เมื่อพนักงานสาวกล่าวจบเหล่าผู้บ่มเพาะที่อยู่ชั้นที่หนึ่งได้เงียบเพราะรู้ว่าตนนั้นไม่มีโอกษศที่จะได้เม็ดยาปกปักวิญญาณมา
และยังอยากมีชีวิตที่ยืนยาวไม่ตายเพราะล่วงเกินเหล่าคนที่มีอำนาจ
เมื่อพนักงานสาวเห็นว่าเหล่าผู้บ่มเพาะที่เข้าร่วมประมูลเงียบจึงกล่าวกระตุ้นให้เสนอราคา
” มันมีเพียงโอกาศนี้เท่านั้นพวกท่านไม่เสนอราคาประมูบมันจะดีเหรอ ”
มีบางคนทำหน้าลังเลใจแต่สุดท้ายตนจะได้มาก็ต้องตายเพราะเหล่าผู้มีอำนาจนั้นอยากไ้ด้เม็ดยาปกปักวิญญาณมากกว่าจึงได้ถอดใจทันที
และตอนนั้นเองที่หยางเทียนก็ได้กล่าวเสนอราคาประมูลเป็นคนเเรก
” สามเเสนเหรียญทอง ”
ผู้นำตระกูลเฉินก็ได้กล่าวว่า
” โอ้… ตระกูลของเจ้าช่างร่ำรวยมากจริงๆ ”
” ตระกูลข้านั้นมีเหรียญทองไม่เยอะมากแต่ทางเราก็ต้องเเข่งกันเพื่อให้ได้ครอบครองเม็ดยานี้เหมือนกัน ”
” ข้าเสนอราคาสามแสนเหรียญทอง ”
เมื่อผู้นำตระกูลหยางหยางเทียนได้ยินคำกล่าวดูถูกดูแคลนจากผู้รำตระกูลเฉินเฉินหมิงจึงเสนอราคาเพิ่มขึ้นไปอีก
” ข้าเสนอสามแสนห้าหมื่นเหรียญทอง ”
พนักงานสาวก็ได้กล่าวเตือนเหล่าผู้มีอำนาจว่า
” โอกาศคงไม่มีอีกถ้าโรงประมูลไม่ได้เม็ดยาปกปักวิญญาณมาโดยบังเอิญนั้นส่วนข้อมูลที่เหลือทางเราไม่สามารถระบุได้ ”
เฟยหลงได้มองทั้งสองที่กำลังเสนอราคาประมูลด้วยรอยยิ้มแล้วหันหน้ากลับไปถามชายชราชางฟู่
” ข้าสามารถเสนอราคาประมูลได้ไหม ”
ชายชราชางฟู่ที่เห็นรอยยิ้มของเฟยหลงจึงรู้สึกแปลกๆแต่ก็กล่าวตอบคำถามของเฟยหลงว่า
” ทางโรงประมูลหวังเปาของเรานั้นไม่ได้มีกฎที่ห้ามผู้ที่นำของเข้าประมูลจะสามารถประมูลสิ่งของที่ตนนำเข้าประมูลได้ ”
เมื่อเฟยหลงได้ฟังคำตอบจากชายชราชางฟู่จึงกล่าวถามให้แน่ใจว่าตนไม่ได้ฟังผิด
” ท่านเเน่ใจใช่ไหมว่า ”
” ข้าก็สามารถเข้าร่วมประมูลได้ ”
ชายชรางชางฟู่ได้ตอบเฟยหลงกละบไปอย่างมั่นใจว่า
” ข้าเป็นคนที่บริหารที่นี้ข้าก็ได้ตั้งกฎบางข้อขึ้นข้ารับรองได้แต่… ”
ชายชราชางฟู่ได้หยุดกล่าวเมื่อมาถึงตรงนี้เฟยหลงจึงกล่าวถามชายชราชาวฟู่
” แต่อะไร ”
ชายชราชางฟู่ลังเลและตอบกลับไปแบบช้าให้เฟยหลงได้ยิน
” แต่มันมีกฎอยู่ข้อหนึ่งซึ่งป้องกันการที่ผู้นำของเข้าประมูลปั่นราคาขึ้นให้สูงจึงมีกฎอยูาว่าถ้าผู้นำของสิ่งนั้นเข้าประมูลและปั่นราคา ”
” เเล้วตนเป็นคนที่เสนอราคาประมูลสูงสุดจะต้องจ่ายตามราคาสิ่งของที่ได้เสนอราคาประมูล”
เทื่อชายชราชางฟู่กล่าวจบก็ได้สังเกตุว่าเฟยหลงนั้นจะมีการตอบสนองอย่างไรแต่ก็ต้องผิดหวัง
เมื่อเห็นการแสดงออกที่สงบนิ่งเหมือนเดิมของเฟยหลงจึงรู้สึกว่าเฟยหลงนั้นยิ่งไม่ธรรมดาอย่างที่ตาเห็นขึ้นไปอีกในสายตาของชายชราชางฟู่
แต่มีบางสิ่วที่ชายชราชางฟู่ไม่รู้ก็คือเรื่องทีเฟยหลงกำลังจะทำอะไรบางสิ่ง
” นายน้อยผู้นี้ขอเสนอราคาสี่แสนเหรียญทอง ”
เมื่อโรงประมูบที่ไม่ได้มีเสียงรบกวนเพราะไม่มีใครกล้าเสนอราคามีเพียงเฉพาะผู้มีอำนาจเหล่านี้เท่านั้น
จึงทำให้เสียงของเฟยหลงเป็นจุดสนใจขึ้นมาทันที
” เสียงนี้เหมือนจะเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งถ้าข้าฟังไม่ผิด ”
” มันเป็นใครกันที่กล้าเสนอราคาเเข่งกับเหล่าตัวตนผู้มีอำนาจ ”
” ข้าเหมือนได้ยินว่าเสียงนี้มาจากชั้นที่สองของโรงประมูลซึ่งน่าจะเป็นห้องพิเศษเท่านั้นที่อยู่ข้างบนชั้นที่สอง ”
พนักงานสาวที่คิดว่าการประมูลนี้คงเป็นการเเข่งขันกันของสองตระกูล
ก็ได้ยินเสียงกล่าวเสนอราคาประมูลจึงมองไปยังห้องที่มีเสียงนั้นอย่างสนใจ
” สี่เเสนเหรียญทองมีใครที่จะเสนอราคาประมูลมากกว่านี้อีกไหม ”
หยางเทียนและหยางโจจำได้ว่าเป็นเสียงของเฟยหลงดังนั้นหยางเทียนจึงกล่าวตอบกลับไปว่า
” เจ้าอยากจะเเข่งขันกับพวกข้าอย่างนั้นหรือ ”