เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานเฉินหรงได้วิ่งกลับมาแล้วยืนอยู่หน้าเฟยหลงแล้วกล่าวว่า
” เอาละข้าได้ไปเอาป้ายที่ไว้ใช้สำหรับเปิดประตูนี้แล้วแต่ก่อนอื่นข้าขอพักหน่อย ”
เฟยหลงที่ได้ยยินดังนั้นจึงอย่ากจะพูดว่า
‘ ข้าผู้นี้รู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนธรรมดาแต่กลับมีพลังระดับก่อกำเนิดขั้นที่เก้าอย่าคิดว่าจะหลอกข้าคนนี้ได้ ‘
แต่เนื่องจากเจ้าของร้านไม่อยากจะเปิดเผยพลังของเขาและก็เฟยหลงไม่เคยมีเรื่องบาดหมางหรือผิดใจกันมาก่อนแต่อย่างใดจึงแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นและกล่าวว่า
” เถ้าแก่เฉินท่านรีบเปิดประตูเร็วเข้าข้าไม่มีเวลามากนักเพราะมีเรื่องบางอย่างที่ต้องไปทำอีก ”
เฉินเหมียวที่ได้ยินดังนั้นจึงกล่าวว่า
” ได้ๆรอข้าแปบนึงข้าขอหาก่อนว่าข้าเก็บป้ายไว้ตรงไหน ”
เฟยหลงที่เห็นเฉินเหมียวกำลังใช้มือค้นหาของบนตัวเขาก็อยากจะกล่าวออกไปว่า
‘ ตอนที่ท่านวิ่งมาแล้วทำไมไม่ถือไว้ละจะเอาไปเก็บไว้ทำไม ‘
เมื่อเฉินเหมียวหาป้ายสำหรับเปิดประตูเจอก็ได้กล่าวว่า
” อ่า.. ท่านช่วยถอยออกไปหน่อยข้าจะเปิดประตูคลังเก็บของแล้วมันอาจจะมีพลังปราณของค่ายกลที่อยู่บนประตูผลักท่าน ”
เฟยหลงได้ยืนอยู่กับที่และกล่าวว่า
” ชั่งมันเถอะแค่เปิดประตูก็พอข้าอยากหาหม้อปรุงยาที่ข้าต้องการ ”
เฉินเหมียวก็ได้กล่าวว่า
” งั้นก็แล้วเเต่ท่านละกัน ”
เฉินเหมียวได้เดินถือป้ายและกดลงไปที่ประตูคลังเก็บของเมื่อกดลงไปที่ประตูคลังเก็บของ
ก็ได้เปิดออกพร้อมกับมีพลังปราณที่รุนแรงพอจะให้คนธรรมดาปลิวไปตามสายลม
เฉินเหมียวที่ได้เปิดประตูคลังแล้วก็ได้กล่าวกับเฟยหลงว่า
” เชิญท่านตามข้าเข้าไปข้างในเถอะเดี๋ยวข้าจะนำทางให้ท่านชมสิ่งที่ท่านต้องการเอง ”
เมื่อกล่าวจบเฉินเหมียวได้เดินนำเฟยหลงเข้าไปข้างใน
ซึ่งเมื่อเข้าไปและได้เห็นว่าข้างในเต็มไปด้วยกลิ่นอายของอาวุธต่างๆที่มากมายไม่ว่าจะเป็น ดาบ หอก กระบี่ อยู่มากที่สุดในจำนวนอาวุธมากมายที่เฟยหลงได้เห็น
เฉินเหมียวได้หันมามองเฟยหลงและกล่าวว่า
” แม้ว่าร้านของข้าจะไม่ใหญ่นักแต่ล้วนมีอาวุธมากมายนับหลายร้อยชิ้นเเละเเต่ละชิ้นก็มีคุณภาพมาก ”
ซึ่งอาวุธเหล่านี้รวมถึงหม้อปรุงยาและอื่นๆที่เป็นอุปกรณ์ต่างที่เหล่าผู้บ่มเพาะใช้เเบ่งออกได้เป็นเก้าระดับระดับเเรกสุดเลยก็คือระดับก่อเกิดซึ่งแม้ว่ารูปลักษณ์จะเหมือนกับอาวุธธรรมดาทั่วแต่สามารถใส่ปราณลงไปเพื่อเพิ่มพลังตามที่อาวุธชิ้นนั้นสามารถรับไหวไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มพลังการความเเข็งแกร่งและความทนทานของอาวุธ
เฟยหลงที่กำลังมองดูรอบๆแต่ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจจึงกล่าวกับเฉินเหมียวว่า
” เถ้าแก่เฉินท่านพาข้าไปดูส่วนที่ตัดเก็บหม้อปรุงยาไว้ข้าอยากได้หม้อปรุงยาที่เก็บไว้ทั้งหมดให้ข้าดู ”
เฉินเหมียวได้ตอบกลับเฟยหลงว่า
” ได้เลยท่านข้าจะพาไปส่วนที่เก็บหม้อปรุงยาไว้เชิญตามข้ามา ”
เฉินเหมียวได้นำทางเฟยหลงไปยังห้องที่เป็นส่วนไว้สำหรับเก็บหม้อปรุงยาแล้วกล่่าวว่า
” ถ้าท่านถูกใจหรืออยากได้หม้อปรุงยาอันไหนโปรดบอกข้าได้เลยข้าจะแนะนำให้ท่านได้รู้ว่าวัสดุที่สร้างหม้อปรุงยาและเหมาะสำหรับไว่ใช่ปรุงยาประเภทไหนมากที่สุดซึ่งสามารถวางใจข้าได้เลย ”
เมื่อเฉินเหมียวได้กล่าวเรื่องราวต่างและพร้อยกับเพิ่นใมเรื่องโอ้อวอว่าตนสามารถรู้ทุกอย่างว่าหม้อปรุงยาใบไหนเหมาะกับอะไร
เฟยหลงที่ได้มองดูหม้อปรุงยาทุกใบก็ไม่ได้พบกับหม้อปรุงยาที่เฟยหลงสนใจเลยเพราะถึงเเม้ว่าหม้อปรุงยาที่อยู่ในนี้จะดีกว่าอันที่ขายอยู่ทั่วไปมากแต่สำหรับเฟนหลงแล้วมันไม่ได้แตกต่างกันมาก
เมื่อเฟยหลงไม่สามารถหาหม้อปรุงยาที่จนต้องการได้จึงจะถามเฉินเหมียวให้นำหม้อปรุงยาที่ดีที่สุดออกมาให้ตนดูแต่แล้วก็ต้องไปสะดุดตากับหม้อยาเก่าๆใบหนึ่งซึ่งมีแต่สนิมเต็มไปหมดและสภาพไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่
แต่เฟยหลงก็ได้กล่าวว่า
” ไม่คิดว่าข้าจะมาเจอหม้อปรุงยาเก่าๆอันนี้ซึ่งข้าสัมผัสและรู้สึกได้จากประสบการณ์จากตอนที่ข้ายังเป็นเซียนได้ว่าเป็นหม้อปรุงยาที่ดีที่สุดในร้านนี้และไม่มีใบไหนในร้านเทียบได้กับหม้อปรุงยาเก่าๆใบนี้ได้เลยเเม้เเต่น้อย ”