เฟยหลงที่เดินออกจากร้านหลังขายแก่นอสูรเสร็จด้วยประสบการณ์การหมื่นปีของการเป็นเซียนเเละความรั้สึกของเฟยหลงได้รู้สึกว่ามีคนแอบมองอยู่ในความมืด
แต่ไม่ได้มีจิตสังหารหรือมีทีท่าว่าจะเข้ามาหาเรื่องยุ่งยากให้เฟยหลงก็เลยไม่สนใจคนที่แอบมองอยู่และหายไปไม่นานหลังจากนั้น
ระหว่าวเดินตามถนนต่อไปเพื่อหาร้านอาหารจนในที่สุดเฟยหลงก็ได้เจอกับร้านหนึ่งและเข้าไปในร้านเมื่อเดินเข้าไปก็พบกับพนักงานต้อนรับยิ้มให้และกล่าวต้อนรับเฟยหลง
” ท่านลูกค้าไม่ทราบว่าต้องการอะไร ”
เฟยหลงได้ตอบกลับไปว่า
” ห้องส่วนตัวหนึ่งห้อง ”
พนักงานที่ได้ยินก็กำลังรีบไปจัดเตรียมให้เฟยหลงแต่ทว่าตอนนั้นเองที่มีเสียงอันหยิ่งยโสดังออกมาไม่ไกลจากตัวเฟยหลง
” พวกเจ้าไปเตรียมห้องส่วนตัวให้ข้านายน้อยผู้นี้หนึ่งห้อง ”
เสี่ยวเอ้อที่ได้ยินแบบนั้นได้กล่าวตอบแบบมีมารยาทว่า
” ต้องขอโทษด้วยนายน้อยหยางตอนนี้ห้องส่วนตัวพึ่งจะถูกจองห้องสุดท้ายไปเมื้อไม่นานก่อนนายน้อยหยางจะมานี้เอง ”
คนที่ถูกเรียกว่านายน้อยหยางได้โกรธเคืองและตวาดออกมา
” ใครเป็นคนจองห้องนั้นก่อนข้าเจ้าบอกข้ามา ”
ด้วยความที่เสี่ยวเอ้อของร้านเป็นไม่มีความสามารถพอที่จะยั่วยุตัวตนที่สูงกว่าจึงไม่สามารถต่อต้านได้
” เป็นท่านผู้นั้นที่จองก่อนนายน้อยท่านลองไปพูดคุยกับท่านผู้นั้นดูเอง ”
เมื่อคนที่เรียกว่านายน้อยหยางได้หันมาและพูดกับเฟยหลงด้วยน้ำเสียงยิ่งยะโสพร้อมกับมองด้วยสายตาดูแคลนว่า
” เจ้ามอบห้องส่วนตัวให้ข้าแล้วเดี่ยวข้าให้เงินค่าห้องนี้คืน ”
เฟยหลงที่กำลังอารมณ์ดีเพราะจะได้ริ้มรสชาติอาหารอีกครั้งหลังเกิดใหม่ก็มีสีหน้าเคร่งครึมลงทันทีเเละกล่าวตอบกลับไป
” เจ้าเป็นใครมีสิทธิ์มาสั่งข้าคนนี้ ”
เมื่อนายน้อยหยางโดนดูถูกดูแคลนจากคนที่อยู่เบื้องหน้าจึงระเบิดอารมณ์และพูดว่า
” ข้าหยางโจเป็นคนตระกูลใหญ่แห่งเมืองฟ้ากระจ่างหนึ่งในสองตระกูลใหญ่แห่งเมืองฟ้ากระจ่างเจ้าคงรู้เเล้วสินะว่าข้าเป็นใคร ”
เฟยหลงได้มองดูคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วตอบกลับไปว่า
” ข้าไม่รู้จักพวกเจ้าและก็ไม่ให้ห้องของข้าที่จองไว้มีปัญหาอะไรไหม ”
