บทที่ 409 – กลียุค
ดวงตาที่ปิดสนิทของไอรีนในตอนนี้ที่ปิดสนิท ก็ค่อยๆ ขยับเล็กน้อย ภายในหูของเธอยังดังกึกก้องไปด้วยเสียงบางอย่าง
สติของเธอพร่าเลือนเล็กน้อย.. แต่ก็ค่อยๆ กลับมามีสติอีกครั้ง หน้าท้องเธอที่เคยถูกแทงเหมือนจะยังเป็นแผลที่รักษาไม่หายทันที
ยังดีที่ถึงแม้เวทมนตร์จะใช้ไม่ได้แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นศูนย์ซะทีเดียว ทำให้บาดแผลของเธอยังดีขึ้นเรื่อยๆ อยู่แล้ว
แต่ในขณะที่พยายามหยุดยั้งความเจ็บปวดกลิ่นบางอย่างก็ลอยมาเตะจมูก.. พร้อมกับเสียงอะไรบางอย่างที่ดังจนน่ารำคาญ
ไอรีนค่อยๆ เงยหน้าไปรอบๆ ข้างเธอที่ถูกขึงไว้บนกระดานมีอีกคนที่โดนมัดไว้อยู่เช่นกัน
ซึ่งพอไอรีนเห็นดวงตาเธอก็มืดครึ้มลง ด้านข้างเธอเป็นเวโรเน่ที่มีบาดแผลทั่วทั้งร่าง แขนข้างหนึ่งขาดไปแล้วด้วย
อีกทั้งบนใบหน้าที่มีเหมือนแผลไฟไหม้นั้นก็เหมือนจะมีรอยโดนมีดกรีดไปมาจนเป็นแผลเหวอะหวะน่ากลัว
“เวโรเน่!!”
ไอรีนตะโกนออกมาด้วยความเป็นห่วงแต่เหมือนเวโรเน่จะสลบไปไม่ได้สติตั้งนานแล้ว แม้จะยังมีลมหายใจอยู่ก็ตาม
แต่ทว่าบาดแผลของเธอก็ยังสาหัสอย่างมาก อันที่จริงที่เธอไม่ตายส่วนหนึ่งเป็นเพราะพลังของผู้กล้าแห่งเจตจำนง
พอไอรีนตะโกนออกมาแบบนั้น ชายคนหนึ่งที่ยืนหันหลังให้ไอรีนอยู่ก็หันกลับมาทางที่ไอรีนอยู่ มือที่ทำอะไรบางอย่างก็หยุดชะงักลง
“อ่าา ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นสักทีนะ คนดีของข้า”
ดวงตาสีแดงของเขาผสมกับหูที่ยาวออกมาเล็กน้อยทำให้ไอรีนรู้แทบจะทันทีว่าคนคนนี้คือแวมไพร์.. และจากข้อมูลของไอรีน
หมอนี่.. มันต้องเป็นราขาแวมไพร์อย่างแน่นอน พอมองดูไปรอบๆ ไอรีนก็เข้าใจสถานการณ์บางอย่างแทบจะทันที
เธอไม่ใช่คนโง่ บางทีเจ้าจักรพรรดิมังกรคงวางแผนที่ให้พวกเธอแยกจากกันและหยิบยืมพลังของเผ่าปีศาจและเผ่ากึ่งมนุษย์
ไม่สิ จะพูดให้ถูกคือเผ่าแวมไพร์มากกว่า พวกมันคงมีข้อตกลงร่วมผลประโยชน์ได้แล้วก็ประโยชน์เสีย
แถมไอ้จิมมารที่เธอทำสัญญาไว้ในตอนแรกเหมือนจะเป็นฝ่ายฉีกสัญญาเอง แถมไม่รู้ว่าเธอหลับไปนานเท่าไหร่
ไม่รู้ว่าสถานการณ์ในโลกภายนอกเป็นอย่างไร.. ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นตามที่ไอรีนคาดเดาทุกอย่างว่านี่เป็นแผนโต้ตอบของจักรพรรดิมังกร
และโลกภายนอกในตอนนี้ที่ถูกยุยงโดยจักรพรรดิมังกรทุกวิถีทางทำให้เริ่มเปิดสงครามกันใหม่อีกครั้ง ทั้งๆ ที่ควรจะอยู่ในช่วงพักสงครามแท้ๆ
แต่ว่าจักรพรรดิมังกรได้ป่าวประกาศถึงแผนการอันชั่วร้ายของเผ่ามนุษย์ที่หวังจะฮุบกลืนโลกนี้ทั้งหมดเป็นของตัวเอง
ไอ้โฆษณาชวนเชื่อมันล้วนไร้สาระ หลักฐานก็คือมารดาของไอรีนเคยเข่นฆ่าทั้งปีศาจและกึ่งมนุษย์มากมาย
แถมจากสืบเสาะของจักรพรรดิมังกรก็ค้นพบว่าทุกอย่างที่ว่าคือแผนของมารดาไอรีน นั่นหมายความอย่างไร
หมายความว่าแผนยุติสงครามมาจากฆาตกรที่ฆ่าเผ่าปีศาจไปนับหมื่นนับแสน คิดว่ามันหวังจะปกป้องโลกนี้จริงเหรอ?
