เฟยหลงได้แสร้งทำเป็นเเปลกใจว่า
” โอ้งั้นเหรอ ”
และเฟยหลงได้จ้องมองดวงตาของชายคนนั้นพร้อมกับมีจิตสังหารได้ระเบิดขึ้นแล้วกล่าวต่อไปว่า
” แล้วถ้าข้าไม่ไปกับพวกเจ้าละพวกเจ้าจะทำยังไงกับข้าละ ”
ชายคนนั้นที่ได้ปั้นหน้ายิ้มกล่าวเชิญเฟยหลงได้มีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มแผ่นหลังของตนซึ่ง
ความรู้สึกนี้มันเหมือนกับว่าตนนั้นโดนจ้องมองโดยสิ่งมีชีวิตที่อันตรายบางอย่างเเตก็ได้รวบรวมความกล้าขึ้นมาแล้วกล่าวด้วยความยากลำบาก
” ขะ-ข้าเเค่มาเชิญนะ-นายน้อยเฟยหลงเท่านั้นเอง ”
เฟยหลงที่ได้ยินอย่างนั้นจึงเก็บจิตสังหารทั้งหมดบรรยากาศรอบนั้นได้กลับสู่รูปแบบเดิมของมันและกล่าวกับชายคนนั้นว่า
” ถ้าเจ้าลำบากเดินทางมาเชิญข้าเเบบนี้แล้วถ้าไม่ไปคงไม่ได้แล้ว ”
เฟยหลงได้ยิ้มพร้อมกับเข้าไปจบไหล่ของชายคนนั้นและกล่าวออกมา
” ไปเถอะเจ้านำทางเลยข้ารอดูว่ามีเรื่องอะไรที่จะปรึกษาข้า ”
ชายคนนั้นที่ได้เห็นว่าเฟยหลงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือจึงอยากจะกระอักเลือดและคิดอยู่ในใจ
‘ เมื่อกี้ข้าเห็นเเกทำท่าเหมือนจะอยากสังหารข้าทิ้งเเต่เเล้วกลับเปลี่ยนเป็นมิตรได้ ‘
……………………..
ชายตนนั้นและผู้คุ้มกันของเจาได้นำทางเฟยหลงมาถึงหน้าตระกูลหยางซึ่งมียามเฝ้าประตูที่ดูเเข็งเเกร่ง
ด้านบนประตูได้มีป้ายที่เขียนไส้ว่าตระกูลหยางให้ความรู้สึกลึกลับเเละเเข็งแกร่งแต่นั้นไม่ใช่กับเฟยหลง
ซึ่งเห็นว่ามันก็เเค่ป้ายไม้ที่เขียนชื่อของตระกูลหยางเอาไว้เพียงเเค่นั้น
เหล่าผู้คุ้มกันที่ทางเข้าได้หยุดกลุ่มของเฟยหลงเอาไว้แล้วกล่าวว่า
” พวกเจ้านำใครมาด้วย ”
ชายคนนั้นที่ได้กล่าวพูดคุนกับเฟยหลงก็ได้กล่าวขึ้นมา
” ข้านำนายน้อยเฟยหลงมาปรึกษาเรื่องยางอย่างตามที่ผู้อาวุโสจองตระกูลได้สั่งข้าเอาไว้ ”
เทื่อเหล่าคนที่เฝ่าประตูได้ยินดังนั้นจึงกล่าวกับชายคนนนั้นว่า
” เชิญเข้าไปได้เลย ”
ผู้คุ้มกันที่เฝ้าประตูทางเข้าก็ได้เปิดประตูและกล่าวเชิญ
ชายคนนั้นได้พาเฟยหลงไปยังห้องหนึ่งและหันหน้ามากล่าวกับเฟยหลงว่า
” นายน้อยเฟยหลงเชิญรอสักครู่ตอนนี้ผู้อาวุโสของเรากำลังมา ”
เฟยหลงได้นั่งลงและกล่าวสั่งใช่กับชายคนนั้น
” เจ้าไปนำชามาให้ข้าหน่อยข้าคอแห้งมาก ”
เมื่อชายคนนั้นที่ได้นำทางเฟยหลงมาได้ยินเฟยหลงกล่าวใช้เให้ตนๆปนำชามาให้จึงอยากจะทุบตีเฟยหลง
เเต่ก็ต้องปั้นหน้ายิ้มจองตนนั้นไม่ให้เฟยหจับได้เเต่ตัวเขาไม่รู่เลยว่าเฟยหลงแค่มองครั้งเเรกก็รู้แล้วว่ามันเป็นเเค่รอยยิ้มจอมปลอมเท่านั้น
” นายน้อยเฟยหลงโปรดรอสักครู่ข้าจะนำชามาให้ท่านเดี่ยวนี้ ”
ชายคนนั้นได้ไปเตรียมชามาให้เฟยหลงโดยที่รอบนี้ไม่ได้มาคนเดียวเเต่มีชายชราคนหนึ่งได้ตามมาอีกด้วย
ชายขราที่เห็นเฟยหลงนั่งอยู่ก็ได้กล่าวว่า
” โอ้…… เจ้าคือคนที่ชื่อว่าเฟยหลงรึ ”
เฟยหลงก็ได้ตอบชายชราคนนั้นกลับไป
” แล้วท่านเห็นว่ามีใครนอกจากข้าหรือไม่ ”
ชายชราที่ได้ยินคำตอบเเบบเสียดสีของเฟนหลงเปลี่ยนเรื่องคุย
” เห็นว่าเจ้าคอเเห้งมากเชิญดื่มชาก่อนสิ ”
เฟยหลงได้กล่าวกับชายชราคนนั้นต่อไป
” ถ้ามีเรื่องอะไรก็รีบกล่าวออกมาข้าเป็นคนที่ไม่มีเวลาว่างมากขนาดที่มานั่งฟังชายชราคนหนึ่งพล่ามเรื่องต่างๆที่เลอะเลือน ”
ชายชราทีาได้ยินดังนั้นไม่รู้สึกพอใจเฟยหลงและกล่าวเตือน
” ข้างนอกเจ้าอาจจะใหญ่มาจากไหนหรือมีอำนาจเเค่ไหนเเต่ที่นี่เป็นตระกูลหยางเจ้าคงเข้าใจความหมายของข้าใช่ไหม ”
เฟยหลงก็ได้กล่าวตอบชายชราอย่างรุนเเรง
” เจ้าก็เป็นได้เเค่คนเเก่ใกล้ตายเท่านั้น ”
ชายชราที่ได้ยินดังนั้นจึงไม่สงวนท่าทางอีกและกล่าวหาเฟยหลงด้วยความโกรธ
” ที่ข้าเชิญเจ้ามาก็เพราะว่าเจ้าเป็นหนึ่งในคนที่ต้องสงสัยว่าได้ทำการสังหารผู้นำจระกูลของข้าพวกเราจึงต้องขอจับกุมเจ้า ”
เฟยหลงที่ได้ยินคำกล่าวของชายชราตรงหน้าก็ได้เเค่นเสียงและกล่าวออกมาว่า
” ในที่สุดก็โผล่หางออกมาจนได้ “