เมื่อหยางโจได้ยินคำตอบของเฟยหลงจึงโกรธจัดและพูดขมขู่เฟยหลง
” เจ้าบังอาจดูถูกนายน้อยผู้นี้หรือ ”
หบังจากนั้นหยางโจได้หันไปสั่งผู้คุ้มกันข้างหลัง
” ในเมื่อเจ้าไม่ยอมให้ห้องส่วนตัวแก่ข้า ”
” พวกเจ้าทุบตีมันให้บิดามารดาจำมันไม่ได้ ”
ผู้คุ้มกันทั้งสี่ได้เข้าล้อมรอบเมื่อเฟยหลงได้ยินประโยคนั้นที่พูดออกมาจากปากของหยางโจจึงยกยิ้มขึ้นอย่างเย็นชาและมองคนเหล่านี้ที่เข้ามาล้อมรอบตัวเขา
” เป็นเจ้าที่หาเรื่องใส่ตัวก่อนข้าจะทุบตีเจ้าให้เหมือนกับที่เจ้าสั่งผู้คุ้มกันของเจ้าทำกับข้า ”
เมื่อเฟยหลงพูดจบเหล่าผู้คุ้มกันทั้งสี่ได้เข้าโจมตีซึ่งเป็นแค่ขอบเขตก่อกำเนิดขั้น4กันทั้งหมดเฟยหลงจึงใจเย็นเพราะสำรวจขอบเขตและขั้นพลังของพวกนี้ไว้หมดแล้ว
เหล่าผู้คุ้มกันทั้งสี่ที่วิ่งเข้าโจมตีเฟยหลงได้ใช้หมัดเท้าเข่าศอกโจมตีเฟยหลงแต่พวกเขาไม่มีใครสักที่โจมตีโดนเลยสักครั้ง
เฟยหลงจึงตอบโต้ด้วยการเตะไปยังช่องว่างของการโจมตีร่วมกันของผู้คุ้มกันทั้งสี่และต่อยหมัดที่อัดเเน่นไปด้วยพลังปราณเข้าใส่ทำให้ทั้งสามลอยกระเด็นไปชนกำแพงและบาดเจ็บสาหัส
เพราะด้วยพลังของเฟยหลงที่เป็นเพียงเเค่ขอบเขตก่อกำเนิดขั้นที่4
แต่ด้วยทักษะเทพจักรพรรดิสงครามที่ทำให้พลังปราณของเฟยหลงหนาแน่และบริสุทธิ์กว่าขอบเขตก่อกำเนิดขั้นสี่ทั่วไป
จึงทำให้ผู้คุ้มกันขอบเขตก่อกำเนิดขั้น4ที่เเสนจะธรรมดาไม่สามารถรับการโจมตีของเฟยหลงได้นานนักก็ล้มลงไปนอนกองกับพื้นทั้งหมด
” ตุบ ตุบ ตุบ ”
เมื่อจัดการกับผู้คุ้มกันทั้งสามเสร็จแล้วเฟยหลงได้เคลื่อนที่มาข้างหน้าหยางโจที่ตกตะลึงอยู่และกล่าวว่า
” ข้าจะทุบตีเจ้าให้บิดามารดาเจ้าจำไม่ได้เลยคอยดู ”
เฟยหลงจึงได้ใช้หมัดต่อยเข้าที่หน้าของหยางโจหลายครั้งจนหน้าของหยางโจดูบวมเหมือนหัวหมู
เมื่อเฟยหลงหยุดมือก็ได้ก็มองหยางโจด้วยดวงตาเย็นยะเยือกพูดว่า
” เจ้าเคราะห์ดีที่ข้าไม่อยากสร้างเรื่องยุ่งยากมากมายข้าจึงไม่ได้ฆ่าเจ้าทิ้งเสีย ”
เมื่อพบเหตุการณ์แบบนี้เฟยหลงที่ตั้งใจมานั่งทานอาหารอย่างสงบก็ได้รู้สึกเบื่อขึ้นมาทันทีจึงกลับไปทานอาหารอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นจึงเดินออกจากร้านแห่งนี้เพื่อไปยังจุดมุ่งหมายต่อจากนี้