บทที่ 397 – ตัวเอกของงานนี้
“เฮ้อ.. ช่างเถอะ เอาตาที่พวกเธอสบายใจก็แล้วกัน ..”
เลทิเซียได้แต่ถอนหายใจออกมา เธอได้แต่คาดหวังว่าเด็กคนนี้คงไม่เป็นตัวแปรแปลกๆ ให้เลทิเซียควบคุมไม่ได้หรอกนะ
หลังจากคิดอยู่พักหนึ่งเลทิเซียก็เดินไปแตะหน้าผากของเนลพร้อมกับปล่อยพลังบางอย่างเข้าไปในตัวของเนล
ดวงตาของเนลเบิกกว้างในตอนนั้นเองเสียงสะท้อนบางอย่างก็ดังขึ้นในจิตใจของเธอ ความรู้สึกเจ็บแสบไปทั่วทั้งร่างกาย
“นี่เลทิเซียกำลังทำอะไรน่ะ?”
“อ่าาา เลทิเซียยังเหมือนเมื่อห้าปีก่อนเลย เท่มากๆ !”
เสียงของไอรีนและเวโรเน่ดังขึ้นในหัวของเธอ แต่พอเธอหันไปดูทั้งสองกลับพบว่าพวกเธอไม่ได้พูดอะไร
ภายใต้ความสับสนและงุนงง.. เธอในตอนนี้ได้ยินเสียงสะท้อนบางอย่างจากเบื้องลึกในจิตใจของคนอื่น!
แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ยินเสียงใดๆ จากเลทิเซียเลย.. แต่ถึงแบบนั้นดวงตาของเธอก็ยังเบิกกว้างเลือดไหลออกมาจากจมูกและหู
“เลทิเซียเจ้าทำบ้าอะไรน่ะ?!”
ไอรีนพุ่งมาหมายจะหยุดเลทิเซียเอาไว้ แต่เลทิเซียก็ดึงมือของตัวเธอกลับคืนมาพร้อมกับพูด
“ตอนนี้เธอทำได้แค่นั้นล่ะ”
“นี่มัน… อะไร…”
แม้ความเจ็บปวดจะยังคงแทรกซ้อนเข้าโจมตีสมองของเนล แต่เธอกลับเรียนรู้และควบคุมมันไว้ได้โดยสัญชาตญาณ
เสียงของจิตใจไอรีนและเวโรเน่ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเนล.. เลทิเซียแม้จะยังคงใช้ความคิด แต่เธอก็ตอบเนลทางปากว่า
“ฉันแค่ทำให้สายเลือดของซัคคิวบัสแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นเอง นับแต่นี้ต่อไปเธอจะสามารถอ่านใจคนอื่นได้”
“ไม่สิ.. ได้ยินเสียงจากเบื้องลึกของจิตใจมากกว่า เป็นเสียงของความรู้สึก ความปรารถนาอันแรงกล้าในช่วงเวลานั้นของคนอื่น”
“เพราะซัคคิวบัสเป็นปีศาจที่สามารถควบคุมความฝัน เธอสามารถเข้าแทรกแซงโลกแห่งความคิดของคนอื่นได้”
“หากเธออยากมีประโยชน์ในการเดินทางครั้งนี้ หน้าที่ของเธอคือทำตัวเป็นเด็กให้คนอื่นไว้วางใจ และแอบอ่านใจอีกฝ่ายเพื่อหาจุดอ่อน”
เลทิเซียพูด อันที่จริงต้องขอบคุณลาน่าในอนาคต เพราะลาน่าเป็นซัคคิวบัสเหมือนกันเธอมีความเชี่ยวชาญเรื่องแบบนี้มากกว่าใคร
บางทีหากเนลโตกว่านี้ก็คงทำแบบเดียวกันกับลาน่าได้ด้วยการสื่อสารผ่านจิต แต่ตอนนี้อ่านใจได้ก็เต็มกลืนแล้ว
ดวงตาของเนลเบิกกว้างก้มลงมองมือทั้งสองข้างตัวเอง เลือดที่ไหลออกจากจมูกและหูนั้นหายไปแล้ว
“สิ่งที่ข้าเท่านั้น.. ที่ทำได้”
เลทิเซียเองก็คิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีเหมือนกัน เพราะตอนแรกเธอคิดจะใช้ความสามารถของตัวเองในการต่อริงเจรจา
ทักษะที่ใช้อ่านใจคนอื่นของเลทิเซียใช่ว่าจะไม่มี สาเหตุแรกที่เธอไม่อยากใช้ เพราะหากเธอรู้มากเกินไปเธอจะผลีผลามทำอะไรล่วงหน้า
จนภาพสะท้อนของเทพผู้สร้างปรากฏขึ้นมาอีก.. เมื่อมีเนลร่วมเดินทางด้วย และไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
สามารถกล่าวได้ว่าตัวแปรหลักของเส้นเวลานี้ไม่ว่าจะมีเนลอยู่หรือไม่ล้วนไม่ต่างกัน กล่าวคือบางทีเนลอาจจะเป็นตัวแปรในการเร่งให้สงครามจบไวขึ้น
“แต่ถึงแบบนั้นก็เถอะ เลทิเซียเจ้าทำให้เนลเลือดไหลเลยนะ!”
ไอรีนพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย แต่เลทิเซียก็เมินคำพูดของไอรีน ทำให้เนลต้องพูดขึ้นมาว่า
“ไม่เป็นไรหรอก.. กลับกันข้าต้องขอบคุณด้วยซ้ำ.. ท่านพี่เลทิเซียช่วยให้ข้าได้มีประโยชน์ในการเดินทางด้วย”
“ไม่ต้องเติมท่านพี่ก็ได้ เรียกเลทิเซียเฉยๆ ก็พอ พวกเธอเองก็ด้วยนะ”
เลทิเซียที่โดนเรียกท่านพี่ก็อดจะคิดถึงเลวี่ไม่ได้ ทำให้เธอรู้สึกคันยิบๆ ในหัวใจตอนนี้เลวี่เธอคงเป็นผู้ใหญ่แล้วสินะ
แต่จะว่าไปเธอไปอยู่ไหนกันนะ.. เลทิเซียส่ายหน้าเลิกคิดเรื่องในอนาคตเธอต้องทุ่มเททุกอย่างให้กับตอนนี้ซะก่อน
“อื้ม เข้าใจแล้ว!”
เนลตอบกลับด้วยรอยยิ้ม สายตาที่มองไปที่เลทิเซียเผยความรู้สึกประทับใจยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า
ทั้งแข็งแกร่ง ทั้งฉลาดและไม่ถือตัว.. อีกทั้งยังเป็นคนใจดีที่เข้าใจเธออีกต่างหาก ความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อเลทิเซียหากมีหลอดพาลามิเตอร์
มันคงพุ่งทะลุหลอดไปแล้ว.. ในขณะเดียวกันเวโรเน่ก็ไม่ต่างกัน เพราะแรกเริ่มเดิมทีเวโรเน่นั้นชื่นชอบเลทิเซียมาตั้งนานแล้ว
เพราะเลทิเซียเป็นทั้งเพื่อนคนแรกและคนที่สอนเวทมนตร์ให้เธอ เป็นคนย้ำให้เธอได้เห็นคุณค่าของสิ่งสำคัญต่อเอง
ช่วยเหลือพ่อของเธอแบบเงียบๆ .. พอคิดถึงเรื่องราวเหล่านี้แล้วเวโรเน่ยิ่งรู้สึกปลื้มเลทิเซียมากขึ้นไปอีก
จนแม้แต่ไอรีนที่อ่านใจไม่ได้ยังสะดุ้งต่อสายตาของทั้งเนลและเวโรเน่น้องสาวของตัวเอง..
“จะเป็นอะไรไหมเนี่ย? คนคนนี้ยิ่งดูเหมือนคนไม่สนอะไรอย่างอื่นเท่าไหร่ด้วยสิ เฮ้อ”
ไอรีนได้แต่ถอนหายใจออกมา… แต่เธอก็ส่ายหน้าออก ยังไงซะเธอก็ต้องข้ามผ่านมันไปให้ได้ เพราะนี่ไม่ใช่แค่การเดินทางของเธอ
แต่เป็นการเดินทางของพวกเราทุกคน!
เลทิเซียหลังจากคิดไปได้พักใหญ่ก็พูดขึ้น..
“ฉันขอถามความเห็นของเธอก่อนนะ ไอรีนหากเป็นเธอ เธอจะทำยังไงกับสถานการณ์แบบนี้?”
“ข้าเหรอ.. อืม..นั่นสินะ”
ไอรีนไม่ได้มีปัญหากับเลทิเซีย อันที่จริงจากการพูดคุยกันเมื่อครู่นี้ก็ทำให้ไอรีนรู้ว่าคนที่ขื่อเลทิเซียไม่ใช่คนโง่
กลับกันเธอเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอกซะมากกว่า ไม่ควรโดนรูปร่างภายนอกที่เหมือนกับเด็กนั่นหลอกโดยเด็ดขาด
แต่เธอไม่คิดว่าเลทิเซียจะถามความเห็นเธอก่อนเหมือนกัน.. แน่นอนที่เลทิเซียถามเพราะเธออยากรู้ว่าไอรีนจะแก้ปัญหายังไง
เธอจะได้คิดแผนจากความคิดนั้น เพราะหากไม่มีเลทิเซียอยู่ไอรีนจะต้องจัดการทุกอย่างเอง ดังนั้นอาจจะทำให้สถานการณ์ยืดเยื้อกว่าที่คิดได้
ดังนั้นเลทิเซียจึงเป็นตัวคอยกรองแผนการ เพราะหากเธอเสนอแผนตัวเองไปละก็ มีโอกาสที่จะเกิดภาพสะท้อนของผู้สร้างขึ้นก็ได้
หลังจากไอรีนคิดอยู่พกหนึ่งก็ตอบ..
“หากเจ้าพวกที่อยู่ด้านนอกเป็นตามที่เจ้าว่าจริง.. ก็คงจัดการมันแล้วฉีกใบหน้าของพวกมันว่า.. พวกมันคือสายลับจากแดนอื่นละมั้ง?”
“งั้นเหรอ.. บังเอิญจัง ฉันก็คิดแบบเดียวกันเพราะเป็นวิธีที่น่าจะรวดเร็วที่สุด”
เลทิเซียประหลาดใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าแผนที่ตัวเองพึ่งร่างขึ้นมาในหัวจะเข้าไปอยู่ในหัวไอรีนเหมือนกัน หรือว่าเป็นพลังของเนล?
ไม่ เป็นไปไม่ได้เพราะต่อให้เนลมีพลังมากเท่าลาน่าหรือมากกว่านั้น ตอนนี้ก็ไม่มีใครอ่านความคิดเลทิเซียได้หรอก
หมายความว่า.. ไอรีนคิดขึ้นมาเอง แสดงให้เห็นว่าเธอมีความเป็นผู้นำมากในระดับที่ไม่จำเป็นต้องมีเลทิเซียด้วยซ้ำ
แต่เลทิเซียก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะไอรีนเธอเป็นคนฉลาด.. ไอรีนและเลทิเซียมองหน้ากัน.. แต่ไอรีนก็พูดขึ้น
“แต่ว่า.. ข้ายังไม่รู้เลยว่าจะเปิดเผยมันยังไงน่ะสิ?”
“ก็ให้มันพูดเองสิ”
“จะทรมานงั้นเหรอ..? แต่ว่าสายลับทุกคนน่าจะถูกฝึกมาให้ป้องกันเพื่อไม่ให้ข่าวหลุดนี่น่า.. ต่อให้มันเป็นแค่หมาสองหัวก็น่าจะเคยฝึกความอดทนมาก่อน”
“ฉันบอกตอนไหนกันว่าจะทรมาน? … สิ่งที่พวกเราจะทำคือแค่ให้มันพูดออกมาเอง.. นี่คืออาร์ติแฟ็คบันทึกเสียง”
เลทิเซียกล่าวพร้อมกับแสดงท่าทางเหมือนจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ออกมา.. ในมือของเธอถืออาร์ติแฟ็คระดับต่ำชนิดหนึ่งออกมา
แน่นอนว่าอาร์ติแฟ็คไม่ใช่วิทยาการในโลกนี้ การจะมีอาร์ติแฟ็คบันทึกเสียงโผล่ออกมา คงไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่
เลทิเซียหันไปทางเนลพร้อมกับพูดขึ้น
“ตัวเอกของงานนี้ ก็คงต้องเป็นเธอแล้วล่ะ เนล”