การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 405

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 405 – เทพธิดาแห่งการเกิด

ไม่รู้ว่านับตั้งแต่ถูกเลทิเซียรักษาจนเสร็จแล้วมันผ่านไปนานเท่าใด แต่ทว่าดวงตาที่ปิดสนิทของเทพธิดาก็ค่อยๆ ลืมขึ้น

เธอมองไปรอบๆ ด้วยความสับสนเล็กน้อย ที่แห่งนี้คือที่พักที่มีโครงสร้างบ้านเมืองแตกต่างจากโลกที่เธอเคยรู้จัก

แน่นอนว่านี่คือโรงแรมที่เลทิเซียเช่าให้ ถังจะไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน แต่ระดับของวิทยาการน่าจะพอกับโลกเดิมของเลทิเซียได้เลย

มองออกนอกหน้าต่างไปก็เห็นตึกที่สร้างจากหินอ่อนสูงเสียดฟ้าเลยก็ว่าได้ แถมตอนนี้ยังเป็นตอนกลางคืนส่งผลให้ดวงตาของเทพธิดาพร่าเลือนเล็กน้อย

แม้วิทยาการจะพอๆ กับโลกเดิมเลทิเซีย แต่เหมือนว่าโลกนี้จะไม่มีสงคราม แต่เป็นโลกอันแสนสงบสุขทำให้นิยามได้ว่าแม้ลักษณะจะเหมือนโลกเดิม

แต่เหมือนจะไม่ใช่..

อันที่จริงต้องกล่าวย้อนกลับไปก่อนหน้าเล็กน้อย ก่อนที่เทพธิดาสาวจะตื่นขึ้นเลทิเซียได้รักษาเธอจนเสร็จ

แต่ยังไม่รู้จะกลับโลกเดิมยังไง เพราะยังไงซะนี่ก็คือโลกที่ถูกแทรกแซงโดยลูกบาศก์สีดำของเลทิเซีย บางทีมันอาจจะเป็นอีกต้นกำเนิดไปแล้วก็ได้

แถมเหมือนจะใช้เวทมนตร์ในการแทรกแซงไม่ได้ด้วย แถมด้วยฝีมือเลทิเซียในตอนนี้เมื่อสูญเสียเวทมนตร์แทรกแซง เวทมนตร์ปีศาจไป

ทำให้เธอไม่สามารถใช้ลูกบาศก์นั้นได้อีกครั้ง.. อันที่จริงถามว่าใช้ได้ไหม ก็คงใช้ได้แหละ เพียงแต่ถ้าจะใช้ลูกบาศก์ที่มีความแข็งแกร่งระดับเดียวกับที่พามาที่นี่

คงเป็นไปไม่ได้.. อย่างน้อยเลทิเซียก็ต้องเข้าใจโลกใบนี้ก่อนว่ามีกฎเวทมนตร์ยังไงที่แตกต่างไปจากเดิม

ถึงจะใช้เวทมนตร์นั้นได้ แต่อนิจจังนี่คือโลกที่ไม่มีเวทมนตร์น่ะสิ.. แบบนี้ก็เท่ากับว่าเธอถูกขังงั้นเหรอ..

แน่นอนว่าไม่ใช่แบบนั้น แต่ก็ใกล้เคียง อันที่จริงเลทิเซียเคยพยายามจะใช้ลูกบาศก์พากลับไปแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ

เหมือนโลกแห่งนี้จะไม่อยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่งของต้นกำเนิดเลย ว่าง่ายๆ โลกนี้ไม่มีต้นกำเนิดเป็นของตัวเองนั่นแหละ

ในโลกแห่งการหลุดพ้นเลทิเซียเห็นต้นกำเนิดที่แท้จริงลอยเคว้งอยู่มากมายไร้ที่สิ้นสุด แต่โลกนี้เหมือนจะเป็นโลกที่ไม่จำกัดอยู่ในกรอบนั้นเลย

ทางเดียวที่จะกลับได้คงมีแต่ต้องรอให้เทพธิดานี่ฟื้นแล้วลองยืมพลังของเธอมาใช้.. อันที่จริงเจ้าลูกบาศก์สีดำ

หากเลทิเซียควบคุมมันได้มากกว่านี้และตัวตนของเธออยู่ระดับเดียวกับลูกบาศก์ได้ละก็ เมื่อถึงตอนนั้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเธอก็จะเหนือนิเก็น-เรย์ ไปพร้อมกับลูกบาศก์ได้

แต่ตอนนี้เธอยังทำไม่ได้ มันเลยทำให้แต่ได้นั่งถอนหายใจนี่แหละ… ยังดีที่โลกนี้ยังมีโครงสร้างเหมือนโลกเดิมเลทิเซีย

เลทิเซียเลยเอาเหรียญทองจากโลกเดิมไปขาย แล้วได้เงินมาจึงหาที่พักผ่อนดีๆ พักนั่นเอง.. ในขณะเดียวกันเลทิเซียก็ไปหาเบาะแสว่าโลกนี้มีลักษณะยังไง

ทำให้ตอนเทพธิดาตื่นขึ้นมาไม่เห็นเลทิเซียอยู่ด้วยนั่นเอง

“นี่มัน… อะไรน่ะ?”

