บทที่ 402 – ของเหลวเวทมนตร์
นับตั้งแต่แผนการยุติสงครามเริ่มขึ้นก็ผ่านมาแปดเดือนแล้ว ทั้งเวโรเน่และไอรีนต่างรู้ดีว่าถึงเวลาที่เลทิเซียจะต้องจากไปแล้ว
กลับไปยังอนาคตที่เธออยู่.. แน่นอนว่าหลังจากที่ไอรีนกับเวโรเน่ได้ทราบเรื่องราวจากอนาคตมันราวกับทำให้เธอได้เปิดสมองออก
สงครามจะยุติลง ผู้คนจะไม่ทำสงครามกันอีก มันช่างเป็นเรื่องราวที่ยิ่งกว่าความฝัน นับแต่นั้นมาเลทิเซียไม่เคยเห็นไอรีนรู้สึกท้อเลย
แถมหลังจากนั้นเหมือนไอรีนจะมีเวลาพักน้อยลง เพราะเธอเหมือนกำลังวิจัยเวทมนตร์บางอย่าง..
แน่นอนว่าเลทิเซียไม่คิดจะแอบมองดูหรืออยากรู้อยากเห็น เธอแกล้งทำเป็นไม่รู้และไม่ถามไอรีน
เวลาที่พวกเธอคุยกันกลับน้อยลง.. ถึงอันที่จริงเลทิเซียจะไม่ค่อยคุยด้วยอยู่แล้วก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกห่างเหินกันเท่าไหร่
บางวันที่เป็นวันพักเลทิเซียยังเผลอได้ยินเสียงของไอรีน
“ไม่ได้!แบบนั้นก็ตายพอดีสิ.. ต้องอ่อนโยนกว่านี้”
หรือว่าเธอกำลังคิดค้นเวทมนตร์ใหม่งั้นเหรอ หวังว่าเลทิเซียจะได้เห็นก่อนจากไปนะ เธอไม่อยากให้การพัฒนาเวทมนตร์ในยุคนี้เก้ากระโดดเกินไป
ดังนั้นจึงไม่คิดจะให้คำแนะนำใดๆ .. ส่วนเรื่องสงครามก็เสร็จไปมากกว่าครึ่งแล้ว.. ที่เป็นปัญหาอยู่ตอนนี้มีแค่เผ่าแวมไพร์และก็จักรวรรดิมังกร
ส่วนจอมมารที่บ้าอำนาจก็ยังมีอยู่ พวกมันถึงขั้นแทบจะร่วมมือกับเผ่าอื่นเพื่อกำจัดพวกไอรีนด้วยซ้ำ ..
เผ่ามนุษย์มีบางส่วนที่แอบส่งข่าวสารให้กับจักรวรรดิมังกร แต่ทุกคนล้วนถูกจัดการโดยมารดาของไอรีนแทบจะในทันที
วันหนึ่งในเดือนที่เลทิเซียก็ได้รับการติดต่อจากเมอร์สัน.. หลังจากที่ไม่ได้ติดต่อกันนาน พอพูดคุยกับเมอร์สันไปได้สักพักเธอก็พยักหน้า
“เข้าใจแล้ว”
เลทิเซียพูดแบบนั้นก็เดินไปทางที่พักของไอรีน ที่พักของพวกเธอตอนนี้คือหุบเขาร้อยเขาที่ล้อมรอบจักรวรรดิมังกรอยู่
ก็นะเป้าหมายพวกเธอตอนนี้คือจะจัดการยังไงกับจักรวรรดิมังกรดีล่ะ? ดังนั้นจึงมาดูท่าทีอยู่แถวชายแดนของจักรวรรดิ
และไอรีนตอนนี้ก็กำลังหมกมุ่นทดลองเวทมนตร์ใหม่ของเธออยู่ เลทิเซียเดินมาพร้อมกับพูดขึ้น
“ไอรีน”
“อ๊ะ เลทิเซียงั้นเหรอ?!”
