บทที่ 400 – หนึ่งมือและหนึ่งนภา
“อะไร.. นี่เธอไม่ไปพักผ่อนหน่อยเหรอ ต่อให้มีเวทมนตร์ช่วย แต่ก็ควรพักบ้างนะ เพราะยังไงซะจิตใจเองก็คงเหนื่อยเหมือนกัน”
เลทิเซียเหลือบไปมองเห็นไอรีนที่ยืนมองตัวเองอยู่เธอก็พูดขึ้น.. ตลอดหกเดือนที่ผ่านมาสำหรับเลทิเซียที่ไม่ใช่คนเดิม
ไม่ใช่เลทิเซียที่ปฏิเสธทุกคนเหมือนอย่างเคยแล้วนั้น.. เธอก็รู้สึกยอมรับ ไอรีน เวโรเน่และเนลมากยิ่งขึ้น…
แต่อันที่จริงตัวของเลทิเซียก็ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของตัวเองตอนนี้สักเท่าไหร่เหมือนกัน แต่เธอก็ยังต้องเก็บท่าทางเหล่านั้นเอาไว้
ไอรีนที่เห็นเลทิเซียทัก เธอก็ตื่นกลับมาจากห้วงความคิดแล้วก็เดินมาหาเลทิเซียพร้อมกับนั่งลงข้างๆ …
“ข้าไม่ง่วงเท่าไหร่นะ”
“งั้นเหรอ”
ทั้งสองคุยกันแค่นั้น เลทิเซียแหงนหน้ามองดวงจันทร์ที่ในตอนนี้แสงดูซบเซาลงไปมากพอสมควรแล้ว…
พอมาอยู่กันสองต่อสองที่ไม่เกี่ยวกับภารกิจที่ต้องทำก็เหมือนว่าทั้งสองไม่รู้จะคุยอะไรกันดีเหมือนกัน
หลังจากเงียบไปสักพักไอรีนก็หันไปมองใบหน้าของเลทิเซียที่ตอนนี้กำลังแหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้ายามราตรี เธอก็ลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะถามขึ้นว่า
“ทำไม.. เลทิเซียถึงชอบแหงนหน้ามองไปบนท้องฟ้าแทบตลอดเลยล่ะ?”
“ทำไม..งั้นเหรอ?”
เลทิเซียที่ได้ยินคำถามนั้นเธอก็นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง เธอก้มลงกลับมามองขาทั้งสองข้างตัวเองเหมือนจมอยู่กับความคิด
บรรยากาศอันอ้างว้างของเธอลอยอยู่รอบๆ ทำให้ไอรีนสับสนเล็กน้อย ตลอดเวลาที่ผ่านด้วยกันมา
ตอนนี้ไอรีนรู้แล้วว่าเลทิเซียคนตรงหน้านี้รู้สึกเหมือนกับแบกรับอะไรบางอย่างเอาไว้ เธอเหมือนคนที่รู้สึกผิดและเสียใจอยู่ตลอดเวลา
พอเห็นเลทิเซียแสดงความรู้เศร้าสร้อยออกมา มันกลับทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดไปด้วยกัน.. เธอเองก็ไม่เข้าใจความรู้สึกของเลทิเซียหรอก
ตลอดชีวิตของเธออย่าว่าแต่บรรยากาศเศร้าโศกแบบเลทิเซียเลย แม้แต่ความรู้สึกสูญเสียพ่อบุญธรรมของเวโรเน่เธอก็ไม่เข้าใจ
เธอไม่เคยเจออะไรแบบนั้นจนกระทั่งได้ออกเดินทาง ได้พบปะเจอกับคนมากมาย มีทั้งทุกข์และสุข เธอทำตัวเหมือนผู้ที่เข้าใจคนอื่น
คอยปลอบโยน คอยแนะนำ.. แต่ว่าเธอนั้นรู้ดีกว่าใครว่าเธอน่ะมันไม่ได้เข้าใจอะไรเลย ไม่เข้าใจใครเลยทั้งสิ้น
เธอมันก็แค่คนที่เกิดมาพร้อมกับชีวิตอันสวยหรู งดงามราวกับปูพรม ทั้งพรสวรรค์ทั้งความฉลาดล้วนอยู่เหนือคนอื่นไปไกล
ตั้งแต่เกิดมาคนที่เธอเคยรู้สึกว่าสู้ไม่ได้เลยมีเพียงแค่คนเดียว.. คือเลทิเซีย แต่เลทิเซียคนนั้นกลับเป็นเหมือนคนที่เศร้าโศกอยู่ตลอดเวลา
ทำไมคนที่เก่งขนาดนั้นถึงยังมีความเศร้าได้.. งั้นคนที่แปลกประหลาดมันเธอยังงั้นเหรอ.. เป็นเพราะเธอเป็นลูกของคนคนนั้นงั้นเหรอ
ความรู้สึกเจ็บปวดที่เห็นเลทิเซียเสียใจนี้มันคืออะไร…
“ข้าน่ะ.. ตลอดมา… ข้าไม่เคยเข้าใจอะไรเลยล่ะ เลทิเซีย.. ทุกครั้งที่ข้ายิ้มแล้วก็พูดออกไปว่า ‘ไม่เป็นอะไรนะ สงครามจะต้องจบลงอย่างแน่นอน’ แต่ตัวข้ากลับไม่เคยสัมผัสความรู้สึกที่คนคนนั้นสัมผัสอยู่ด้วยซ้ำ ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนั้นคนคนนั้นรู้สึกอย่างไร”
“ทุกอย่างสำหรับข้า.. ทุกคนสำหรับข้าแม้ข้าจะพยายามที่จะเข้าใจ แต่ข้าก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองแตกต่าง ตัวเองไม่ใช่คนที่ควรจะพูดคำแบบนั้นออกไปด้วยซ้ำ”
“ข้าไม่เคยรู้สึกแบบเดียวกับพวกเขาเลยด้วยซ้ำ”
“ดังนั้นข้าเลยไม่เข้าใจอะไรเลย ไม่เข้าใจเรื่องที่ทำไมเจ้าถึงเศร้าและไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงกับเจ้าดี..”
