ตอนที่ 727 เกาเหยียนจงทำผิดพลาด(1)
นี่เป็นครั้งแรกที่หลินม่ายได้เห็นอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของว่านถงกรุ๊ปที่ได้รับการสร้างและตกแต่งจนเรียบร้อย
มีทั้งหมดสิบหกชั้น เรียกได้ว่าเป็นตึกสูงที่สุดในยุคนี้แน่นอน
รูปทรงอาคารสวยมาก
แม้จะไม่ได้ออกแบบให้โดดเด่นอะไร แต่ก็ได้กลายเป็นจุดสังเกตของคนในยุคนี้
หลินม่ายลงจากรถแท็กซี่ เมื่อเดินผ่านเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่คนนั้นก็ขอให้เธอลงทะเบียนข้อมูลก่อนเข้า ที่เป็นเช่นนั้นเพราะเขาไม่รู้จักเธอ
หลินม่ายไม่เปิดเผยตัวตนและลงทะเบียนข้อมูลอย่างเชื่อฟัง
ก่อนที่การลงทะเบียนจะเสร็จสิ้น เธอพลันได้ยินเสียงของชายผู้หนึ่งดังขึ้น “ลุงหวัง เดี๋ยวนี้อาจหาญมากเลยนะ กล้าดียังไงถึงสั่งให้ประธานหลินของเราลงทะเบียน?”
ลุงหวังตื่นตระหนกทันที “โอ้ นี่คือประธานหลินเหรอครับ? งั้นไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนครับ”
หลินม่ายยิ้มพลางกล่าว “ฉันเป็นประธานแล้วยังไง? ฉันก็ต้องปฏิบัติตามกฎและข้อบังคับ ในบริษัทของเราจะไม่มีใครได้รับสิทธิพิเศษอะไรทั้งนั้น ลุงหวัง คุณทำได้ดีมาก ขอให้เป็นแบบนี้ตลอดไปนะคะ ฉันจะบอกให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคลเพิ่มโบนัสให้กับลุงหวังเป็นจำนวนสิบหยวนในเดือนนี้”
ลุงหวังมีความสุขมากเมื่อได้ยินสิ่งนี้ และขอบคุณหลินม่ายด้วยใจจริง
หลินม่ายลงทะเบียนแล้วและยิ้มให้ลุงหวัง “ยินดีค่ะ นี่คือสิ่งที่คุณสมควรได้รับจากการทำงานหนัก”
หลังกล่าวจบ เธอหันศีรษะไปมองและพบกับจ้าวเลี่ยง
เขาสวมชุดสูทเรียบร้อย รองเท้าหนังมันเงา และเสื้อคลุมขนสัตว์ จนดูเหมือนพระเอกในหนังฮ่องกง ดูดีอย่างมาก
หลินม่ายเข้าไปในบริษัทพร้อมกับเขา เธออดไม่ได้ที่จะมองเขา “ก่อนหน้านี้คุณไม่ค่อยใส่ใจกับการแต่งตัวนี่ ทำไมตอนนี้ถึงให้ความสำคัญกับการแต่งตัวมากถึงขนาดนี้ล่ะ?”
จ้าวเลี่ยงหัวเราะพลางกล่าว “หัวหน้าเจิ้งจัดห้องทำงานสุดหรูให้ผม ถ้าผมไม่แต่งตัวให้ก็คงไม่เข้ากับห้องทำงาน”
หลินม่ายรีบพูดถึงหัวข้อของข้อพิพาทในอาคารหอพักในโรงงานและถามจ้าวเลี่ยงถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
เหตุผลที่เธอรีบกลับมายังเจียงเฉิงในครั้งนี้ก็เพราะเสิ่นเสี่ยวผิงรายงานกับเธอ ว่ามีข้อพิพาทในอาคารหอพักของโรงงานอุตสาหกรรมเบา และเกาเหยียนจงผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ไม่สามารถแก้ไขได้
ดังนั้นเธอจึงกลับมายังเจียงเฉิงโดยเร็วที่สุดเพื่อแก้ปัญหานี้
เมื่อกล่าวถึงข้อพิพาทเรื่องอาคารหอพักของโรงงานอุตสาหกรรมเบา จ้าวเลี่ยงก็ถอนหายใจทันที “ทั้งหมดเป็นเพราะพี่เฟิงติดอยู่ในฮ่องกง เขาเลยมอบโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดในเจียงเฉิงให้เกาเหยียนจงดูแล แต่เกาเหยียนจงไม่สามารถอดทนต่อการแสร้งทำเป็นน่าสงสารของผู้อื่นได้ จึงยอมพวกเขาอย่างง่ายดาย เพียงผู้อำนวยการโรงงานอุตสาหกรรมเบาร้องไห้ต่อหน้าเขาสองสามครั้งก็ทำให้เขาใจอ่อน คนงานของโรงงานอุตสาหกรรมเบาจึงได้รับอนุญาตให้ย้ายอยู่ในบ้านหลังใหม่โดยไม่ต้องเสียเงินสักหยวน ทันทีที่พวกเขาย้ายเข้าไป ผู้อำนวยการโรงงานอุตสาหกรรมเบาก็ผิดคำสัญญาที่บอกว่าจะจ่ายเงินช่วยเหลือพนักงานเป็นจำนวนหนึ่งส่วนสามเมื่อพวกเขาย้ายเข้าไปอยู่ นอกจากเขาจะไม่จ่ายแล้ว ยังพยายามหลีกเลี่ยงเมื่อเสี่ยวเกาทวงถามเรื่องเงิน”
หลินม่ายรู้สึกปวดหัวเมื่อได้ยิน
ไม่สำคัญว่าโรงงานอุตสาหกรรมเบาแห่งนี้จะร่ำรวยหรือยากจน
แต่หากเขาปล่อยให้พนักงานของโรงงานแห่งนั้นเข้ามาอยู่ในหอพักโดยไม่จ่ายเงิน คนที่จะต้องตกที่นั่งลำบากก็คือตัวเขาเอง
ทำไมเกาเหยียนจงถึงอุกอาจขนาดนี้ เขาไม่เคยคิดเลยหรือว่าจะรับมืออย่างไรหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น?
