การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 401

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 401 – อนาคตอีกห้าร้อยปีข้างหน้า

“นั่นสินะ… ฉันคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังเธอแล้วล่ะ”

จู่ๆ เลทิเซียก็พูดขึ้น.. บางทีเลทิเซียอาจจะคิดว่าไม่มีเหตุผลที่จะต้องปิดบังอีกแล้ว ยังไงซะบางทีไอรีนคงจะเดาบางอย่างได้อยู่แล้ว

เพราะการกระทำของเลทิเซียที่แสดงออกมาราวกับเห็นอนาคตนั้น คงพอทำให้ไอรีนเดาบางสิ่งบางอย่างได้

เพราะไอรีนไม่ใช่คนโง่.. หากเธอใช้ความคิดนิดหน่อยบวกกับการที่เลทิเซียเป็นเหมือนจอมมารคนที่สิบสามทั้งๆ ที่ไม่ควรมีบนโลกใบนี้

บางที.. ไอรีนคงวาดภาพบางอย่างไว้ในหัวแล้ว แต่เธอไม่ใช่คนพูดจาไม่ดูตาม้าตาเรือ เมื่อเลทิเซียไม่พูดถึงมัน เธอเองก็ไม่กล่าวถามเช่นกัน

เพราะยังไงซะพวกเธอทั้งสองก็ใกล้ชิดกันขนาดนี้แล้ว เรื่องที่ปิดบังอีกฝ่ายได้คงมีไม่กี่เรื่องนั่นแหละ

หลังจากที่เลทิเซียตัดสินใจได้เธอก็หันหน้าไปด้านหลังพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“เธอเองก็มาฟังด้วยสิ เวโรเน่”

เพราะเลทิเซียพูดแบบนั้นเงาที่หลบอยู่ก็สะดุ้งเพราะเลทิเซียเรียกเล็กน้อย แต่เมื่อมาคิดดูว่านั่นเป็นถึงเลทิเซียเลยนะ

ต่อให้เวโรเน่สามารถหลบซ่อนจากไอรีนได้แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะหลบซ่อนจากเลทิเซียได้

เวโรเน่เดินออกมาจากเงามืด ทำให้ไอรีนประหลาดใจเล็กน้อย

“เจ้ายังไม่นอนเหรอ? แล้วเนลล่ะ?”

“แฮะๆ .. ข้านอนไม่หลับน่ะ ส่วนเนลเธอหลับไปแล้วล่ะ”

เวโรเน่เดินมานั่งข้างๆ เลทิเซียอีกด้านหนึ่ง.. เลทิเซียหลังจากเรียบเรียงความคิดเล็กน้อยเธอก็เริ่มพูดขึ้น..

เลทิเซียพูดไปถึงดินแดนอันห่างไกลออกไปจากตอนนี้.. ดินแดนแห่งนั้นเป็นดินแดนที่มีแต่ความสงบสุข

เป็นดินแดนทั้งสามเผ่าพันธุ์ใหญ่ต่างพากันอยู่ในสันติสุขและมีสถาบันศึกษาที่คอยสอนเด็กน้อยให้เติบใหญ่ขึ้นไปเป็นคนที่ดีกว่า

ในโลกนั้นทุกคนปรองดองกันอย่างหาไม่ได้ เป็นโลกในอุดมคติของคนในตอนนี้เลยก็ว่าได้…

“และในโรงเรียนนั้นได้มีเด็กคนหนึ่ง.. เธอมีน้องสาวหนึ่งคน เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่นิสัยเสียอย่างมาก”

“เธอชอบหลีกหนีจากสิ่งที่ไม่เข้าใจและมองทุกสิ่งทุกอย่างในแง่ลบเพื่อทำให้ตัวเองสบายใจ”

“ไม่ว่าจะเพื่อนพ้องหรือแม้แต่คนที่เชื่อใจได้ สำหรับเธอ เธอเชื่อว่าไม่มีใคร..”

เลทิเซียเริ่มเล่าเรื่องราวของเด็กคนหนึ่ง.. เด็กคนนั้นเป็นเด็กที่พิเศษกว่าคนอื่นเพราะเธอไม่ใช่คนของโลกใบนี้

เธอเป็นคนที่มาจากต่างโลก โลกที่เด็กคนนั้นเคยอยู่เป็นโลกที่เต็มไปด้วยสงครามอันโหดร้าย..

