จวินลี่ได้พูดจบก็ได้นำทางเฟยหลงไปยังชั้นที่สามของศาลาโอสถซึ่งเป็นชั้นที่ไม่ให้คนที่ไม่ได้อนุญาตขั้นมา
เฟยหลงได้เดินตามจวินลี่มาจนถึงประตูห้องๆหนึ่งที่ข้างบนมีป้ายเขียนว่า
‘ ห้องปรุงยา ‘
ติดเอาไว้อยู่จวินลี่ได้เปิดประตูให้เฟยหลงเข้าไปในห้องเมื่อเฟยหลงเข้ามาภายในห้องก็ได้เจอกับหม้อปรุงยาและสมุนไพรต่างๆมากมายและไม่ห่างจากหม้อปรุงยาตรงนั้นมีชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่
เมื่อเฟยหลงสังเกตดูก็พบว่าชายชราคนนี้ดูใจดีใส่ชุดสีขาวที่ดูธรรมดาไม่มีลวดลายอะไรติดอยู่ใบหน้าเผยรอยยิ้มอ่อนโยนมองมาทางเฟยหลง
ทางด้านเฟยหลงได้เข้ามาในห้องได้หยุดเท้าลงตรงที่ไม่ห่างจากหม้อปรุงยาของชายชราซึ่งชายชราได้เป็นฝ่ายเอ่ยปากถามเฟยหลงก่อน
” เจ้าคือคนที่ทำภารกิจนั้นสำเร็จสินะ ”
เฟยหลงได้ตอบชายชราตรงหน้าว่า
” แล้วท่านคิดว่าข้าไม่สามารถทำภารกิจที่ข้าอยากทำได้สำเร็จหรือ ”
ชายชราได้ตอบเฟยหลงกลับไปว่า
” ไม่มีอะไรข้าเเค่สงสัยว่าเด็กหนุ่มเช่นเจ้าสามารถทำภารกิจนี้ได้ชั่งมีพรสวรรค์และความรู้มากมายเหลือเกิน ”
เมื่อได้ยินดังนั้นเฟยหลงจึงคิดว่า
‘ ชายชราคนนี้มีพลังวิญญาณที่เเข็งแกร่งจึงสามารถรู้ตัวตนของข้าที่อยู่ในชุดคลุมได้ ‘
เฟยหลงได้ตอบกลับไปว่า
” มันก็แค่เรื่องง่ายๆไม่ยากมากมายอะไรเลย ”
ชายชราที่พูดคุยกับเฟยหลงได้นึกออกว่าตนยังไม่ได้แนะนำตัวเองเลยจึงกล่าวขอโทษ
” ขอโทษที่พอดีชายชราอย่างข้าก็มีความจำเลอะเลือนไปบ้างส่วนชื่อของข้านั้นคือเฉิงหรงเป็นหัวหน้าของศาลาโอสถแห่งนี้ ”
เมื่อชายชราเฉิงหรงพูดจบก็ได้ลองมองดูปฏิกิริยาของเฟยหลงว่าจะเป็นอย่างไรแต่แล้วก็ต้องแปลกใจที่เฟยหลงกลับไม่ได้แสดงท่าทีวิตกกังวลหรือหวาดกลัวเเต่อย่างใด
เฟยหลงได้ตอบชายชราเฉิงหรงกลับไปว่า
” ตัวข้านั้นมีชื่อว่าเฟยหลง ”
หลังจากที่ชายชราเฉิงหรงรวบรวมความคิดกลับมาและถามเฟยหลงอย่างประหลาดใจว่า
” อ่า… เจ้าช่างทำให้ชายแก่อย่างข้าประหลาดใจโดยแท้ ”
เพราะว่าในเมืองฟ้ากระจ่างแห่งนี้ไม่ว่าใครที่ได้ยินนามของชายชราเฉิงหรงต่างเคารพนับถือเพราะว่าท่านเป็นนักปรุงยาระดับสีส้มซึ่งเป็นหัวหน้าของศาลาโอสถที่เต็มไปด้วยนักปรุงยาต่างๆมากมาย
ทางด้านเฟยหลงได้ถามชายชราเฉิงหรงว่า
” ที่ท่านเรียกข้ามานี้ท่านคงไม่ได้เรียกมาเพื่อพูดคุยกับจ้าเรื่องเเค่นี้ใช่ไหม ”
ชายชราได้มองเฟยหลงอย่างอย่างชมเชยเพราะว่าเฟยหลงเป็นคนที่มีไหวพริบดีและตอบคำถามกลับไปว่า
” ข้าอยากให้เจ้าเฟยหลงช่วยบอกข้าหน่อยว่าอาจารย์ของเจ้าเป็นใคนมาจากไหน ”
ที่ชายชราเฉิงหรงถามเฟยหลงเพราะว่าชายชราเฉิงหรงไม่คิดว่าเด็กหาุ่มอย่างเฟยหลงจะสามารถปรับปรุงเม็ดยาที่ขาดหายไปซึ่งแม้แต่ชายแก่อย่างเขาก็จนปัญญาที่จะหาทางทำให้สำเร็จ
เฟยหลงเมื่อได้ฟังคำพูดของชายชราเฉิงหรงตรงหน้าเพราะว่าตัวของเขาอยากจะพบกับอาจารย์จองเฟยหลงที่สามารสั่งสอนลูกศิษย์ออกมาเก่งกาจขนาดนี้ได้
เมื่อเฟยหลงได้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้วจึงได้เเต่งเรื่องราวของอาจารย์ที่ไม่มีตัวตนของเขาขึ้นมา
” ท่านจะถามถึงท่านอาจารย์ของข้า ”
เมื่อเฟยหลงพูดคำว่า ‘ ท่านอาจารย์ ‘ ก็ได้มีเเววตาและสีหน้าเคารพนับถือขึ้นมา
ทางด้านชายชราที่ได้เห็นอย่างนี้ก็ได้คิดขึ้นมาว่าเจ้าเด็กหนุ่มเฟยหลงคนนี้มีต้องมีอาจารย์ที่มีความสามารถอยู่ด้วยอย่างแน่นอน
แต่สิ่งที่ชายชราเฉิงหรงไม่รู้คือเฟยหลงไม่ได้มีอาจารย์เลยความรู้ความสามารถทั้งหมดล้วนมาจากอดีตตอนยังเป็นเซียนทั้งหมดและแม้เเต่แววตาและสีหน้าที่เคารพนับถือนั้นล้วนแต่เป็นเฟยหลงเองที่จงใจเเสดงขึ้นมาเมื่อเห็นอย่างนั้นเฟยหลงยังคงเเสดงละครต่อไป
เฟยหลงจึงได้กล่าวว่า
” ท่านอาจารย์ของข้านั้นได้มาเจอข้าซึ่งเป็นเด็กกำพร้าอยู่ที่ตรอกแห่งหนึ่งซึ่งข้าได้เงยหน้ามองท่านก็ได้พบว่าเหมือนชายชราคนหนึ่งและยังไม่ได้แตกต่างจากคนทั่วไปแต่ไม่รู้เพราะเหตุใดท่านจึงถามข้าว่า ‘ เจ้าต้องการพลังหรือไม่ ‘ ข้าได้ตอบกลับไปว่า ‘ มีใครบ้างไม่ต้องการพลัง ‘
ท่านจึงถามข้าต่อว่า ‘ งั้นถ้ามีใครยิบยื่นพลังให้เจ้าจะรับไว้ไหม ‘ ข้าจึงตอบกลับไปว่า ‘ ข้าไม่รับเพราะว่าพลังเหล่านั้นมิใช่สิ่งที่จ้าได้มาด้วยตนเองสุดท้ายก็ไม่อาจจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงได้ ‘ เมื่อข้าพูดจบสติของข้าก็ได้ดับไปและเมื่อตื่นขึ้นมาอีกทีก็ได้มีความรู้มากมายไหลเวียนอยู่ในความคิดข้าพร้อมกับคำพูดหนึ่งที่ได้ดังก้องอยู่ในความคิดข้าว่า ‘ ข้าจะกลับมาดูว่าเจ้าสามารถเดินไปยังเส้นทางที่เจ้าเลือกหรือไม่’ ”
เมื่อเฟยหลงพูดจบก็ไม่รอชายชราเฉิงหรงที่กำลังวิเคราะห์เรื่องราวของเฟยหลงอยู่จึงได้พูดขึ้นมาว่า
” ถ้าไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัวกลับไปก่อนละ ”
เมื่อเฟยหลงกำลังจะเดินออกไปจากประตูก็ได้กล่าวขึ้นมาว่า
” พิษที่อยู่ในตัวท่านควรรักษาโดยเร็วที่สุดไม่งั้นท่านก็อยู่ได้อีกไม่นาน ”