ปรากฏร่างให้เห็นเป็นโสมรูปร่างแปลกประหลาดท่าทางคล้ายกับว่ามันกำลังแอบไม่ให้ใครเห็น
ซูซ่านที่เห็นดังนั้นจึงรู้สึกแปลกใจด้านเฟยหลงที่เห็นโสมต้นนั้นกำลังเดินอยู่ก็ได้มีชื่อหนึ่งผุดขึีนมาในความทรงจำและเฟยหลงก็ได้กล่าวออกมา
” โสมวิญญาณ ”
ซูซ่านที่ได้ยินสิ่งที่เฟยหลงกล่าวออกมาจึงถามอย่างสงสัย
” ท่านพี่เฟยหลงมันคืออะไรหรือ ”
เฟยหลงได้ตอบตามความทรงจำที่ตนจำได้
” เป็นโสมที่มีวิญญาเป็นของตัวเองและสามารถเดินวิ่งหรือทำอะไรหลายอย่างได้เเต่สติปัญญาของมันยังต่ำอยู่ ”
” ซึ่งโสมวิญญาณที่อยู่มานานเท่าใดก็เท่ากับว่ามันมีพลังปราณที่บริสุทธิ์อัดเเน่นอยู่ภายในเเละเหมาะกับคนที่บ่มเพาะธาตุไม้มากที่สุด ”
เมื่อเฟยหลงกล่าวจบก็ได้เหลือบมองซูซ่านเพราะว่ากายศักดิ์สิทธิ์ของซูซ่านนั้นเหมาะมากที่ดูดซับโสมวิญญาณมากที่สุด
เสี่ยวไป๋ก็สังเกตุเห็นโสมวิญญาณและก็ตั้งท่าพร้อมกับกำลังตะพุ่งเข้าไปโจมตีเเต่ก็ได้มีเสียงของเฟยหลงกล่าวหยุดเอาไว้ก่อน
” เสี่ยวไป๋หยุดก่อนอย่าเข้าไปใกล้มัน ”
เสี่ยวไป๋ที่กำลังพุ่งออกไปโจมตีได้นิดเดียวก็หลุดเท้าลงอย่างกะทันหันและหน้าทิ่มลงพื้น
เมื่อลุกขึ้นได้ก็ไช้ท่าทางเอียงคออย่างสงสัยและสายตาของมันถามเฟยหลง
เฟยหลงจึงอธิบายต่อไปอีกว่า
” ถ้าเจ้าเจ้าไปแบบนั้นโสมวิญญาณมันอาจจะหนีได้เพราะว่ามันใช้สัญชาตญาณในการใช้ชีวิตเพราะสติปัญญาอันต่ำต้อยของมันสั่งให้มีเเค่เรื่องง่ายได้เท่านั้น ”
เสี่ยวไป๋ได้ทำหน้าตาเเบบเข้าใจเเต่สุดท้ายก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีเฟยหลงที่เห็นดังนั้นจึงกล่าวสั้นๆว่า
” เสี่ยวไป๋เจ้าอยู่นิ่งๆก็พอ ”
คำสั่งง่ายเสี่ยวไป๋เข้าใจได้ไม่อยากจึงหมอบลงพร้อมกับจ้องโสมวิญญาณอย่างไม่ให้คาดสายตา
ซูซ่านที่เห็นเฟยหลงได้ห้ามเสี่ยวไป๋เอาไว้จึงกล่าวถามอย่างสงสัยว่า
” ทำไมท่านพี่เฟยหลลไม่ให้เสี่ยวไป๋เข้าไปจับมันมาละ ”
เฟยหลงได้อธิบายอย่างใจเย็นว่า
” เพราะว่าโสมวิญญาณเเม้จะรูปร่างดูน่าตลกก็ตามเเต่มันมีความสามารถในการวิ่งที่เหนือชั้นกว่าสัตว์อสูรประเภทความเร็วในขอบเขตและระดับเดียวกันนั้นไม่สามารถตามทันเเม้เเต่น้อย ”
เฟยหลงได้ชี้ไปที่ใบสีเขียวบนตัวของโสมวิญญาณแช้วกล่าวอธิบายต่อ
” ใบของโสมวิญญาณนั้นสามารถเเบ่งระดับขอมันได้โดยที่ตอนนี้มันมีทั้งหมดหนึ่งใบซึ่งอย่างต่ำก็น่าจะอยู่ที่ขอบเขตวิญญาณขั้นที่หนึ่ง ”
เมื่อซูซ่านได้ยินว่าขอบเขตวิญญาณจึงถามเฟยหลง
” ขอบเขตวิญญาณคืออะไรหรือท่านพี่เฟยหลง”
เฟยหลงก็ได้นึกขึ้นว่าตนนั้นได้สอนเกี่ยวกับขอบเขตและระดับขั้นจึงอธิบายเเบบง่ายๆ
” ขอบเขตวิญญาณตอนนี้ข้าไม่มีเวลาอธิบายมากเอาเเค่ให้เจ้ารู้ว่ามันเป็นขอบเขตที่เหนือกว่าการบ่มเพาะของพใกเราในตอนนี้ซึ่งเเม้เเต่ข้าก็ไม่สามารถตามความเร็วของมันได้ทัน ”
เมื่อซูซ่านได้ยินคำอธิบายของเฟยหลงก็ได้รู้สึกว่าตนได้เปิดโลกให้กล่าวขึ้นอีกไม่มากก็น้อยเเต่ความคำถามของซูซ่านก็ไม่ได้หมดแค่นั้น
” งั้นถ้าพวกเราไม่สามารถตามความเร็วของมันได้ทันงั้นพวกเราจะจับมันได้อย่างไรละ ”
เฟยหลงได้ยิ้มอย่างเจ้าเลห์แล้วกล่าวตอบซูซ่าน
” เเล้วใครบอกเจ้าว่าข้าจะวิ่งไล่จับกับโสมวิญญาณละ ”
ซูซ่านจึงได้กล่าวถาใอย่างเเปลกใจว่า
” ท่านพี่เฟยหลงมีวิธีงั้นเหรอ ”
เฟยหลงได้ตอบซูซ่านกลับ
” มีเเน่นอน ”
” เเต่ว่าข้าต้องใช้เวลาสักหน่อยส่วนพวกเจ้าทั้งสองอย่าเข้าไปใกล้มันละไม่งั้นมันจะหนีไปก่อนที่ข้าจะทำบางสิ่งบางอย่างมาจับมันได้สำเร็จ ”
ซูซ่านได้นั่งลงข้างๆเสี่ยวไป๋และกล่าวตอบเฟยหลงว่า
” คะท่านพี่เฟยหลงพวกข้าทั้งสองจะรออยู่ตรงนี้เฝ้ามันเอาไว้ให้เองรับรองว่ามันไม่หนีไปไหนแน่นอน “