อาจจะเพราะเป็นแบบนั้นมันเลยทำให้เธอนั้นเป็นคนที่มองโลกในแง่ลบสุดๆ .. เรื่องเล่าของเลทิเซียนั้นยาวเหยียดราวกับแทบจะไร้ที่สิ้นสุด

บางครั้งก็มีสถานการณ์เกิดขึ้นน่าตลกจนคาดไม่ถึง หรือบางสถานการณ์ก็น่าปวดหัวอย่างถึงที่สุด…

แต่ทว่าทุกอย่างกลับเริ่มแปรเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ … เด็กคนนั้นก็เริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพราะคนสำคัญคนหนึ่ง

แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับคำว่าเพื่อน เธอหวาดกลัวและขลาดเขลา ทิ้งสิ่งที่ตัวเองควรจะทำให้คนอื่น

แต่แล้วเธอก็รู้ว่ามันไม่ใช่.. มันไม่ควรเป็นแบบนั้น เธอเปลี่ยนแปลงตัวเอง เธอได้มีเพื่อน.. ได้มีคนรู้จัก…

เธอรู้สึกมีความสุขกับสายสัมพันธ์อันอ่อนโยนเหล่านี้.. แต่ทุกอย่างเรื่องราวก็แปรเปลี่ยนไปราวกับเปลี่ยนโทนเรื่อง

เพื่อนของเธอค่อยๆ ตายไปทีละคน.. ทีละคน.. ราวกับพระเจ้ากำลังมอบบทลงโทษให้กับเธอ

เธอที่ไม่เคยเชื่อใจใครนั้น เคยทำให้คนอื่นเจ็บปวดนั้น.. ราวกับพระเจ้าได้มอบบทลงโทษให้กับเธอ…

จนสุดท้ายเธอก็ไม่เหลืออะไรเลย มือทั้งสองข้างที่แข็งแกร่งกลับไม่สามารถคว้าอะไรเอาไว้ได้เลยสักนิด ทำไมกันล่ะ ทำไมกันนะ?

แต่ตอนนั้นเองเส้นทางใหม่ก็ถูกเปิดออก.. มีคนมาบอกว่าหากย้อนเวลากลับไปได้ ทุกอย่างจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้

เธอย้อนเวลากลับไปเพื่อช่วยเพื่อน แต่มันกลับกลายเป็นการย้อนกลับไปซ้ำเติมเรื่องที่เคยเกิดขึ้น พอไหวตัวทันก็สายเกินไปแล้ว

ภาพสะท้อนของเทพผู้สร้างปรากฏขึ้นต่อยเธอลอยข้ามห้วงเวลามาตกอยู่เวลาเมื่อห้าร้อยปีก่อน.. ช่วงที่สงครามยังไม่จบลง…

“ใช่… คนคนนั้นคือฉันเอง … ไอรีน เธอเคยสงสัยใช่ไหมว่า ฉันน่ะไม่รู้สึกท้อบ้างเหรอ รู้สึกไร้หนทางบ้างเหรอ …? เคยสิ.. ฉันน่ะอยู่กับมันจนแทบจะเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว เพราะไม่ว่าฉันจะพยายามแค่ไหน มันก็ยังไม่มากพอ ไม่เพียงพอที่จะช่วยเหลือคนสำคัญเลย”

“แต่เพราะแบบนั้นแหละ.. ฉันถึงถอยไม่ได้.. เพราะฉันมีเป้าหมายอยู่ ฉันต้องการที่จะเห็นรอยยิ้มของทุกๆ คน อยากให้ทุกคนมีความสุข”

“เคยมีคนสอนฉันว่า.. หากเป้าหมายนั้นเป็นรูปเป็นร่าง ไม่ใช่การพยายามอย่างไร้จุดหมาย ไม่ว่าจะมีอุปสรรคแบบไหนก็จะฝ่ามันไปได้”

“ฉันขอถามเธออีกรอบ.. ไอรีนรวมถึงเวโรเน่ด้วย พวกเธอน่ะ เป้าหมายของพวกเธอน่ะจะหยุดสงครามไปเพื่ออะไร?”

เลทิเซียยังคงนึกถึงเรื่องคำสอนของพี่สาวที่ดังกึกก้องอยู่ในใจของเธอ ก่อนที่เธอจะยืนขึ้นและหันไปจ้องหน้าของไอรีนและเวโรเน่พร้อมพูดขึ้น

ไอรีนและเวโรเน่ทำได้เพียงแต่เงียบลง พวกเธอรู้ว่าเลทิเซียไม่ใช่คนโกหก และคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องโกหก

อีกห้าร้อยปีข้างหน้าสงครามจะยุติลงโดยฝีมือของพวกเธอ? และโลกหลังจากนั้นคือโลกที่แสนสงบสุข?

