เมิ่อเฟยหลงได้พักเป็นเวลาครึ่งก้านธูปก็ได้ลุกขึ้นยืนและเริ่มทบทวนทักษะยุทธ์หมัดทลายศิลา
” ทักษะยุทธ์หมัดทลายศิลานั้นมีระดับเท่ากันกับทักษะยุทธ์ก้าวพริมตามีทั้งหมดสามขั้นแบ่งออกเป็นขั้นที่หนึ่งนั้นเมื่อต่อยหมัดลงไปบนแผ่นศิลาสามารถทำให้ศิลาแตกร้าวได้ขั้นที่สองนั้นเมื่อต่อยหมัดลงบนแผ่นศิลาสามารถทำลายแผ่นศิลาลงได้ส่วนขั้นที่สามนั้นเมื่อต่อยหมัดลงบนแผ่นศิลาสามารถทำลายศิลาเป็นก้อนกรวดได้ ”
เฟยหได้ลองฝึกต่อไปโดยการโคจรตามที่ได้เขียนเอาไว้ในบนตำราทักษะหมัดทลายศิลาในความทรงจำ
ครึ่งก้านธูปได้ผ่านไปเฟยหลงได้ฝึกขั้นที่หนึ่งสำเร็จ
หนึ่งก้านธูปได้ผ่านไปเฟยหลงได้ฝึกขั้นที่สองใกล้สำเร็จ
ครึ่งชั่วยามได้ผ่านไปเฟยหลงได้ฝึกขั้นที่สองสำเร็จ
หนึ่งขั่วยามผ่านไปเฟยหลงได้ฝึกขั้นที่สามจนสำเร็จ
แล้วนั่งพักหนึ่งก้านธุปและลุกขึ้นยืนเดินไปทางศิลาที่ตั้งอยู่ในสวนก้อนหนึ่งขนาดความสูงประมาณหนึ่งวาและได้ใช้ทักษะยุทธ์หมัดทลายศิลาต่อยลงไปยังแผ่นศิลาก้อนนั้นและทำให้มันกลายเป็นก้อนกรวดขนาดต่างๆ
เฟยหลงที่ได้เห็นผลตากการฝึกทักษะตอนนี้ได้ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจแล้วกล่าวว่า
” ด้วยพลังของขอบเขตก่อกำเนิดขั้นที่ห้าที่สามารถต่อกรกับผู้บ่มเพาะขอบเขตก่อกำเนิดขั้นที่เจ็ดธรรมดาทั่วไปได้ไปได้และยังมีทักษะยุทธ์ที่เหมัดทลายศิลาที่เป็นทักษะด้านการโจมตีที่เเข็งแกร่งกับทักษะยุทธ์ก้าวพริบตาที่เป็นทักษะด้านความเร็วที่สูงมาก ”
เหล่าผู้บ่มเพาะนั้นไม่ได้พึ่งเพียงเเค่พลังของขอบเขตการบ่มเพาะเท่านั้นต้องพึ่งทักษะยุทธ์ที่เเข็งแกร่งอีกด้วยยกตัวอย่างง่ายเช่นการที่มีผู้บ่มเพาะขอบเขตเดียวกันและขั้นพลังพวกเจาเท่ากันแต่คนเเรกได้ฝึกทักษะยุทธ์ต่างๆมากมายที่มีความแข็งแกร่งมากกับคนที่สองที่ฝึกทักษะยุทธ์ที่ธรรมดาไม่ได้แข็งแกร่งหรืออ่อนแอ
ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่าผู้บ่มเพาะคนเเรกนั้นจะได้เปรียบผู้บ่มเพาะคนที่สองมากแต่ทักษะยุทธ์นั้นไม่ได้ตัดสินทุกอย่างว่าผู้บ่มเพาะคนที่หนึ่งจะชนะผู้บ่มเพาะคนที่สองได้เพราะว่ามีปัจจัยอีกอย่างคือประสบการณ์ต่างที่ได้รับมาจากการฝึกฝนและการเสี่ยงตายมากมายนับไม่ถ้วนก็สามารถพลิกกลับมาชนะได้
เเต่เรื่องประสบการณ์นั้นไม่เป็นปัญหากับเฟยหลงเพราะด้วยประสบการณ์ตอนเป็นเซียนเฟยหลงได้ต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วนเลยก็ว่าได้
หลังจากฝึกสำเร็จเฟยหลงที่เหน็ดเหนื่อยจากการฝึกได้ตัสินใจไปอาบน้ำเพื่อให้รู้สึกสบายตัวถึงแม้ว่าจะสามารถใช้พลังปราณขจัดสิ่งสกปรกบ่นร่างกายได้แต่เฟยหลงก็ยังชอบอาบน้ำอยู่ดี
เมื่อกลับไปเจ้าไปข้างในบ้านเฟยหลงได้แอบเปิดประตูห้องของหญิงสาวและมองเข้าไปข้างในซึ่งบนเตียงนั้นหญิงสาวยังคงหลับไหลอยู่ซึ่งได้ถีบผ้าห่มออกไปและนอนขดตัวเหมือนเม่นตัวน้อยที่กำลังป้องกันตนเองจากอันตรายอยู่เฟยหลงจึงได้เดินเข้าไปและคลุมผ้าห่มให้นางอย่างเบามือ
และเดินออกมาจากห้องนั้นเฟยหลงที่ได้ห่มผ้าห่มมห้กับหญิงสาวนางนั้นเฟยหลงก็ไม่ค่อยจะเข้าใจว่าตนทำไปเพราะอะไรสงสารหรือจะเป็นเพราะชอบนาง
เทื่อเฟยหลงลองคิดเหตุผลทั้งสองอย่างก็ได้ตีกันอยู่ในสมองจึงเลิกคิดและกล่าวว่า
” ชั่งมันเถอะ ”
แล้วเดินกลับไปยังห้องของตนเองทางด้านห้องของหญิงสาวนั้นได้รู้สึกตัวนิดหน่อยว่ามีคนห่มผ้าห่มให้นางอย่างเบามือซึ่งในบ้านนี้มีแค่สองคนเท่านั้นซึ่งถ้าเป็นเวลาปกติเฟยหลงสังเกตเห็นแต่ว่าเพราะความเหน็ดเหนื่อยเลยไม่ได้สังเกตเห็น
” หรือจะเป็นคนที่พาข้ามาด้วย ”
และได้ปรากฏรูปของเฟยหลงที่ได้สวมชุดคลุมให้นางและยังมีหน้าตาของเขาที่หญิงสาวได้เห็นจึงรู้สึกว่าตนเริ่มมีความรู้สึกชอบเฟยหลงขึ้นมาบ้างเล็กน้อย