เวลาได้ผ่านไปห้าวันซูซ่านที่ใช้โสมวิญญาณบ่มเพาะก็ได้ลืมตาตื่นขึ้นมา
และก็ได้เห็นเฟยหลงกับเสี่ยวไป๋ที่นั่งมองมาทางนางอยู่ไม่ไกลจึงทำให้นางรู้สึดเขินอายแล้วกล่าวถาม
” ท่านพี่เฟยหลงและเสี่ยวไป๋ด้วยพวกท่านจ้องมองข้าทำไมหรือ ”
เฟยหลงได้ตอบคำถามของซูซ่านกลับไป
” ข้าเเค่อยากถามเจ้าว่าร่างกายของเจ้านั้นรู้สึกแปลกๆอะไรบ้างไหม ”
ซูซ่านได้มองเฟยหลงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามแล้วกล่าวถามออกมา
” ทำไมข้าต้องรู้สึกแปลกอะไรด้วยละ ”
เสี่ยวไป๋ที่นอนหมอบและจ้องมองซูซ่านกับเฟยหลงก็ได้เดินเข้าไปหาซูซ่านโดยที่รอบนี้เฟยหลงนั้นไม่ได้ห้ามเสี่ยวไป๋แล้ว
เพราะว่าตอนนี้ซูซ่านดูดซับพลังปราณบริสุทธิ์จากโสมวิญญาณแล้วเรียบร้อย
เสี่ยวไป๋ก็ได้พุ่งเข้าไปกอดซูซ่านพร้อมกับเหมือนทำท่าทางสูดดมกลิ่นอะไรบางอย่างที่หอมหวนรอบกายของซูซ่าน
เฟยหลงที่เห็นเสี่ยวไป๋ทำท่าทางสูดดมแบบนั้นจึงกล่าวถามอย่างสงสัยว่า
” เสี่ยวไป๋ได้กลิ่นอะไรหรือ ”
เมื่อเฟยหลงมองก็เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายของเสี่ยวไป๋ก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
ซึ่งเหมือนกับครั้งเเรกที่เขาเจอซูซ่านที่เมืองฟ้ากระจ่างตรงที่ตรอกแห่งนั้นเสี่ยวไปก็ได้ทำท่าทางเเบบนี้เหมือนกัน
เฟยหลงจึงกล่าวถามเสี่ยวไป๋ว่า
” เจ้าได้กลิ่นหอมแบบทุกครั้งเหรอ ”
เสี่ยวไป๋ได้พนักหน้าและส่ายหน้า
เฟยหลงที่เห็นดังนั้นจึงกล่าวถามต่อไปอีกว่า
” งั้นเจ้าได้กลิ่นหอมแต่มันเปลี่ยนไปเหรอ ”
เสี่ยวไป๋ก็ได้พยักหน้าของมันและเฟยหลงก็พอที่จะรับรู้ได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
‘ บางทีกลิ่นหอมนี้อาจจะหอมหวนมากกว่าตอนที่อยู่เมืองฟ้ากระจ่างเพราะอะไรละหรือเพราะการบ่มเพาะที่สูงขึ้นของนาง ‘
เฟยหลงที่ได้คิดเรื่องราวต่างก็ได้กล่าวถามซูซ่านอีกครั้ง
” ครั้งนี้เจ้าลองเพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่ร่างกายทุกส่วนอย่างของเจ้าดูหน่อยว่ามีอะไรที่ทำให้รู้สึกแปลกไปจากเดิมไหม ”
ซูซ่านก็ได้ตอบเฟยหลงกลับไปว่า
” คะท่านพี่เฟยหลงข้าจะพยามทำตามที่ท่านบอกให้สุดความสามาร ”
เมื่อซูซ่านกล่าวจบก็ได้นั่งหลับตาลงและพยายามสัมผัสว่าร่างกายของนางมีอะไรเเปลกไป
จนในมี่สุดเวลาได้ผ้านไปครึ่งก้านธูปบรรยากาศได้เงียบสงบซูซ่านก็ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาและกล่าวกับเฟยหลงว่า
” ท่านพี่เฟยหลงข้ารู้สึกว่าในเส้นลมปราณของข้านั้นมีพลังงานสีเขียวอ่อนที่ให้ความรู้สึกแปลกไปแต่…………… ”
เฟยหลงที่ได้ยินคำว่า’ เเต่ ‘ของซูซ่านจึงกล่าวถามโดยที่ใจของเฟยหลงตอนนี้เต็มไปด้วยความห่วงใยนาง
” เเต่อะไรหรือรีบบอกข้าเร็ว”
ซูซ่านที่ได้ยินคำถามของเฟยหลงและน้ำเสียงที่มีความเป็นห่วงเป็นใยแผงอยู่จึงกบ่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม
” ข้าไม่เป็นไรหรอกแค่พลังงานนั้นข้ารู้สึกมั่นใจมากว่ามันจะไม่ทำอะไรข้าเเน่นอนและมั้นอาจจะมีประโยชน์อย่างมากอีกด้วย ”
เฟยหลงที่ได้ยินดังนั้นจึงกล่าวเตือนซูซ่าน
” ถ้าเจ้ารู้สึกว่าร่างกายมีอะไรผิดปกติก็ให้รีบบอกข้าโดยเร็วละอย่าปบ่อยเอาไว้ไม่งั้นมันอาจจะเกิดอันตรายที่บ้างครั้งมันไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายดาย ”
ซูซ่านก็ได้ตอบเฟยหลงกลับไป
” ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกคะท่านพี่เฟยหลงข้ารู้ดีว่าต้องทำยังไงและไม่ทำให้ท่านเป็นห่วงเเน่นอน”
เฟยหลงได้ตอบกลับด้วยเสียงที่ฟังแล้วสำหรับซูซ่านรู้สึกอบอุ่นมาก
เฟยหลงที่เห็นดังนั้นจึงกล่าวถามทั้งซูซ่านและเสี่ยวไป๋ว่า
” พวกเจ้าทั้งสองคงหิวแล้วสินะวันนี้ข้าจะแสดงฝีมืิการปรุงอาหารที่อร่อยที่สุดเท่าที่ข้าทำได้ให้เพื่อเป็นการฉลองการที่ระดับพลังของพวกเจ้าทั้งสองเลื่อนขึ้นไปอีกขั้น ”
เมื่อทั้งสองได้ยินว่าเฟยหลงนั้นจะปรุงอาหารอย่างสุดฝีมือจึงกระโดดโลดเต้นกันอย่างมีความสุข