้าให้กับแมวของพวกเขาใส่ โดยเฉพาะเสื้อผ้าแบบนี้
แต่เหมือนกับว่าเขานั้นนึกอะไรขึ้นได้ เพราะก่อนหน้านี้เองเขาก็ได้เห็นแล้วว่าสภาพของป้าลี่นั้นแตกต่างไปจากเดิม ดังนั้นแมวตัวนี้ก็อาจจะเป็นแบบป้าลี่ก็ได้?
อย่างไรก็ตามในขณะที่เขากำลังจ้องมองมันผ่านช่องว่างของแว่นตา เขากับไม่พบว่าตรงหน้าของเขานั้นมีแมวอยู่!
“ โอ้พระเจ้า! มันเป็นแมวผีใช้ไหม?!”
โจวหยูที่คิดได้แบบนั้นก็แสดงอาการตกใจออกมาทันที อย่างไรก็ตามในขณะที่เขาเงยหน้าขึ้น เขาก็สังเกตเห็นว่าสิ่งมีชีวิตตรงหน้าของเขามันกำลังเคลื่อนไหวเหมือนกับว่ามันกำลัง “ เต้น” ต่อหน้าเขา
“ สัตว์ประหลาดตัวนี้กำลังทำอะไรกันแน่?!”
เนื่องจากโจวหยูไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไรไปมากกว่านี้ แต่หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ตัวอักษรสีแดงสดใสก็ค่อยๆหายไปพร้อมกับสัตว์ประหลาดตัว …