และซูซ่านได้เล่าเรื่องราวต่างที่นางได้พบเจอให้กับเฟยหลงได้รับรู้
เมื่อเฟยหลงได้ยินเรื่องราวที่นางว่ามาจึงกล่าวออกมาว่า
” เจตจำนงของผู้ที่เคยบ่มเพาะทักษะเทพแห่งชีวิตคนก่อนและดูเหมือนจะเป็นเจตจำนงที่สมบูรณ์และทิ้งไว้เพื่อเตือนที่กล่าวถึงการต่อสู้ระหว่างเทพกับปีศาจแต่ว่ามันคืออะไร ”
ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่เฟยหลงได้เห็นเพราะดูเหมือนว่าเจตจำนงที่เฟยหลงได้พบจากการบ่มเพาะทักษะเทพจักรพรรดิสงครามซึ่งน่าจะขาดหายไปเพราะเหตุผลบางอย่าง
เมื่อเฟยหลงกำลังครุ่นคิดภาพเหตุการณ์เมื่อตอนนั้นที่ได้เห็นมาต่อกับเรื่องที่ซูซ่านนางได้พบเจอคล้ายๆมันอาจจะมีบางอย่างเกิดขึ้นในอดีตและเฟยหลงได้บอกกล่าวกับซูซ่านว่า
” เจ้าบ่มเพาะทักษะเทพเเห่งชีวิตต่อไปเถอะส่วนข้านั้นมีมีบางสิ่งต้องทำ ”
เมื่อเฟยหลงกำลังจะเดินไปซูซ่านจึงได้ถามว่า
” ท่านกำลังจะไปไหน ”
เฟยหลงได้ตอบกลับมาว่า
” ข้าจะกลับไปที่ห้องของข้าไม่ได้ออกไปข้างนอก ”
เมื่อเฟยหลงกำลังจะเข้าไปในห้องก็สัมผัสได้ว่ามีคนอยู่หน้าประตูดังนั้นเฟยหลงจึงเดินไปทางประตูบ้านแทนที่จะกลับเจ้าไปในห้องแล้วเมื่อเปิดประตูดูก็ได้พบกับชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งกำลังเเบกของอยู่และถามเฟยหลงว่า
” ท่านคือท่านเฟยหลงใช่ไหม ”
เฟยหลงได้ตอบว่า
” ใช่ข้านี่ละเฟยหลง ”
เมื่อชายหนุ่มได้ยินดังนั้นจึงกล่าวว่า
” นี่คือของที่ท่านซื้อเถ้าแก่ได้ให้ข้ามาส่งให้ท่าน”
เมื่อเฟยหลงได้ตรวจสอบแล้วว่าครบทุกอย่างจึงกล่าวกับชายหนุ่มคนนั้นว่า
” เจ้ากลับไปเถอะ ”
ชายหนุ่มคนนั้นได้คำนับเฟยหลงและขอตัวลาจากไปเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มคนนั้นได้เดินกลับไปแล้วจึงปิดประตูบ้านและเดินเข้าไปยังห้องของตน
เเละหยิบหม้อปรุงยาเก่าๆที่ได้ซื้อมาวางไว้ตรงหน้าแล้วกล่าวว่า
” เอาละเจ้าจะมีความลับอะไรที่ส่อนอยู่กันนะ ”
เฟยหลงได้เริ่มการทดสอบหม้อปรุงยาที่ตนได้ซื้อมาโดยที่ลองใช้พลังปราณหุ้มไว้ที่หมัดแล้วต่อยลงไปที่หม้อ
‘ ตู้ม ‘
เมื่อลองมองดูหม้อปรุงยาก็ได้เห็นว่าไม่มีรอยขีดข่วนแม่แต่นิดเดียวจึงกล่าว่า
” วัสดุที่ทำมาข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลยในความทรงจำของข้าแต่เมื่อข้าทดสอบความแจ็งแรงของมันโดนใช้หมัดที่หุ้มเอาไว้ด้วยพลังปราณต่อยแต่กลับไม่มีรอยแตกเลยแม้แต่นิดเดียว ”
และเฟยหลงก็ได้ทดสอบต่อไปโดยใช้เพลิงหลอมหม้อปรุงยาดู
‘ ฟู้ ‘
เสียงเพลิงที่ได้จุดขึ้นและเมื่อเฟยหลงลองทดสอบดูกลับเจอผลที่ต้องแปลกใจเพราะว่าหม้อปรุงยาไม่ได้เป็นอะไรเลยดังนั้นเฟยหลงจึงดับเพลิงในมือลงและเริ่มหาวิธีต่อไป
” ข้าใช้เพลิงหลอมก็แล้วแต่ไม่สำเร็จใช้หมัดที่มีพลังปราณหุ้มไว้อยู่ก็ไม่สามารถที่จะสร้างรอยเอาไว้ได้ข้าควรทำยังไงกับหม้อปรุงยานี้ต่อดี ”
จนกระทั้งเฟยหลงก็คิดเรื่องบางอย่างออกมาได้จึงตบหน้าผากของตนเองและกล่าวว่า
” ข้าลืมไปได้ยังไงบางทีหม้อปรุงยานี้ต้องใช้เลือดเพื่อทำสัญญาให้มันยอมรับข้าเป็นเจ้าลองแต่ไปดูแล้วหม้อปรุงยานี้จะต้องทำอย่างนั้นเหรอ ”
เฟยหลงที่กำลังพิจราณเรื่องราวต่างจึงกล่าวออกมาว่า
” งั้นก็ลองดูดีกว่าบางทีมันนอาจจะสำเร็จก็เป็นได้ ”
เมื่อเฟยหลงหยดเลือดลงไปก็ได้พบว่ามีเเสงสว่างขึ้นมาจากหม้อปรุงยาซึ่งทดสอบหยดเลือดลงไปแล้วหายไปในเสลาไม่นานเฟยหลงที่ได้เห็นดังนั้นจึงรู้สึกงงแล้วกล่าวว่า
” เอ่อ… มันไม่มีอะไรเกินขึ้นเลยเหรอ ”
เมื่อเฟยหลงกล่าวจบก็ได้ยินเสียงบางอย่างกล่าวขึ้นมาว่า
” เห้… ใครปลุกข้าละนี่แถมยังทำสัญญากับข้าอีก ”
เฟยหลงที่ได้ยินเสียงนี้จึงรู้สึกแปลกใจและมองดูรอบตัวเพื่อค้นหาต้นตอของเสียงแต่ก็ไม่พบและเสียงเดิมก็ได้ดังขึ้นอีกครั้งว่า
” เจ้ามองไปทางไหนของเจ้ากันข้าอยู่ข้างหน้าเจ้า ”
เมื่อเฟยหลงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตกใจที่เห็นหม้อปรุงยาสามารถพูดได้เพราะเเม้แต่หม้อปรุงยาระดับเซียนที่เขาเคยมีมันไม่สามารถพูดได้แล้วด้วยความสงสัยจึงกล่าวถามเจ้าของเสียงซึ่งเป็นหม้อปรุงยาว่า
” เจ้าเป็นใคร ”
เจ้าของเสียงได้ตอบกลับมาว่า
” ข้าคือบรรพบุรุษของเจ้า “