หากพิจารณาถึงความรู้และแผนการของเลทิเซียที่ราวกับเห็นอนาคตก็สามารถเข้าใจได้..อันที่จริงไอรีนก็เคยเดาไว้แนวๆ นี้เหมือนกัน

เพราะเธอเดาว่าเลทิเซียอาจจะเป็นจอมมารที่มาจากอนาคต เพราะจอมมารสิบสองคนในยุคนี้ก็ยังอยู่ครบ

เมื่อเลทิเซียเป็นคนเปิดปากเล่าเอง มันจึงทำให้การคาดเดาของเธอถูกต้องไม่มีผิดเพี้ยน.. ที่จะประหลาดใจก็มีแค่ที่บอกว่า

เลทิเซียเป็นคนที่มาจากต่างโลกอีกที… แต่สิ่งที่เธออยากถามเลทิเซียน่ะมีมากมายจนแทบนับไม่หมด

ทั้งเรื่องของคนสำคัญของเลทิเซีย เรื่องที่เลทิเซียมาเกิดใหม่ในต่างโลกอีกทีหนึ่ง.. หรือแม้แต่เรื่องในอนาคต

นี่อาจจะเป็นโอกาสเดียวที่ได้พูดถึงเรื่องนี้ก็ได้ เพราะเธอรู้ว่าเลทิเซียเป็นคนยังไง หลังจากนี้เลทิเซียอาจจะไม่พูดถึงหัวข้อนี้อีกเลยก็ได้

งั้นสิ่งที่เธอจะถามคืออะไรล่ะ? ห้าร้อยปีข้างหน้าตัวของไอรีนมีชื่อเสียงหรือเปล่างั้นเหรอ? หรือในอีกห้าร้อยปีข้างหน้ามีอุปกรณ์วิทยาการก้าวหน้าขนาดไหน?

ไม่ ไม่ ไม่ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธออยากรู้… ความว้าวุ่นใจ ความอึดอัดที่ได้ฟังเรื่องราวของเลทิเซียที่ราวกับว่าเธอเป็นของเล่นของพระเจ้า

หากมีพระเจ้าที่ขีดเขียนทุกอย่างอยู่จริงๆ บางทีพระเจ้าตนนั้นคงกำลังมีความสุขจากการได้เห็นความเจ็บปวดของเธอคนนี้

ภายใต้ความสับสนและลังเล จู่ๆ ปากของเธอก็เปิดขึ้น…

“ถ้าหากสงครามหยุดลง.. เธอจะดีใจหรือเปล่า?”

ไอรีนพูดแบบนั้น.. มันเป็นเพียงคำสั้นๆ เท่านั้น…

เลทิเซียที่ได้ยินแบบนั้นดวงตาของเธอก็แปลกใจเล็กน้อย หันไปมองเวโรเน่ก็ดูเหมือนสนใจเหมือนกัน

เลทิเซียครุ่นคิดก่อนจะตอบ

“นั่นสินะ.. เพราะไม่มีสงครามฉันถึงได้เข้าไปเรียนหนังสือ ได้พบเจอกับคนต่างๆ มากมาย ก็คงจะดีใจละมั้ง”

“ไม่สิ อันที่จริงฉันรู้สึกขอบคุณเธอด้วยซ้ำที่หยุดสงครามเอาไว้”

พอเลทิเซียพูดแบบนั้นไอรีนและเวโรเน่ก็นิ่งเงียบลงไปพักหนึ่ง… ก่อนที่ทั้งคู่จะหันไปมองกันและกัน

พี่น้องราวกับสื่อสารกันผ่านทางสายตาได้.. ทั้งคู่พยักหน้าก่อนที่จะดึงแขนเลทิเซียกลับลงมานั่งและซักถามเรื่องในอนาคต

เลทิเซียก็ตอบเท่าที่ตอบได้ แต่เพื่อไม่ให้เวลามันขัดแย้วงกัน เธอจึงหลีกเลี่ยงที่จะพูดเรื่องบางอย่างด้วยความจงใจ

ซึ่งไอรีนและเวโรเน่ก็เข้าใจ เพราะจากเรื่องเล่าก่อนหน้านี้ทำให้พวกเธอเข้าใจกาลเวลามากยิ่งขึ้น…

ดังนั้นเมื่อเลทิเซียตอบไม่ได้เธอก็จะเปลี่ยนคำถาม.. กลายเป็นว่าคืนนั้นทั้งคืนเลทิเซียต้องพูดคุยกับสองพี่น้องนี้จนรุ่งสางเลย..

และแน่นอนว่า.. หลังจากนี้ความสัมพันธ์ของพวกเธอจะค่อยๆ เปลี่ยนไปและพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น…

และไอรีนกับเวโรเน่เองก็มักจะแอบไปปรึกษาหารือบางอย่างกันบ่อยๆ .. แน่นอนว่าแผนการยุติสงครามยังคงดำเนินต่อไป

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท