ชายชราชางฟู่ได้ทบทวนคำตอบของเฟยหลงดังก้องอยู่ในความคิดของชายชรา
” เมื่อมีจุดเริ่มต้นย่อมต้องมีจุดจบนั้นคือสิ่งที่ข้าเชื่อมั่นถ้าท่านอยากรู้ต้องไปยังที่แห่งนั้น….. ”
เมื่อชายชราชางฟู่ได้สติก็หันหน้าไปกล่าวกับพนักงานคนนั้นว่า
” เจ้าไปเตรียมของทั้งหมดให้กับนายน้อยเฟยหลง ”
ชายชราชางฟู่นั้นได้เปลื่อนวิธีเรียกของเฟยหลงจากท่านลูกค้าเป็นนายน้อยเฟยหลงซึ่งสำหรับพนักงานแล้ว
เมื่อได้ยินสิ่งชายชราเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อของเฟยหลงจึงคิดว่า
‘ ในเมืองฟ้ากระจ่างนี้ที่ข้าอยู่มานานข้าไม่เคยได้ยินว่าท่านชางฟู่กล่าวเรียกอย่างให้เกียรติมากขนาดนี้เลย ‘
พนักงานที่คิดได้อย่างนั้นจึงรีบไปเตรียมของทั้งหมดมา
เวลาผ่านไปครึ่งก้านธูป
พนักงานคนนั้นได้วิ่งกลับมาพร้อมกับพนักงานอีกสองคนที่ถือสิ่งของที่เฟยหลงต้องการซื้อไว้ทั้งหมด
” เอ่อ….ท่านจะเอามันกลับไปทางไหนถ้าท่านไม่มีวิธีทางเราสามารถส่งไปให้ ”
เฟยหลงก็ได้กล่าวขัดว่า
” ไม่ต้องข้านำกลับไปเองทั้งหมด ”
เมื่อเฟยหลงกล่าวจบก็ได้โบกมือส่งของทั้งหมดลงไปในกระเป๋ามิติที่อยู่ข้างตัว
เมื่อชายชราชางฟู่เห็นว่าเฟยหลงมีกระเป๋ามิติจึงคิดว่า
‘ เป็นผู้เยาว์ที่ไม่เลวเลยที่สามารถครอบครองกระเป๋ามิติได้โดยที่ไม่มีใครเเย่งชิงไป ‘
เมื่อเฟยหลงได้จองที่ต้องการครบแล้วจึงกล่าวลา
” ตามที่ตกลงกันไว้จ้าตอบคำถามท่านได้ของที่ข้าต้องการทั้งหมดข้าสามารถเอาไปได้เลยไม่ต้องจ่ายเเม้เเต่นิดเดียว ”
ชายชราชางฟู่ก็ได้ยิ้ม
” ชายชราคนนี้ไม่เคยผิดคำสัญญาอยู่แล้ว ”
เมื่อเฟยหลงกำลังจะจากไปก็ได้ทิ้งคำกล่าวบางอย่างไว้ได้ลอยมาเข้าหูระหว่างที่เดินไปด้วยว่า
” ข้าไม่ไดเชอบงานอดิเรกของที่แอบมองและอีกอย่างท่านควรระวังตัวด้วยเวลาแอบมองคนจากที่มืดคนที่ท่านแอบมองจะไม่รู้สึกอะไรเลยนั้นมีมากแต่บางคนนั้นก็รู้สึกถึงท่านได้ ”
ชายชราชางฟู่ที่ได้ยินคำกล่าวของเฟยหลงก่อนเดินจากไปก็ได้ยืนอยู่ตรงที่เดิมแล้วมองทางที่เฟยหลงจากไปพร้อมกับยิ้มอย่างแปลกประหลาดแล้วคิดว่า
” สงสัยข้าคงแก่แล้วจริงๆเเม้เเต่เด็กคนหนึ่งก็สามารถตรวจจับข้าได้เจอ ”
เมื่อเฟนหลงได้เดินออกมาไม่นานซูซ่านที่ตามมาด้วยก็ถามเฟยหลงอย่างสงสัย
” ท่านกล่าวอะไรหรือตอนที่ท่านกำลังเดินออกไปจากหน้าประตูโรงประมูล ”
เฟยหลงก็ได้ตอบว่า
” ไม่มีอะไรแค่บอกเรื่องราวที่ชายชราคนนั้นทำเป็นประจำแล้วคิดว่าข้าจับไม่ได้ก็เท่านั้น ”
ซูซ่านได้ถามต่ออีกว่า
” งั้นสิ่งที่ท่านชางฟู่ทำมันคืออะไร ”
เฟยหลงตอบอย่างเรียบเฉยว่า
” แอบมอง ”
ซูซ่านที่กำลังคิดถึงคำกล่าวที่เฟยหลงได้บอกกับนาง
เฟยหลงก็ได้นำซูซ่านกลับมายังบ้านแล้วกล่าวกับนาง
” ถ้าไม่มีเรื่องอะไรที่สำคัญจริงๆก็อย่ารบกวนข้าละเจ้าทำได้ไหม ”
ซูซ่านได้มองเฟยหลงอย่างจริงจังแล้วกล่าวอย่างแน่วเเน่ว่า
” ข้าจะไมรบกวนท่านเเน่นอนวางใจได้เว้นเเต่มีเรื่องที่ข้าไม่สามารถจะทำอะไรได้แล้วจริงๆ ”
เฟยหลงได้นำมือของตนลูบหัวของนางแล้วกล่าวว่า
” อืมข้าเชื่อเจ้า ”
ซูซ่านที่โดนลูบหัวก็รู้สึกอบอุ่นอย่างมากแต่ก็กล่าวกับเฟยหลงอย่างประหม่าว่า
” ขะ-ข้าไม่ใช้เด็กแล้วนะท่านทำอย่างนี้ทำไม ”
เฟยหลงได้ตอบซูซ่านว่า
” งั้นข้าก็ไม่ลูบหัวเจ้าอีกแล้วก็ได้ ”
ซูซ่านที่ได้ยินดังนั้นจึงกล่าวอย่างลนลานว่า
” มะ-ไม่ท่านอย่าหยุดลูบหัวของข้านะ ”
เฟยหลงได้ยิ้มตอบพร้อมถามว่า
” ทำไมละเจ้าบอกให้ข้าเลิกทำแบบนี้ข้าก็เลิกไงเต้าต้องการอะไรอีกละ ”
ซูซ่านได้ตอบเฟยหลง
” เพราะว่า…. ข้าก็ไม่ได้รู้สึกเกียจอะไรมากมายนัก ”
” แถมข้ายังรู้สึกอบอุ่นดีด้วย ”
ประโยคสุดท้ายที่ซูซ่านกล่าวแม้จะเบามากแต่ก็ไม่หลุดพ้นจากสัมผัสวิญญาณของเฟยหลง