น้ำเสียงเธอดูสะดุ้งเล็กน้อย เลทิเซียแปลกใจแต่ตรงพื้นก็มีกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่.. เลทิเซียรู้สึกเดจาวูฉากนี้ไม่น้อย
เพราะพอเธอหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาก็เจอคำว่า ‘ผนึก’ อยู่แต่อ่านยังไม่จบไอรีนก็รีบดึงออกไปจากมือของเลทิเซียแทบจะทันที
เลทิเซียขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ผนึกที่ว่ามันหมายถึงอะไร?”
“เอ่อ.. คือว่า…. ใช่ๆ .. ผนึกที่ข้าจะใช้ใส่พวกที่ขัดขืนพวกเราไงล่ะ!เพราะตราบใดที่มันยังมีพลังอยู่ข้าคิดว่าสุดท้ายจะต้องเกิดสงครามขึ้นใหม่ในไม่ช้าก็เร็วแน่!ดังนั้นข้าเลยคิดเวทมนตร์ผนึกขึ้นมายังไงล่ะ!”
“งั้นเหรอ..”
เลทิเซียขมวดคิ้วเล็กน้อย.. ผนึกเหรอ หรือเพราะว่าที่ผู้กล้าในอนาคตดูอ่อนแอกว่าตอนนี้ก็คือเพราะผนึกนี้งั้นสินะ?
เอ๊ะ แต่พวกผู้กล้าก็โดนผนึกไปด้วยเหรอแบบนี้ แต่หากตามแผนที่เลทิเซียวางเอาไว้อีกไม่นานหลังจากนี้จักรวรรดิมังกรจะถูกทำลาย
เผ่าแวมไพร์จะถูกฆ่า… จอมมารที่ยังบ้าอำนาจจะถูกผลัดเปลี่ยนคน.. เลทิเซียยังไม่เคยเห็นจอมมารในโลกอนาคตตอนเป็นๆ สักครั้งเลย
อย่างมากแค่ได้ฟังจากปากคนอื่นเอา เธอจึงไม่รู้ว่าจอมมารจะโดนผนึกด้วยหรือเปล่า และเลทิเซียจะโดนผนึกด้วยไหม?
“ช่างเถอะ.. ฉันมีเรื่องจะบอก ฉันจะไม่อยู่สักพักนะ.. เธอสามารถดำเนินแผนการต่อได้เลย”
“เอ๊ะ เจ้าจะไปไหนเหรอ?”
“มีเรื่องสำคัญที่ฉันต้องไปทำน่ะ สักประมาณวันสองวันเดี๋ยวฉันจะกลับมา”
“งั้นเหรอ เข้าใจแล้ว!”
ไอรีนพยักหน้า ขณะที่เลทิเซียกำลังจะหายไปไอรีนก็พูดขึ้น
“เดี๋ยวก่อน.. ข้าขอพลังเวทของเจ้าได้ไหม?”
“หืม? ทำไมล่ะ”
“ก็แบบว่าข้าสร้างเครื่องสกัดพลังเวทเป็นของเหลวได้น่ะ เลยอยากรู้ว่ามันจะทำสำเร็จไหม”
“สกัดพลังเวทเป็นของเหลว..?”
เลทิเซียแปลกใจเล็กน้อย เพราะในอนาคตเขาไม่ยักจะรู้จักเครื่องนี้ พูดอีกอย่างก็คือเป็นเครื่องที่แม้แต่ในอนาคตยังเป็นความลับงั้นเหรอ
“ไม่ได้เหรอ?”
“เปล่า.. ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
“ดีเลย งั้นเอาหินก้อนนี้ไปและใช้พลังเวทเข้าไปในก้อนหินนะ”
ไอรีนยื่นก้อนหินก้อนหนึ่งมาขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ พอกำไว้ในมือของเลทิเซียได้ และถึงจะบอกว่าก้อนหินมันเหมือนแก้วซะมากกว่า
เพราะสามารถมองทะลุได้เลยล่ะ เลทิเซียก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เธอใส่พลังเวทเข้าไปในก้อนหิน จนก้อนหินเปลี่ยนสีเป็นสีดำสนิท
“อ้ะ..”
เลทิเซียโซเซเล็กน้อย.. นี่ทำให้เธองงงวยอย่างมาก เพราะยังไงซะเธอก็ไม่ได้ใช้พลังเวทไปทั้งหมดแท้ๆ อีกอย่างเพราะเธอเป็นจอมมาร
พลังเวทน่าจะมีล้นเหลือไม่ใช่หรือไง? ไอรีนที่เห็นเลทิเซียสับสนเธอก็อธิบาย
“หินก้อนนี้จะดูดซับเอาพลังเวทบริสุทธิ์ของเจ้าน่ะ ไม่ใช่พลังเวทที่แปรเปลี่ยนออกมาเพื่อแทรกแซงหรือสรรค์สร้าง เป็นเวทแห่งต้นกำเนิด.. กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเศษเสี้ยวแห่งดวงวิญญาณ”
“ถ้าเป็นงั้นก็บอกกันก่อนสิ”
“ขอโทษด้วย ข้าคิดว่าถ้าเป็นเลทิเซียคงจะไม่เป็นอะไรน่ะ แฮะๆ ”
“ฉันก็ไม่เป็นไรหรอก”
เพราะถึงแม้จะถูกสูบเอาพลังเวทแห่งต้นกำเนิดไปพริบตาเดียวมันก็ฟื้นฟูกลับมาแล้ว.. อันที่จริงหากเป็นคนธรรมดาอาจจะต้องนอนโทรมหลายวันเลยล่ะ
แต่เลทิเซียไม่ได้เป็นปัญหาขนาดนั้นเพราะเธอมีทักษะการฟื้นฟูที่เหนือกว่าขีดจำกัดของสิ่งมีชีวิตไปแล้ว
“งั้นไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม?”
“อืม”
เมื่อเลทิเซียพูดแบบนั้นเห็นไอรีนพยักหน้าตอบ เธอก็จากไปแทบจะทันที เพราะสำหรับเลทิเซียแล้วเวลาทุกนาทีล้วนมีค่า
พอเลทิเซียจากไปไอรีนจ้องมองก้อนหินในมือเล็กน้อย.. ก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในถ้ำ.. ในถ้ำตอนนี้รกมากมีทั้งกระดาษที่เขียนสูตรเวทมนตร์ต่างๆ มากมาย
สูตรเวทมนตร์เหล่านี้หากหลุดออกไปในโลกภายนอกอาจจะกลายเป็นเรื่องที่น่าตื่นตะลึงอย่างแน่นอน
ไอรีนเอาหินก้อนนั้นไปวางลงบนอุปกรณ์อะไรสักอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาเองก่อนที่หินก้อนนั้นจะถูกกระตุ้นด้วยพลังบางอย่าง
พลังเวทแห่งต้นกำเนิดที่อยู่ภายในหินนั้นค่อยๆ จางหายไปก่อนที่จะกลายเป็นของเหลวที่ผ่านการกรอง
ผ่านการแปรเปลี่ยน… จนท้ายที่สุดการเป็นของเหลวสีขาวสะอาดราวกับน้ำเปล่าตรงหน้าของไอรีน
“สำเร็จจริงๆ ด้วย!มันทำได้จริงๆ !”