ไอรีนกล่าวด้วยน้ำเสียงเลือนลอย.. เลทิเซียเองก็หันมามองเธอ มือสองข้างของไอรีนสั่น ..
เลทิเซียไม่ใช่เด็ก ตลอดการเดินทาวที่ผ่านมาไอรีนเห็นความเศร้าเลทิเซีย เลทิเซียเองก็เห็นความรู้สึกของไอรีนเหมือนกัน
ทุกครั้งที่เธอยิ้มทุกครั้งที่เธอหัวเราะมันราวกับเธอซ่อนความรู้สึกสับสนบางอย่างเอาไว้ในห้วงลึกของจิตใจ
แต่ที่เลทิเซียประหลาดใจคือไม่คิดว่าตัวไอรีนจะกังวลเรื่องของเธอขนาดนี้.. ไม่สิ.. นั่นก็แน่นอนสินะ..
เลทิเซียคือเพื่อนร่วมเดินทางของเธอนะ.. ไอรีนไม่เหมือนเลทิเซียที่เธอเพียงผ่านทางมา แต่ไอรีนต้องอยู่กับปัจจุบัน
ต้องอยู่กับตอนนี้… นี่คือความจริงสำหรับเธอ แต่สำหรับเลทิเซียนี่มันก็แค่อดีต.. ดังนั้นเลทิเซียจึงละเลยที่จะคิดถึงคนอื่น..
เกือบเป็นอีกครั้ง.. เกือบเป็นอีกครั้งที่มันเหมือนกับในอดีตที่เลทิเซียลืมที่จะสนใจคนสำคัญจนพวกเธอตายไปแล้วค่อยมาตระหนักถึง…
ไอรีน เวโรเน่หรือแม้แต่เนล สำหรับเลทิเซียตอนนี้พวกเธอทั้งสามคือเพื่อนตัวเองแล้วไม่ใช่หรือยังไง
เพราะมัวแต่ปฏิเสธ มัวแต่ละเลยเพราะแบบนั้นไม่ใช่หรือไงเลยสูญเสียทุกอย่างไป… ความเศร้าของเวโรเน่ที่สูญเสียพ่อไป
ใบหน้าอันแสนเจ็บปวดของเวโรเน่ตอนนั้นเธอรู้สึกยังไง.. นึกให้ออกสิเลทิเซีย เธอรู้สึกเจ็บปวดเหมือนกับเป็นเรื่องของตัวเองเลยไม่ใช่รึไง
เลทิเซียนิ่งเงียบไปสักพักหนึ่ง… เธอก็ยื่นมือขวาขึ้นไปกลางอากาศ.. แล้วก็แบมือออกเหมือนกำลังจะเปรียบเทียบฝ่ามือตัวเองกับท้องฟ้าอันยิ่งใหญ่
“ดูสิ.. ไอรีนฝ่ามือของเราหากเปรียบเทียบกับท้องฟ้า.. มันกลับเล็กเพียงแค่นี้เองเท่านั้น”
“แต่รู้อะไรไหม.. ท้องฟ้าที่เราเห็นที่เรารับรู้มันไม่ได้มีเพียงแค่นี้หรอกนะ สำหรับเราแล้วเพียงท้องฟ้าในขอบเขตสายตา เรากลับมีปัญญาเพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งในร้อยของมัน”
“มันก็เหมือนชีวิตของเรานั่นแหละ.. เรายังต้องประสบพบเจอกับอีกหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย หรืออาจจะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เข้าใจไม่หมด”
“เพราะมันคือขีดจำกัด.. ใช่ นั่นคือความตาย”
“ฉันมักจะมองขึ้นไปบนท้องฟ้า.. และถามกับตัวเองว่านี่ฉันทำถูกแล้วใช่ไหม ฉันจะช่วยคนสำคัญของฉันได้ใช่ไหม ? วิธีนี้จะทำให้ฉันก้าวข้ามขีดจำกัดความตายได้ใช่ไหม?”
