ด้านเฟยหลงที่ได้แหงนหน้ามองท้องฟ้าและคิดถึงอดีตได้มีเสียงหนึ่งดึงเฟยหลงให้อแกมาจากความคิดของเขา
” ท่านเป็นอะไรไหม ”
ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซูซ่านนั้นเองเฟยหลงที่ได้สติจึงกล่าวว่า
” ข้าจะสอนทักษะบ่มเพาะเทพแห่งชีวิตให้เจ้า ”
ซูซ่านได้นั่งมองเฟยหลงและรับฟังสิ่งที่เฟยหลงกล่าวออกมาอย่างตั้งใจ
” ก่อนอื่นข้าจะให้ทักษะบ่มเพาะนี้กับเจ้าแล้วเจ้าก็ลองทำความเข้าใจมันดู ”
เมื่อพูดจบเฟยหลงได้บอกวิธีโคจรพลังปราณตามทักษะบ่มเพาะเทพแห่งชีวิตให้ซูซ่านได้ฟังและทำความเข้าใจ
เมื่อซูซ่านได้ฟังสิ่งที่เฟยหลงได้บอกกับนางและทำตามขั้นตอนทุกอย่างที่เฟยหลงได้บอกกับนางไว้
เมื่อเริ่มโคจรทักษะบ่มเพาะเทพแห่งชีวิตซูซ่านก็ได้รู้สึกว่าร่างกายของนางได้รู้สึกสดชื่นมากซึ่งตัวนางชอบความรู้สึกนี้แต่แล้วตอนนั้นเองที่ทุกอย่างรอบตัวนางได้มืดลงและไม่มีสิ่งใดเลยแม้แต่เฟยหลงก็หายไปนางจึงตะโกนเรียก
” เฟยหลงท่านอยู่ที่ไหน ”
” และที่นี้คือที่ไหน ”
ตอนนั้นเองที่ได้มีเสียงลึกลับอันไพเราะกล่าวกับซูซ่าน
” ถึงคนที่จะสืบทอดสิ่งนี้ต่อจากข้าจ้าหวังว่ามันจะพาเจ้าไปอยู่จุดเดียวกับที่ข้าอยู่หรือแม้กระทั้งเหนือกว่าข้าเพื่อปกป้องบางสิ่งบางอย่าง ”
ซูซ่านได้ตะโกนว่า
” ท่านเป็นใครและอยู่ที่ไหน ”
แต่ตอนนั้นเองที่รอบตัวของซูซ่านได้ปรากฏภาพของหญิงสาวนางหนึ่งยืนหันหลังให้นางซูซ่านสังเกตเห็นว่านางใส้ชุดสีเขียวอ่อนที่ดูสวยงามมากสีผิวของนางดูบริสุทธิ์ยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกมีออร่ารอบตัวนางที่ให้ความรู้สึกสดชื่นและอบอุ่นรอบด้านเป็นเหมืิอนห้องหนึ่งในปราสาทแห่งที่งดงามแห่งนี้
และตอนที่ซูซ่านกำลังสำรวจหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหน้านางก็ได้ยินเสียงดังขึ้นอีกครั้งซึ่งตอนนี้นางรู้แล้วว่าเจ้าของเสัยงเป็นหญิงสาวชุดสีเขียวอ่อนตรงหน้า
” ถ้ามิติถูกเหล่าปีศาจทำลายและบุกเข้ามาเรื่อยๆและข้าไม่สามารถต้านทานเหล่าปีศาจจำนวนมหาศาลที่บุกรุกเข้ามา ”
” ข้าไม่รู้ว่าจะมีชีวิตรอดไปจนถึงเมื่อไหร่แต่ข้าได้ทิ้งความปรารถนาสุดท้ายไว้ถ้าข้าไม่สามารถปกป้องมิติได้อีกข้าจะปิดผนึกที่แห่งนี้เอาไว้ด้วยค่ายกลและหวังว่าสักวันที่มีคนในโชคชะตาที่ข้าได้หวังเอาไว้จะปรากฏตัวอีกครั้งและช่วยขับไล่เหล่าปีศาจแล้วปิดผนึกมิติที่ถูกทำลาย ”
เมื่อหญิงสาวได้กล่าวจบตอนนั้นเองที่มีเสียงระเบิดดังขึ้น
‘ ตู้ม ‘
แล้วมีคนผู้หนึ่งที่ใส่เกราะสีทองมาปรากฏตรงหน้าของหญิงสาวที่ใส่ชุดสีเขียวอ่อนแล้วกล่าวรายงานสถานการณ์ให้หญิงสาวได้ฟัง
” ข้าขอรายงานท่านให้ทราบว่าตอนนี้เหล่าปีศาจได้ทำลายมิติที่กันเขตเเดนเข้ามาเพิ่มขึ้นแล้วนอกจากนั้นพวกข้าได้รู้สึกว่ามีเเรงกดดันที่แข็งแกร่งอยู่ในที่กองทัพของเหล่าปีศาจนั้นด้วย”
แล้วตอนนั้เองที่มีเสียงหัวเราะเยาะดังไปทั่วทุกที่ว่า
” อ่า… เจ้าจะหดหัวอยู่ในกระดองหรือไงเหล่าเทพวันนี้ข้าจะนำกองทัพปีศาจมายึดครองที่แห่งนี้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ”
” โดยเฉพาะเจ้าเทพที่เฝ้าผนึกมิติขัดขวางพวกข้าและเหล่าปีศาจทั้งหลายถ้าเจ้ามีความกล้าก็ออกมาสู้กับจ้าข้าจะสังหารเจ้าและยึดพื้นที่เหล่านี้เป็นของพวกข้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ”
ตอนนั้นเองที่หญิงสาวได้กล่าวความปรารถนาสุดท้ายของนางไว้ว่า
” เจ้่าที่ได้ทักษะบ่มเพาะนี้ไปแล้วก็จงบ่มเพาะจนมีพลังที่สามารถต่อกรกับเหล่าปีศาจได้และมาช่วยกองทัพของเหล่าทวยเทพเพื่อกำจัดปีศาจเหล่าทั้งหลายข้าไม่มีเวลามากพอที่จะบอกสิ่งอื่นมากกว่านี้แล้วและจงจำเอาไว้ว่าโชคชะตาของเจ้านั้นได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วเมื่อเจ้าได้ทำการบ่มเพาะทักษะนี้ ”
เมื่อกล่าวจบหญิงสาวชุดสีเขียวอ่อนได้หายไปและสิ่งต่างๆก็ด้วยแล้วซูซ่านที่สติของตนได้กลับคืนเหมือนเดิมจึงได้ยินเสียงหนึ่งที่กำลังเรียกนาง
” เจ้าเป็นไรไป ”
” บอกข้ามาสิ ”
เมื่อซูซ่านได้เห็นเฟยหลงมองนางอย่างกังวลเลยตอบกลับไปว่า
” ข้าไม่เป็นไร “