เลทิเซียที่เดินไปตามเมืองอยู่ก็เห็นโครงสร้างของบ้านเมืองที่ไม่ได้เห็นมานาน เธอเดินไปตามท้องตลาดแต่ก็ไม่หยุดชะงักอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ของเก่า

ที่นี่มีทั้งของที่เลทิเซียเคยเจอในโลกเดิมของเธอ แต่ก็มีอันหนึ่งที่ไม่คุ้นตาเลยสักนิด เพราะ… มันคือเหรียญเหรียญหนึ่ง..

และมองยังไงเจ้านี่ก็คืออาร์ติแฟ็คชัดๆ เลยไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมอาร์ติแฟ็คถึงมาอยู่ที่นี่ได้ละนิ

“นี่คือตราทองคำ เป็นเหรียญตราที่เคยก่อให้เกิดสงครามครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นเมื่อเจ็ดร้อยปีก่อนคริสตกาลน่ะ”

“สงคราม? สงครามอะไร?”

พอเห็นเลทิเซียประหลาดใจ พนักงานสาวคนหนึ่งก็เดินมาอธิบายด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานเหมือนคุยกับเด็ก แน่นอนว่าเลทิเซียมีรูปร่างเหมือนเด็กนี่นะ

แต่พอได้ยินสิ่งที่นอกเหนือจากที่ตัวเองรู้จักมาในโลกเดิม เลทิเซียก็ถึงกับยืนอึ้งด้วยความงงงวยไปเลย

พนักงานสาวไม่ได้แปลกใจอะไร เด็กสมัยใหม่ยากนักที่จะสนใจเรื่องอะไรแบบนี้ พอเห็นเลทิเซียกล่าวถามออกมาแบบนั้นเธอก็ยิ้มตอบ

“สงครามตราศักดิ์สิทธิ์ สงครามที่ก่อให้เกิดรอยแยกแห่งความเป็นจริง ส่งผลให้โลกในตอนนี้มีสิ่งที่เรียกว่า ‘เวทมนตร์’ ยังไงล่ะ”

“เวทมนตร์?”

เลทิเซียที่เคยคิดว่าโลกนี้ไม่มีเวทมนตร์ก็ยืนโง่งมไปเลย.. ดวงตาของพนักงานสาวที่เห็นท่าประหลาดของเลทิเซียเธอก็ประหลาดใจเล็กน้อย

เป็นไปได้ด้วยเห่อที่มีคนไม่รู้จักเวทมนตร์ในยุคแบบนี้ ไม่น่าจะมีนี่น่า.. แต่ท่าทางของเด็กคนนี้พนักงานสาวดูยังไงก็คิดว่าเธอกำลังตกใจเรื่องเวทมนตร์

ในขณะที่พนักงานสาวกำลังจะพูดอะไรต่อเธอก็ถูกเรียกไปก่อน ให้เลทิเซียจมปลักอยู่กับความคิดของตัวเอง..

ถ้าหากโลกนี้มีเวทมนตร์ทางกลับก็ใช่ว่าจะไม่มีก็ได้ แต่ต้องดูเสียก่อนว่าเวทมนตร์ในโลกนี้เลทิเซียสามารถใช้ได้ไหม

ถึงเธอจะมั่นใจว่าใช้ได้แน่ๆ เพราะเธอยังมีเวทแห่งต้นกำเนิดอยู่ก็เถอะ เลทิเซียออกมาจากพิพิธภัณฑ์พร้อมใช้ความคิด

“ฉันต้องศึกษาเวทมนตร์ในโลกนี้… ไม่รู้ว่าจะสามารถกลับไปช่วงเวลาเดิมในโลกนั้นได้หรือเปล่าด้วย เป็นห่วงพวกไอรีนซะด้วยสิ”

เลทิเซียมุ่งหน้ากลับไปยังโรงแรม.. พร้อมกับสร้างลูกบาศก์สีดำขึ้นมา เธอสร้างลูกบาศก์ขึ้นมาจากทุกส่วนของร่างกายรวมถึงโลกใบนี้ด้วย

ก่อนที่จะกดมันเข้าไปในหัวตัวเอง นี่แหละคือวิธีเรียนรู้เวทมนตร์ของเธออย่างรวดเร็ว ขณะที่ความรู้บนโลกนี้ค่อยๆ ถ่ายเทเข้ามาในหัวของเลทิเซีย..

ก็ราวกับว่าเลทิเซียมองเห็นโลกใบนี้ซ้อนทับกันไปมา.. โลกแบบนี้มีมากมายไร้จุดสิ้นสุด บางโลกก็มีเวทมนตร์

บางโลกก็มีวิทยาการ บางโลกก็มีพลังพิเศษ บางโลกก็มีอสุรกายในตำนาน บางโลกก็มีการถือกำเนิดประวัติศาสตร์หรือปกรณัมต่างๆ

ซึ่งโลกเหล่านั้นทำให้เลทิเซียสับสนเล็กน้อย… แต่เพราะเธอไม่ได้โฟกัสมัน ไม่นานมันก็หายไป สิ่งที่เลทิเซียสนใจมีเพียงกฎแห่งเวทมนตร์ของโลกนี้ต่างหาก

ในขณะที่เดินไปข้างหน้า ความรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์ก็คอยๆ หลั่งไหลเข้ามา.. เวทมนตร์ในโลกนี้แบ่งออกเป็นรูปแบบที่ตายตัว

โดยเวทมนตร์จะมีต้นกำเนิดเป็นเวทมนตร์แห่งความโกลาหล ซึ่งเวทมนตร์แห่งความโกลาหลก็จะแตกแขนงออกไปมากมาย

เช่นเวทมนตร์แห่งไฟ เวทมนตร์แห่งไฟก็จะมีลักษณะตายตัวที่ว่า.. เวทมนตร์แห่งไฟกระสุนเพลิง ลำเนาเพลิง อะไรก็ว่ากันไป

ทั้งนี้ยังมีการแตกแยกสายย่อยอีกมากมายเช่น เวทมนตร์แห่งบทเพลง เวทมนตร์แห่งการแปรธาตุ

เวทมนตร์แตกแขนงออกไปหลากหลายรูปเป็นเหมือนวิชาต่างๆ คนคนหนึ่งสามารถเรียนเวทมนตร์ได้มากกว่าหนึ่งสาย

แต่ก็ต้องแลกมากับการที่อาจจะไม่เชี่ยวชาญเวทมนตร์ธาตุไหนเลยนั่นเอง ซึ่งเวทมนตร์แห่งความโกลาหลก็คือเวทมนตร์ที่เป็นต้นตอทุกเวทมนตร์นั่นเอง

เลทิเซียยกมือขึ้น บนฝ่ามือของเธอพลันเกิดคลื่นความโกลาหลขึ้นมาบนฝ่ามือ ความโกลาหลนี้ราวกับจะสามารถทำลายทุกสิ่งอย่างที่ขวางหน้าได้

“ยังไม่พอ… หากใช้พลังของเทพธิดาคนนั้นร่วมด้วยก็อาจจะพอเดินทางกลับก็ได้”

ขณะคิดอะไรแบบนั้นอยู่เลทิเซียก็เดินกลับมาถึงโรงแรมที่พักอยู่แล้ว พอเธอเปิดประตูเข้าไปก็พบกับเทพธิดาคนหนึ่งกำลังยืนงงกับก็อกน้ำอยู่

พอเลทิเซียเปิดประตูเข้ามาเธอก็สะดุ้งทันที หันมาหาเลทิเซียด้วยความสับสน เลทิเซียประหลาดใจนิดหน่อยก่อนจะถาม

“ฟื้นแล้วเหรอ..”

“เจ้ามันคนเมื่อตอนนั้น… อึก! เจ้าเป็นใคร”

“ไม่ต้องห่วงฉันไม่รู้จักเธอหรอก แล้วก็ถึงแม้เธอจะความทรงจำเสื่อมเพราะการแตกสลายของวิญญาณ แต่เดี๋ยวความทรงจำเจ้าก็จะกลับคืนมาเอง”

“…..?”

เธอแสดงความสับสนออกมาทางสีหน้า เลทิเซียไม่ได้คิดอะไรมากเท่าไหร่ แต่เหมือนพอเลทิเซียพูดแบบนั้นแล้วเธอเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้

“อ่า จริงสิ ข้าเป็นเทพธิดานี่น่า.. เทพธิดาแห่งการเกิด.. อ่า.. ใช่ แล้วทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ ไม่สิ.. ข้า”

เธอเหมือนกำลังสับสนกับตัวเองอยู่ เลทิเซียไม่ได้ไปขัดขวางอะไรเธอ เลทิเซียเพียงเดินไปนั่งลง…

มองเทพธิดาตรงหน้า.. ใช่แล้ว.. เทพธิดาที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเลทิเซียนี้ สาเหตุที่เลทิเซียไม่ต้องการให้เธอตายนั้น…

เธอคือเทพธิดาที่จะส่งเลทิเซียมาเกิดใหม่!ถึงเทพธิดาคนนี้จะยังไม่เคยส่งเลทิเซียมาเกิดใหม่ เพราะนั่นจะเป็นเรื่องในอนาคตก็เถอะ

แต่เลทิเซียมั่นใจว่า หากผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรไปก่อนจะส่งเธอมาเกิดใหม่ละก็ ต่อให้ไม่มีภาพสะท้อนของเทพผู้สร้าง

แต่มันต้องเกิด Time paradox ขึ้นแน่! ดังนั้นเลทิเซียจะให้มันเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด โชคดีที่เธอลืมบางอย่างไป

ต่อให้ฟื้นฟูความทรงจำกลับมาได้เลทิเซียคิดว่าก็ไม่ใช่เร็วๆ นี้ที่เธอจะได้ความทรงจำทุกอย่างกลับคืนมาแน่ ป่านนั้นเธอก็ทำอะไรกับวิญญาณที่เลทิเซียแอบขโมยมาได้แล้วล่ะ

นั่นคือแผนการของเลทิเซีย

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท