เทพจักรพรรดิ​สงคราม – ตอนที่ 43 ทักษะ​บ่มเพาะเทพเเห่งชีวิต

เทพจักรพรรดิ​สงคราม

ด้านเฟยหลงที่ได้แหงนหน้ามองท้องฟ้าและคิดถึงอดีตได้มีเสียงหนึ่งดึงเฟยหลงให้อแกมาจากความคิดของเขา

” ท่านเป็นอะไรไหม​ ”

ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซูซ่านนั้นเองเฟยหลงที่ได้สติจึงกล่าวว่า

” ข้าจะสอนทักษะบ่มเพาะเทพแห่งชีวิตให้เจ้า ”

ซูซ่านได้นั่งมองเฟยหลงและรับฟังสิ่งที่เฟยหลงกล่าวออกมาอย่างตั้งใจ

” ก่อนอื่นข้าจะให้ทักษะบ่มเพาะนี้กับเจ้าแล้วเจ้าก็ลองทำความเข้าใจมันดู​ ”

เมื่อพูดจบเฟยหลงได้บอกวิธีโคจรพลังปราณตามทักษะบ่มเพาะเทพแห่งชีวิตให้ซูซ่านได้ฟังและทำความเข้าใจ

เมื่อซูซ่านได้ฟังสิ่งที่เฟยหลงได้บอกกับนางและทำตามขั้นตอนทุกอย่างที่เฟยหลงได้บอกกับนางไว้

เมื่อเริ่มโคจรทักษะบ่มเพาะเทพแห่งชีวิตซูซ่านก็ได้รู้สึกว่าร่างกายของนางได้รู้สึกสดชื่นมากซึ่งตัวนางชอบความรู้สึกนี้แต่แล้วตอนนั้นเองที่ทุกอย่างรอบตัวนางได้มืดลงและไม่มีสิ่งใดเลยแม้แต่เฟยหลงก็หายไปนางจึงตะโกนเรียก

” เฟยหลงท่านอยู่ที่ไหน​ ”

” และที่นี้คือที่ไหน​ ”

ตอนนั้นเองที่ได้มีเสียงลึกลับอันไพเราะ​กล่าวกับซูซ่าน

” ถึงคนที่จะสืบทอดสิ่งนี้ต่อจากข้าจ้าหวังว่ามันจะพาเจ้าไปอยู่จุดเดียวกับที่ข้าอยู่หรือแม้กระทั้งเหนือกว่า​ข้าเพื่อปกป้องบางสิ่งบางอย่าง ”

ซูซ่านได้ตะโกนว่า

” ท่านเป็นใครและอยู่ที่ไหน​ ”

แต่ตอนนั้นเองที่รอบตัวของซูซ่านได้ปรากฏ​ภาพของหญิงสาวนางหนึ่งยืนหันหลัง​ให้นางซูซ่านสังเกตเห็นว่านางใส้ชุดสีเขียวอ่อนที่ดูสวยงามมากสีผิวของนางดูบริสุทธิ์​ยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกมีออ​ร่า​รอบตัวนางที่ให้ความรู้สึกสดชื่นและอบอุ่นรอบด้านเป็นเหมืิอนห้องหนึ่งในปราสาท​แห่งที่งดงามแห่งนี้

และตอนที่ซูซ่านกำลังสำรวจหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหน้านางก็ได้ยินเสียงดังขึ้นอีกครั้งซึ่งตอนนี้นางรู้แล้วว่าเจ้าของเสัยงเป็นหญิงสาวชุดสีเขียวอ่อนตรงหน้า

” ถ้ามิติถูกเหล่าปีศาจทำลายและบุกเข้ามาเรื่อยๆและข้าไม่สามารถต้านทานเหล่าปีศาจจำนวนมหาศาลที่บุกรุกเข้ามา​ ”