“แต่ฉันก็ไม่เคยได้รับคำตอบหรอกนะ.. สุดท้ายฉันก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันถูกหรือเปล่า หรือมันผิดไหม”
“แต่ว่าฉัน… มีแต่ต้องทำเท่านั้น เพราะนั่นเป็นสิ่งเดียวที่ฉันทำได้ เพื่อช่วยพวกเธอคนสำคัญของฉัน จะท้อไม่ได้ จะถอยไม่ได้โดยเด็ดขาด”
เลทิเซียพูดความรู้สึกของตัวเองออกมาจนหมด ก่อนที่จะหันไปหาไอรีนพร้อมกับพูดขึ้นว่า..
“เหมือนกับเธอ.. สำหรับเธอแล้วเธอไม่ใข่ท้องฟ้า เธอเป็นแค่คนคนหนึ่ง.. เธอไม่จำเป็นต้องพบเจอแบบเดียวกับที่คนอื่นเจอ เพราะท้องฟ้ากว้างขวางนัก”
“แต่ตราบใดที่เธอยังมีความรู้สึกที่พยายามจะเข้าใจ… แบบนั้นมันก็ดีแล้วล่ะ ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรหรอก เธอก็ยังเป็นเธอเหมือนเดิม”
ตราบใดที่ไอรีนยังพยายามจะเข้าใจคนอื่น พยายามพูดปลอบใจคนอื่นทั้งที่เธอไม่เข้าใจนั้น.. เป็นเรื่องธรรมดา
เลทิเซียไม่สามารถเป็นแบบเดียวกับไอรีนได้.. ที่คอยใส่ใจทุกคนพยายามจะใส่ใจทุกอย่างแต่กลับไม่เข้าใจอะไรเลย
แต่มันผิดตรงไหนกันล่ะ.. เธอแค่ไม่เคยสัมผัสถึงไม่ได้แปลว่าเธอจะไม่มีสิทธิ์ที่ตะบอกให้คนอื่นก้าวต่อไปสักหน่อย
เพราะโลกนั้นยิ่งใหญ่ไพศาล การที่จะมีเรื่องบางเรื่องที่ไม่เข้าใจแล้วมันผิดตรงไหนกันล่ะ …
ไอรีนก้มหน้าลงเพราะคำพูดของเลทิเซีย ก้มลงมองมือทั้งสองข้างของเธอ..
“แต่ว่า.. ฉันไม่ได้เข้มแข็งเหมือนเลทิเซีย.. เพียงแค่คิดว่าต้องต่อสู้กับคนอีกหลายคน .. ข้าก็รู้สึกเหมือนกับว่าข้าไม่ไหวหรอก คนแบบข้ามันไม่ไหวหรอก..”
เลทิเซียที่ได้ยินแบบนั้นเธอก็ส่ายหน้าเล็กน้อยพร้อมกับพูด
“เข้มแข็ง..? เปล่าเลย ฉันไม่เคยเข้มแข็งเลยสักครั้ง… ทุกครั้ง ทุกครั้ง.. ฉันก็รู้สึกอยากยอมแพ้.. แต่ว่า.. เพื่อชีวิตที่ดีกว่าตอนนี้ เพื่อโลกที่สดใสของฉันเอง ฉันจะยอมแพ้ไม่ได้ต่างหาก.. เพราะไม่มีทางอื่นนอกจากก้าวต่อไปต่างหาก”
“…..”
ไอรีนนิ่งเงียบเล็กน้อย…
“แล้วเธอล่ะไอรีน.. เธอพยายามหยุดสงครามไปเพื่ออะไรกันล่ะ เพราะคำสั่งของท่านแม่? หรือเพราะอะไรกัน?”
พอคำถามนี้หลุดออกมาจากปากเลทิเซียร่างกายของไอรีนก็สั่นสะท้าน… เธอราวกับตกอยู่ในห้วงแห่งความคิดซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด
ในขณะที่เลทิเซียเองก็รู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่ตัวเองพูดออกไปไม่น้อย ทั้งที่ตัวเองไม่ใช่คนช่างพูดหรือช่างใจดีขนาดนั้น…
ไม่รู้สิ.. เลทิเซียคิดว่าไอรีนเป็นเหมือนคนที่เธอสามารถพูดด้วยได้ทุกอย่างเลยล่ะ