ครั้งนี้เฉินเฟิงไว้ใจคนผิด เขาไว้ใจที่จะให้คนนี้ทำงานแทนจนทำให้เกิดการสูญเสียอย่างหนัก
เขาเคยนึกถึงผลที่จะตามมาของเรื่องนี้บ้างไหม?
ทั้งสองขึ้นลิฟต์ จ้าวเลี่ยงพาหลินม่ายไปยังห้องประชุมเล็ก
แม้จะเรียกว่าห้องประชุมขนาดเล็ก แต่ก็ใหญ่กว่าห้องประชุมขนาดเล็กของห้องเสื้อจิ่นซิ่วมากกว่าสองเท่า
เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดที่วางอยู่ภายในนั้นเป็นเฟอร์นิเจอร์สำนักงานระดับไฮเอนด์ ห้องประชุมทั้งห้องดูดีมีระดับมาก
ในห้องประชุมแห่งนี้มีข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือ ขนาดของห้องประชุมเล็กนั้นค่อนข้างใหญ่ และไม่มีเครื่องทำความร้อน จึงค่อนข้างเย็นสำหรับคนที่นั่งอยู่ในนั้น
แต่ผู้บริหารที่นี่เพิกเฉยต่อความเย็น และกังวลเกี่ยวกับการขาดแคลนเงินในการจัดสรรโครงการอสังหาริมทรัพย์มากกว่า
อันที่จริง พวกเขาไม่เพียงกังวลเกี่ยวกับค่าจ้างคนงานในการสร้างบ้าน แต่ยังรวมถึงค่าวัสดุที่ทำการเบิกล่วงหน้าซึ่งรวมแล้วหลายแสนหยวน
หลินม่ายมองไปโดยรอบพลางเอ่ยถาม “ทำไมผู้จัดการเกาไม่มาประชุม?”
ผู้จัดการเกาในความหมายของเธอคือเกาเหยียนจง
เจิ้งซวี่ตงกล่าว “ผู้จัดการเกานำคนไปไล่ล่าและสกัดกั้นผู้อำนวยการโรงงานอุตสาหกรรมเบาแห่งนั้นครับ มีเงินโครงการจำนวนมากที่จ่ายไปซึ่งเขาจำเป็นต้องนำมาคืน ไม่เช่นนั้นเราจะใช้เงินจากไหนในการจ่ายค่าจ้างพนักงาน?”
ทศวรรษที่ 1980 นั้นไม่ดีเท่าทศวรรษต่อมา
ในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า หากบริษัทต่าง ๆ ผิดนัดค่าจ้าง ก็จะมีรัฐบาลคอยช่วยเหลือและสนับสนุน
แต่ปัจจุบันมีการค้างค่าจ้างแรงงานน้อยมาก และรัฐบาลไม่คาดคิดว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ จึงไม่ได้ออกนโยบายเพื่อช่วยเหลือพวกเขา
หลินม่ายที่ได้ยินถึงเหตุผลก็ไม่ซักถามอีกต่อไป
การประชุมเริ่มต้นขึ้นทันที
เหรินเป่าจูพูดเป็นคนแรก โดยกล่าวว่านักธุรกิจมากมายทั่วประเทศได้เริ่มสนใจลงทุนเปิดและขยายร้านแฟรนไชส์เสื้อผ้าจิ่นซิ่วแล้ว
แต่หล่อนไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวเร็วเกินไป เพราะปัจจุบันมีร้านแฟรนไชส์ของห้องเสื้อจิ่นซิ่วเพียงสามสิบร้านเท่านั้นที่ได้รับคัดเลือกในเมืองระดับหนึ่ง และมีร้านแฟรนไชส์เพียงสิบร้านเท่านั้นที่ได้รับการคัดเลือกในเมืองระดับสอง
ที่นั่งประชุมในตอนนี้เต็มจนแน่น
เนื่องจากกำลังจะถึงวันปีใหม่ เหรินเป่าจูจึงขอให้แฟรนไชส์เหล่านั้นแขวนป้ายไว้ก่อนเปิดร้าน
หลังจากปีใหม่สิ้นสุดลง ฤดูกาลขายเสื้อผ้าก็จะเริ่มต้นขึ้น และพวกเขาจะทำการตกแต่งร้านแฟรนไชส์ให้เป็นแบบเดียวกันทั้งหมด
นี่เป็นวิธีจัดการที่ดี หลินม่ายกล่าวชื่นชมเหรินเป่าจูก่อนจะขอให้เหรินเป่าจูยกเลิกการขายส่งเสื้อผ้าของห้องเสื้อจิ่นซิ่ว
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คนเป็นผู้จัดการต้องหนักแน่นหน่อยนะ ไม่งั้นบริษัทเสียหายใหญ่หลวง
ไหหม่า(海馬)