” ข้าไม่รู้ว่าจะมีชีวิตรอดไปจนถึงเมื่อไหร่​แต่ข้าได้ทิ้งความปรารถนา​สุดท้ายไว้ถ้าข้าไม่สามารถปกป้องมิติได้อีกข้าจะปิดผนึกที่แห่งนี้เอาไว้ด้วยค่ายกลและหวังว่าสักวันที่มีคนในโชคชะตา​ที่ข้าได้หวังเอาไว้จะปรากฏ​ตัวอีกครั้งและช่วยขับไล่เหล่าปีศาจแล้วปิดผนึกมิติที่ถูกทำลาย​ ”

เมื่อหญิงสาวได้กล่าวจบตอนนั้นเองที่มีเสียงระเบิดดังขึ้น

‘ ตู้ม​ ‘​

แล้วมีคนผู้หนึ่งที่ใส่เกราะสีทองมาปรากฏ​ตรงหน้าของหญิงสาวที่ใส่ชุดสีเขียวอ่อนแล้วกล่าวรายงานสถานการณ์​ให้หญิงสาวได้ฟัง

” ข้าขอรายงานท่านให้ทราบว่าตอนนี้เหล่าปีศาจได้ทำลายมิติที่กันเขตเเดนเข้ามาเพิ่มขึ้นแล้วนอกจากนั้นพวกข้าได้รู้สึกว่ามีเเรงกดดันที่แข็งแกร่งอยู่ในที่กองทัพของเหล่าปีศาจนั้นด้วย”

แล้วตอนนั้เองที่มีเสียงหัวเราะเยาะ​ดังไปทั่วทุกที่ว่า

” อ่า… เจ้าจะหดหัวอยู่ในกระดองหรือไงเหล่าเทพวันนี้ข้าจะนำกองทัพปีศาจมายึดครองที่แห่งนี้​ ฮ่า​ ฮ่า​ ฮ่า​ ”

” โดยเฉพาะ​เจ้าเทพที่เฝ้าผนึกมิติขัดขวางพวกข้าและเหล่าปีศาจทั้งหลายถ้าเจ้ามีความกล้าก็ออกมาสู้กับจ้าข้าจะสังหารเจ้าและยึดพื้นที่เหล่านี้เป็นของพวกข้า​ ฮ่า​ ฮ่า​ ฮ่า​ ”

ตอนนั้นเองที่หญิงสาวได้กล่าวความปรารถนา​สุดท้ายของนางไว้ว่า

” เจ้่าที่ได้ทักษะบ่มเพาะนี้ไปแล้วก็จงบ่มเพาะจนมีพลังที่สามารถต่อกรกับเหล่าปีศาจได้และมาช่วยกองทัพของเหล่าทวยเทพเพื่อกำจัดปีศาจเหล่าทั้งหลายข้าไม่มีเวลามากพอที่จะบอกสิ่งอื่นมากกว่านี้แล้วและจงจำเอาไว้ว่าโชคชะตา​ของเจ้านั้นได้เปลี่ยนแปลง​ไปแล้วเมื่อเจ้าได้ทำการบ่มเพาะทักษะนี้ ”

เมื่อกล่าวจบหญิงสาวชุดสีเขียวอ่อนได้หายไปและสิ่งต่างๆก็ด้วยแล้วซูซ่านที่สติของตนได้กลับคืนเหมือนเดิมจึงได้ยินเสียงหนึ่งที่กำลังเรียกนาง​

” เจ้าเป็นไรไป​ ”

” บอกข้ามาสิ ”

เมื่อซูซ่านได้เห็นเฟยหลงมองนางอย่างกังวลเลยตอบกลับไปว่า

” ข้าไม่เป็นไร​ “

เทพจักรพรรดิ​สงคราม

เทพจักรพรรดิ​สงคราม

Status: Ongoing
ที่ตรอกแห่งหนึ่งได้มีร่างของเด็กหนุ่มนอนขดตัวอยู่ซึ่งเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นเพียงเเค่ร่างไร้วิญญาณแต่โชคชะตาก็ได้นำพาวิญญาณดวงหนึ่งมาสิงร่างของเด็กหนุ่มคนนี้แล้วทำให้ชะตากรรมของร่างกายนี้เปลี่ยนแปลงไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท