เมื่อผู้อาวุโสของตระกูลหยางได้ยินจึงกล่าวถามด้วยความแปลกใจว่า
” พวกเจ้าตระกูลเฉินมาที่นี่ทำไม ”
เฉินหรงก็ได้ตอยผู้อาวุโสตระกูลหยาง
” ข้ามาทำไมนะรึ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ”
เมื่อผู้อาวุโสตระกูลหยางเห็นดังนั้นจึงกล่าวถามด้วยความโกรธ
” เจ้าหัวเราะอะไร ”
เฉินหรงได้ตอบคำถามของผู้อาวุโสตระกูลหยางกลับไป
” ก็หัวเราะที่สันนี้ได้เห็นตาแก่อย่างเจ้าใส่ร้ายเด็กหนุ่มคนหนึ่งเพื่อรักษาหน้าตาของตระกูลตนเอาไว้ ”
ผู้อาวุโสตระกูลหยางได้ถามเฉินหรงว่า
” นี่มันไม่ใช่เรื่องของพวกตระกูลเฉิน ”
” และถึงแม้ว่าตะมีเจ้าอยู่แล้วเจ้าจะสามารถช่วยใครได้ละ ”
เฉินเหมียวที่กำลังจะกล่าวก็ได้ยินเสียงหนึ่งกล่าวขัดขึ้นมาก่อน
” โอ้…….. งั้นถ้าเป็นตาเเก่เช่นข้าเเล้วเจ้าคิดว่าจะช่วยได้ไหม ”
ผู้อาวุโสตระกูลหยางที่ได้ยินเสียงนั้นก็หันหน้าของตนไปมองแล้วกล่าวถามออกมาว่า
” ใครกันออกมาเดี๋ยวนี้ ”
ในเงามืดได้ปรากฏชายชราคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับชุดที่ธรรมดาและหน้าตาเต็มไปด้วยหนวดเครา
ผู้อาวุโสตระกูลหยางที่เห็นชายชราตรงหน้าก็ได้กล่าวถาม
” เจ้าเป็นใคร ”
ชายชราคนนั้นได้หัวเราะเบาๆแล้วกล่าว
” ข้าเป็นใครนะหรือ ”
” เจ้าคงไม่รู้จักข้าสินะถึงถามแบบนี้เเต่ข้าจะบอกให้จำเอาไว้ว่าข้าผู้นี่มีชื่อว่า……………. ”
เมื่อชายชราคนนั้นกำลังจะกล่าวชื่อตนออกมาก็ได้มีเสียงหนึ่งกล่าวเเทรกออกมาด้านหลัง
” ตาเเก่หนานกงเป็นเจ้าเองหรือ ”
และชายชราที่เดินออกมาจากเงามืดนั้นคือชายชราหนานกงนั้นเอง
และผู้มาเยือนคนล่าสุดได้กล่าวเรียกชื่อออกมาชายชราหนานกงรู้สึกว่าเสียงนี้มันคุ้นหู
จึงหันหน้ากลับไปดูก็พบกับชายชราคนหนึ่งและกล่าวถามออกมาด้วยสีหน้าแปลกใจ
” ข้าก็นึกว่าใครที่นังจำข้าได้อยู่ที่แท้ก็เป็นเจ้าเองหรือตาเเก่เฉิงเหมียว ”
เมื่อชายชราหนานกงได้พบกับชายชราเฉิงเหมียวจึงรู้สึกแปลกใจอยู่มากและกล่าวถาม
” เป็นไงบ้างละตาเเก่เฉิงเจ้าเจอสิ่งที่ต้องการะเพื่อรักษาพิษนั้นหรือยังละ ”
เฉิงเหมียวที่ได้ยินชายชราหนานกงกล่าวถามเขาเรื่องพิษทลายใจจึงยิ้มขึ้นมาอย่างสดใสและกล่าวว่า
” ข้ารักษาพิษนั้นได้แล้วเรียบร้อย ”
ชายชราหนานกงที่ได้ยินว่าชายชราเฉิงเหมียวได้รักษาพิษทลายได้แล้วจึงรู้สึกสับสนมากขึ้น
เฉิงเหมียวที่ยืนอยู่ก็ได้นึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้และกล่าวถามชายชราหนานกง
” เเล้วเจ้าละทำไมถึงออกมาเดินอยู่แถวนี้ ”
” หรือว่ามาหาสมุนไพรบางอย่างไปปรุงยาละ ”
ชายชราหนานกงก็ได้กล่าวกับชายชราเฉิงเหมียว
” ไม่วันนี้ข้าไม่ได้มาหาสมุนไพรอะไร ”
” ข้ามาชมการแสดงที่ได้รับเชิญมาจากเจ้าเด็กหนุ่มเฟยหลง ”
ชายชราเฉิงเหมียวก็ได้กล่าวตอบชายชราหนานกงกลับไป
” ข้าก็โดนนายน้อยเฟยหลงเรียกมาเหมือนกัน ”
เฉิงเหมียวได้หันหน้าไปและกบ่าวทักทายกับเฟยหลง
” ว่าไงนายน้อยเฟยหลงท่านเป็นยังไงบ้าง ”
เฟยหลงได้ตอบชายชราเฉิงเหมียวกลับไป
” ไม่เป็นไรก็เเค่ตอนนี้ถูกตาแก่สติเลอะเลือนคนหนึ่งกล่าวหาข้า ”
เมื่อผู้อาวุโสตระกูลหยางได้ยินดังนั้นจึงโกรธแค้นเฟยหลงที่กล่าวหาว่าตนเป็นคนแก่สติเลอะเลือน
แต่เมื่อมีหัวหน้าแห่งศาลาโอสถอยู่ไม่ไกลจึงไม่กล้าทำตัวหยาบคายและกล่าวกับชายชราเฉิงเหมียวอย่างนอบน้อม
” ท่านเฉิงเหมียวท่านมาทำอะไรที่นี่ไม่ทราบและต้องขอโทษด้วยที่ข้าให้การต้อนรับท่านไม่ได้เพราะตอนนี้ข้าต้องใช้กำลังจับกุมตัวคนผู้นี้เสียก่อน ”
ชายชราหนานกงและชายชราเฉิงเหมียวที่ได้ยินว่าผู้อาวุโสตระกูลหยางกำลังจะจับตัวเฟยหลงที่เคยช่วยพวกเขา
และนึกถึงคำเชิญชวนที่เฟยหลงได้กล่าวเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาจึงกำลีงจะกล่าวเตือนผู้อาวุโสตระกูลหยางเเต่ก็ได้มีเสียงขลุ่ยดังขึ้นพร้อมกับเสียงหนึ่งดังออกมา
” เจ้าคิดจะทำอะไรนายน้อยเฟยหลง “