หากมีอุปกรณ์นี้บางทีมันอาจจะทำให้พลิกโฉมเวทมนตร์ใหม่ได้เลย แต่พอไอรีนสะกัดพลังเวทเลทิเซียเสร็จเธอกลับยกมือขึ้น
พร้อมกับทำให้อุปกรณ์นั้นสลายหายกลายเป็นธุลีพร้อมทั้งกระดาษอีกหลายแผ่นที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ชิ้นนี้สลายหายไป
“หากมีการสกัดของเหลวเวทมนตร์เกิดขึ้นในอนาคต.. คงไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่ เพราะจากที่เลทิเซียอธิบายในยุคอนาคตแทบจะไม่มีทาสหลงเหลืออยู่แล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี”
“หากสิ่งนี้ถูกนำไปใช้ในทางนั้นละก็… อนาคตอาจจะถูกเปลี่ยนไปเลยก็ได้!”
เพราะว่าเจ้าของเหลวนี้.. มันทำอะไรได้มากกว่าที่เลทิเซียคิด หากตราประทับทาสลงไปในของเหลวที่มีรูปร่างจริงนี้ละก็…
คนคนนั้นจะกลายเป็นทาสไปตลอดกาล ไม่ใช่แค่ร่างกายแต่รวมถึงพลังเวทและจิตวิญญาณด้วยเช่นกัน!
แน่นอนว่าไอรีนไม่ได้คิดจะทำแบบนั้นกับเลทิเซียหรอก ต่อให้ทำจริงไอรีนก็รู้ว่าทำไม่ได้ เพราะตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมา
ไอรีนสัมผัสได้ว่า.. บางทีเลทิเซียอาจจะหลุดกรอบธรรมดาออกไปแล้ว บางทีหากเลทิเซียต้องการเธอคงสามารถฆ่าทุกคนในทวีปนี้ได้ในพริบตาเดียว
ไอรีนอาจจะคิดไปเองก็ได้
แต่ทุกครั้งที่เลทิเซียใช้เวทมนตร์มันจะทำให้เธอราวกับมองไปยังท้องฟ้าอันไร้ที่สิ้นสุด ไม่เห็นทั้งจุดเริ่มต้นหรือปลายทาง
ราวกับพลังของเลทิเซียมันไม่มีขีดจำกัด..
ในตอนแรกเธอคิดว่าเลทิเซียเป็นจอมมารจากอนาคต แต่ตอนนี้เธอมั่นใจว่า.. เลทิเซีย.. เก่งกว่านั้นไปจนไม่อาจนิยามได้ด้วยคำพูดแล้ว
ไม่รู้สิ… ไอรีนคิดว่าบางทีตอนที่เลทิเซียมอบพลังเวทต้นกำเนิดให้ เธออาจจะรู้เรื่องนี้แทบจะทันทีเลยล่ะว่า.. พลังเวทต้นกำเนิดมันทำอะไรได้มากกว่าที่เลทิเซียคิดน่ะ
แต่เลทิเซียยังคงมอบให้?
ความเชื่อใจ? นั่นอาจจะเป็นแค่ส่วนหนึ่ง.. เพราะไอรีนรู้ว่าในอดีตเลทิเซียเป็นคนยังถึงแม้ในตอนนี้จะเปลี่ยนไปแล้ว
แต่เธอคิดว่าเลทิเซียยังคงเหลือนิสัยส่วนเดิมอยู่บ้าง.. แต่เลทิเซียยังมอบพลังส่วนนี้ให้ มันหมายความว่าไงน่ะเหรอ..
หมายความว่าเลทิเซียไม่สนใจ และไม่คิดว่ามันจะทำอะไรเธอได้..
อันที่จริงก็เป็นอย่างที่ไอรีนคิด เลทิเซียรู้ทันทีที่สูญเสียพลังเวทต้นกำเนิดไป แต่สาเหตุที่เลทิเซียยังมอบให้..
หนึ่งคือ หากมันช่วยหยุดสงครามและเวทผนึกของไอรีนได้ก็เพียงพอแล้ว
สองคือ ต่อให้ไอรีนจะทำแบบนั้นกับเลทิเซียเธอก็ทำไม่ได้..
สามคือ เลทิเซียไม่คิดว่าไอรีนจะทำอย่างแน่นอน!