และเสี่ยวไป๋ได้เดินเข้าไปคลอเคลียกับเฟยหลงจนกระทั่งเฟยหลงที่เห็นดังนั้นจึงอดหัเราะไม่ได้และกล่าวเตือนเสี่ยวไป๋ว่า
” เสี่ยวไป๋เจ้าน่าจะทำตัวให้สมกับเป็นสัตว์อสูรสายพันธุ์พยัคฆ์หน่อยก็ดีนับวันที่เจ้ามาอยู่กับข้าเจ้าก็เหมือนกับแมวน้อยเข้าไปทุกเมื่อแล้ว ”
เสี่ยวไป๋ได้มองเฟยหลงเหมืิอนอยากจะบอกว่า
” แล้วไอการทำตัวให้สมกับการเป็นสัตว์อสูรสายพันธุ์พยัคฆ์มันเป็นยังไง ”
เฟยหลงไม่ได้ตอบเสี่ยวไป๋และเดินออกไปจากลานหลังบ้านโดยก่อนไปเฟยหลงได้กล่าวกับซูซ่านว่า
” ฝากเจ้าดูแลเสี่ยวไป๋ด้วยข้ามีเรื่องหลายอย่างที่ต้องไปทำอีก ”
เมื่อกล่าวจบเงาร่างของเฟยหลงก็ได้หายไปจากสายตาของซูซ่านและเสี่ยวไป๋
ซูซ่านได้อุ้มเสี่ยวไป๋มากอดไว้และกล่าวว่า
” เสี่ยวไป๋เจ้าคิดว่าเขาจะไปไหนเหรอยิ่งข้าอยู่ใกล้ชิดกับเขามากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเจานั้นลึกลับซับซ้อนไม่อาจมองทะลุได้เลยแม้แต่นิดเดียว ”
เสี่ยวไป๋ได้ร้องออกมาว่า
” อ๋าว ”
เหมือนกับจะบอกซูซ่านว่า
” ไม่ต้องไปคิดอะไรมากหรอกสำหรับข้านั้นขอแค่มีอะไรอร่อยๆกินก็เพียงพอเเล้ว ”
เฟยหลงที่ได้เดินต่อไปโดยที่จุดหมายก็คือศาลาโอสถ
เมื่อเฟยหลงเดินเข้าไปและไปหาพนักงานคนเก่าที่เคยนำเรื่องของตนรายงานไปยังชายชราเฉินหรงแล้วบอกว่า
” ข้าต้องการไปพบชายชราเฉินหรง ”
พนักงานที่ได้รายงานเรื่องเฟยหลงก็จำได้ว่าคนตรงหน้านี้เป็นคนที่มาตอนนั้นแล้วตอบกลับมาว่า
” โปรดรอข้าน้อยสักครู่ข้าต้องถามว่าท่านเฉินหรงกำลังทำอะไรอยู่ ”
และพนักงานคนนั้นได้วิ่งออกไปไม่นานหลังจากนั้นก็ได้กลับมาและกล่าวอย่างนอบน้อมว่า
” เชิญนายท่านขึ้นไปได้เลยท่านเฉินหรงกำลังว่างอยู่พอดี ”
เฟยหลงได้พยักหน้าเบาๆให้พนักงานคนนั้นและก้าวเดินขึ้นไปยังชั้นต่อไปแล้วตรงไปยังห้องปรุงยาห้องเดิม
ซึ่งมีชายวัยกลางคนที่สวมเกราะสีทองเฝ้าประตูอยู่ชื่อของเขาก็คือจวินลี่ที่ได้เคยมาเชิญเฟยหลงให้ไปหาชายชราเฉินหรงครั้งก่อน
เเละเมื่อจวินลี่เห็นว่าเป็นเฟยหลงจึงได้เปิดประตูให้แล้วกล่าวกับเฟยหลงว่า
” ท่านเฉิงหรงกำลังรอท่านอยู่ข้างใน ”
เฟยหลงได้เข้าไปยังห้องปรุงยาซึ่งเจอกับสมุนไพรบางอย่างกองอยู่และชายชราคนหนึ่งซึ่งนั่งหลับตาอยู่ไม่ไกลจากกองสมุนไพรนั้น
เมื่อสัมผัสได้ว่าเฟยหลงได้เข้ามายังห้องปรุงยานี้แล้วจึงลืมตาและลุกขึ้นมายิ้มให้เฟยหลงพร้อมกล่าวว่า
” เจ้านั้นเองข้ารอเจ้ามาหาข้าอยู่ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว ”
เฟยหลงได้ถามว่า
” สมุนไพรคงได้ครบเเล้วใช่ไหม ”
ชายชราเฉิงหรงได้กล่าวตอบเฟยหลงว่า
” ข้าหามาครบตามที่เจ้าต้องการแล้วเจ้าจะเริ่มปรุงยายังไง ”
ชายชราเฉิงหรงได้กล่าวถามเฟยหลงอย่างกระตือรือร้นซึ่งเฟยหลงก็พอเดาได้ว่าชายชราอยากพูดอะไรจึงตอบกลับไปว่า
” เจ้าจะให้ข้าปรุงเม็ดยานี้ก็นับว่าได้เเต่มันสิ้นเปลืองพลังปราณและพลังวิญญาณของข้ามากเกินไปดังนั้นข้าจะสอนสูตรเม็ดยาแล้วก็เเนะนำเจ้าให้ก็แล้วกัน ”
เมื่อชายชราเฉิงหรงได้ยินดังนั้นจึงถามว่า
” ให้ข้าปรุงเม็ดยานี้มันจะดีเหรอ ”
เฟยหลงได้ตอบกลับไปว่า
” หรือเจ้าไม่ต้องการข้าจะได้ให้ชยาชราหนานกงช่วยปรุงก็ยังได้ ”
เมื่อชายชราเฉิงหรงได้ยินสิ่งที่เฟยหลงได้กล่าวออกมานั้นจึงกล่าวอออกมาอย่างเร่งรีบว่า
” ไม่ๆข้าจะปรุงเม็ดยานี้เองเพราะในเมื่อเจ้าลงทุนลงเเรงช่วยสอนชายชราอย่างข้าแล้วข้าจะปฏิเสธลงได้ยังไง ”
เฟยหลงที่เห็นท่าทางของชายชราเฉิงหรงเหมือนเด็กที่กำลังจะโดนเเย่งขนมจึงไม่อยากจะเสียเวลามากกว่านี้อีกและกล่าวว่า
” งั้นก็มาเริ่มปรุงเม็ดยานี้กันเถอะ ”
เเละเฟยหลงจึงได้กล่าวต่อไปว่า
” ตอนเเรกข้ากะจะให้เป็นเม็ดยาเลยเเต่ก็อย่างที่ข้าได้บอกไปจึงนำมาให้ท่านปรุงเม็ดยาออกมา… ”
แต่เฟยหลงไม่ได้กล่าวประโยคต่อจากนั้นก็คือ
” ข้าจะได้มีข้ออ้างในการเก็บค่าใช้จ่ายเล็กน้อย “