ไม่ ไม่แน่นอนอยู่แล้ว… หลังจากนั้นก็เกิดการขุดคุ้ยข้อมูลมากมายออกมา ทั้งเรื่องแผนชั่วของมารดาไอรีน
พ่อของไอรีนและเวโรเน่ ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่ควรจะรู้กันน้อยนิด แต่ไม่นานทุกอย่างก็ถูกเปิดเผยว่า มารดาของไอรีนมองคนเป็นเหมือนหมากในกระดาน
ทำให้สำหรับปีศาจและกึ่งมนุษย์มองว่ามารดาไอรีนมีแผนชั่วร้ายเท่านั้นก็จริง แต่สำหรับมนุษย์ มารดาไอรีนเหมือนมองมนุษย์เป็นแค่สะพานไปสู่สันติภาพจอมปลอมเท่านั้น
พ่อบุญธรรมของเวโรเน่ หรือแม้แต่พ่อแท้ๆ ของไอรีนกับเวโรเน่ก็ถูกเธอฆ่าทิ้งเพื่อความสมบูรณ์แบบของลูกสาว
มนุษย์โกรธมารดาไอรีนยิ่งกว่าเผ่าอื่นๆ จนเกิดการล่าแม่มด.. ท้ายที่สุดมารดาของไอรีนก็หัวเราด้วยความบ้าคลั่งพร้อมกับฆ่าตัวตาย
เธอได้ทิ้งคำพูดก่อนตายไว้ว่า
“จริงอยู่ที่ข้าน่ะใช้มนุษย์เป็นเหมือนเครื่องมือ แต่แล้วยังไงกันล่ะ? แล้วยังไง การเสียสละคนส่วนน้อยเพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่มันไม่ดีตรงไหน จำเอาไว้เผ่ามนุษย์ ข้าน่ะแข็งแกร่ง แข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกเจ้าทุกคนรวมกัน ข้าไม่จำเป็นต้องกลัวการประท้วงของพวกเจ้า แต่ข้า.. ข้าในวันนี้จะตายที่นี่ด้วยคมดาบของตัวเอง และข้าจะแสดงให้เห็นว่า ข้าก็สามารถยอมเสียสละเพื่อสันติสุขได้เช่นกัน”
“อย่าทำให้ความพยายามของลูกสาวข้าเสียเปล่า มนุษย์ จงมองให้ออกว่าใครกันที่เป็นศัตรูขัดขวางสันติสุข!”
เธอกล่าวเช่นนั้นพร้อมกับลงดาบใส่ลำคอตัวเอง เลือดของเธออาบไปทั่วพื้นดิน คำพูดจองเธอดังกึกก้องอยู่ในจิตใจของมนุษย์
แต่ก็มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เกิดเป็นความขัดแย้ง และกลายเป็นสงครามภายในไปในที่สุด
มารดาไอรีนคาดหวังในสติปัญญามนุษย์มากเกินไป พวกเขาไม่ได้สนคำพูดที่ว่า จงหาศัตรูที่แท้จริง แต่กลับรบราฆ่าฟันกันเองเพื่อพิสูจน์ความคิดตัวเอง
ในขณะเดียวกันกึ่งมนุษย์และปีศาจบางส่วนที่รู้สึกโลภมากขึ้นมาอย่างกะทันหันก็พลันรู้สึกว่านี่แหละคือโอกาส
พวกเขาใช้โอกาสนี้ในการรุกรานเผ่ามนุษย์อีกครั้ง และแน่นอนตัวชงอย่างจักรวรรดิมังกรก็เข้าร่วมด้วย
แต่เขาไม่ได้บุกโจมตีมนุษย์ แต่อาศัยจังหวะนี้แอบโจมตีเผ่าปีศาจและกึ่งมนุษย์ที่มัวหลงระเริงในการบุกรุก
ทำให้จักรวรรดิมังกรก็ได้ผลประกอบการมาเยอะ สำหรับจักรวรรดิมังกรที่เขาไม่ต้องการให้สงครามยุติลงเพราะเมื่อเป็นแบบนั้นพสกเขาจะค่อยๆ ตายลงไป
เพราะว่าในจักรวรรดิพวกเขาเต็มไปด้วยกำลังรบที่มากกว่าทุกประเทศทั่วโลกนี้ และในทางกลับกันทรัพยากรในการอยู่ก็ต้องมีมากขึ้นเช่นกัน
แต่สำหรับจักรวรรดิที่ตั้งอยู่ระหว่างมนุษย์และกึ่งมนุษย์อย่างจักรวรรดิพวกเขา อย่าว่าแต่ทรัพยากรเลย
ขนาดอาหารให้กินเช้ากินค่ำยังน้อยเลย ซึ่งวิธีการที่พวกเขาที่มีกำลังรบเยอะแยะมากมาย จะสร้างผลลัพธ์กลับมาจักรวรรดิได้ดีที่สุดคือการแก่งแย่ง
สงคราม!
สำหรับพวกเขาจะให้สงครามจบลงไม่ได้โดยเด็ดขาด หากสงครามจบลงก็เท่ากับมีเพียงแค่ความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่
พวกเขาต้องฆ่าเพื่ออยู่ต่อไป.. ราวกับว่านี่เป็นยุคแห่งการกลียุคอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะไปแห่งหนไหนที่ดินแดนใด
ล้วนลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิง บ้างก็มีเสียงร้องไห้จากการสูญเสีย
บางก็มีเสียงแห่งความโกรธแค้นจากเบื้องลึกของจิตใจ ภายในระยะเวลาไม่ถึงเดือนเท่านั้น
นี่ต่างหากที่จะเป็นจุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์ในครานี้ แม้แต่เลทิเซียหากได้มาเห็นภาพนี้แล้วละก็เธอคงจะคิดว่า… สงครามไม่มีทางจบลงแน่
ใช่ เมื่อเป็นแบบนั้นภาพสะท้อนก็จะปรากฏออกมา… แต่ว่า.. ตอนนี้เลทิเซียไม่ได้อยู่โลกแห่งนี้ ไม่สิ..
ไม่ได้อยู่ในต้นกำเนิดแห่งนี้ ต่อให้วันนี้คือจุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์ที่เลทิเซียไปทำให้ประวัติศาสตร์ถูกเปลี่ยน ก็ไม่มีภาพสะท้อนปรากฏขึ้นมาอยู่ดี
เพราะ.. เลทิเซียไม่ได้อยู่ในโลกนี้!
อันที่จริงสาเหตุที่จู่ๆ ก็มีการกลียุคกันเกิดขึ้นสาเหตุหลักมาจากเพราะเลทิเซียพาไอรีนและเวโรเน่เร่งจนเกินไป
ความจริงมันเป็นอย่างที่ไอรีนบอก เรื่องแบบนี้มันจำเป็นต้องใช้ทั้งเวลา ใช้ทั้งความสามารถ การซื้อใจอีกฝ่ายหาใช่การซ่อนแผนไปซ่อนแผนมา
แต่เกิดจากความสัมพันธ์ที่ค่อยเป็นค่อยไปต่างหาก อย่าง การที่จอมมารหักหลังไอรีน ในความจริงมันไม่ควรจะเป็นแบบนั้น
ที่มันเกิดแบบนั้นขึ้นเพราะจอมมารยังรู้สึกว่า ฝากอนาคตไว้กับเด็กที่ยังไม่รู้จักดีพอ เพราะตอนแรกที่เขาตอบตกลงก็เพราะคนอื่นตกลงเท่านั้น
ดังนั้นเมื่อไหร่ที่มีโอกาสหรืออาหารที่อร่อยกว่า พวกเขาจึงไม่ลังเลที่จะแทงข้างหลังอีกฝ่ายเพื่อผลประโยชน์
เพราะสัญญาที่พวกเขาทำกันเป็นสัญญาที่เรียกว่า ‘ผลประโยชน์ร่วมกัน’ แต่หาได้มีความเชื่อใจมากขนาดนั้นไม่
สรุปก็คือ กลียุคที่กำลังบังเกิดขึ้นนี้..
เกิดจากแผนการของพวกเธอที่เร่งรีบเกินไปนั่นเอง!
และก็มีโอกาสที่อนาคตจะถูกเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน เพราะหากตามที่เลทิเซียตีความเข้าใจต่อโลกนี้ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอนาคตเกิดขึ้น
ต้องมีภาพสะท้อนปรากฏขึ้นเพื่อหยุดยั้งตัวแปรที่ทำเกิดอนาคตใหม่ แต่ตัวแปรดันไม่อยู่ที่นี่ซะเอง… กลายเป็นว่า…
ภาพสะท้อนจึงไม่เกิดขึ้น..
และอนาคตที่สงครามหยุดลงจะหายไป!
ทุกอย่าง…เป็นความผิดของเลทิเซีย!