ระหว่างการทานอาหารอยู่นั้นหลานเฟินก็พึ่งจะสังเกตุเสี่ยวไป๋ที่กำลังนั่งมองอาหารอยู่ข้างๆซูซ่าน
โดยที่เสี่ยวไป๋ได้ร้องออกมาว่า
” อ๋าว ”
เฟยหลงที่ได้เห็นเสี่ยวไป๋นั่งจ้องมองอาหารอยู่นั้นก็รู้ได้ว่ามันต้องการอะไรเฟยหลงจึงกล่าวออกมาว่า
” เจ้าจะกินก็กินเถอะข้าไม่ได้ห้ามเจ้าเอาไว้หน่อยถึงห้ามไส้สุดท้ายเจ้าก็ต้องหาทางกินให้ได้อยู่ดี ”
หลานเฟินสนใจเสี่ยวไป๋ที่กำลังทานอาหารอยู่และกล่าวถามเฟยหลงว่า
” คุณชายเฟยท่านได้สัตว์อสูรเหล่าตัวนี้มาจากไหนหรือ ”
เฟยหลงที่ได้ยินดังนั้นจึงกล่าวตอบกลับไป
” ข้าเก็บได้ ”
เมื่อหลานเฟินได้ยินคำตอบของเฟยหลงจึงรู้สึกว่ามันสั้นไป
เสี่ยวไป๋ที่ได้ยินสิ่งที่เฟยหลงกล่าวออกมาจึงส่งเสียงร้องขึ้นคัดค้าน
” อ๋าว~~~ ”
หลานเฟินที่เฝ้าสังเกตุตั้งเเต่เเรกเเล้วว่าความฉลาดของเสี่ยวไป๋ในหมู่สัตว์อสูรด้วยกันนางไม่เคยเห็นมาก่อนจึงรู้สึกสนใจและกล่าวถามเฟยหลงอีครั้ง
” คุณชายเฟยท่านไปได้สัตว์อสูรตัวน้อยนี้มาจากไหนหรือข้าอยากรู้มันมาก ”
เเต่เฟยหลงไม่ได้ตอบหลานเฟินจึงหันไปกล่าวถามซูซ่านว่า
” น้องสาวซูเจ้ารู้ไหมว่าคุณชายเฟยได้สัตว์อสูรตัวน้อยนี้มาจากไหน ”
ซูซ่านได้ตอบหลานเฟินกลับไปโดยไม่คิดอะไรมาก
” ข้าเคยได้ฟังท่านพี่เฟยหลงบอกว่าเจอเจ้ากับเสี่ยวไป๋ในป่าแห่งหนึ่งซึ่งมารดาของเสี่ยวไป๋ได้ตายจากการปกป้องเสี่ยวไป๋เอาไว้ ”
” ท่านพี่เฟยหลงได้พาเสี่ยวไป๋กลับมาด้วยเเละชื่อเสี่ยวไป๋นั้นก็ได้ท่านพี่เฟยหลงเป็นคนตั้งให้ ”
หลานเฟินจึงกล่าวออกมาอย่างเเปลกใจว่า
” งั้นเหรอข้าไม่คิดว่าจะเจ้าตัวน้อยนี่จะมีอดีตอันเจ็บปวดเช่นนี้มาก่อน ”
หลานเฟินได้กล่าวถามเกี่ยวกับเรื่องต่างๆมากมายที่นางสงสัยเฟยหลงนั้นตอบคำถามเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หลานเฟินจึงหันไปถามซูซ่านแทนและก็ได้คำตอบเฉพาะที่ซูซ่านรู้เท่านั้น
หลังจากที่เฟยหลงซูซ่านและเสี่ยวไป๋ได้ทานอาหารพร้อมกับหลานเฟินนั้นเรียบร้อยแล้ว
หลานเฟินก็ได้กล่าวถามเฟยหลงว่า
” คุณชายท่านเฟยจะอยู่ในเมืองนี้อีกนานหรือไม่ ”
เฟยหลงได้กล่าวตอบอย่างเฉยชาเช่นเดิม
” ตัวข้าก็ไม่รู้เหมือนกันข้าจะอยู่จนกว่าที่เเห่งนี้จะไม่มีอะไรที่ทำให้ข้าสนใจและเเข็งแกร่งขึ้นได้แล้ว ”
เมื่อหลานเฟินที่ได้ยินเข่นนั้นจึงกล่าวถามว่า
” งั้นคุณชายจะอยู่ในเมืองนี้เพราะว่ามีสิ่งที่ตามหาหรือต้องการใช่หรือไม่ ”
เฟยหลงได้เงียบไปชั่วครู่และกล่าวตอบหลานเฟินว่า
” ท่านเป็นคนที่ชอบรู้เรื่องราวของคนอื่นหรือไงทำไมต้องถามข้าเกี่ยวกับทุกด้วยละ ”
หลานเฟินที่ได้ยินคำตอบของเฟยหลงจึงกล่าวตอบว่า
” ได้งั้นข้าจะไม่ถามท่านต่อก็ได้ ”
เมื่อหลานเฟินกล่าวจบก็ได้ลุกขึ้นยืนและกล่าวขอบคุณเฟยหลง
” ข้าขอขอบคุณคุณชายมากที่ให้ข้าสามารถทานอาหารกับท่านได้ตอนนี้ข้าต้องขอตัวก่อน ”
เมื่อหลานเฟินกล่าวจบก็ได้ยิ้มให้ทั้งสองและเดินออกไป
เฟยหลงได้กล่าวกับซูซ่านว่า
” หลานเฟินเหรอนางชั่งเป็นคนที่เเปลก ”
ซูซ่านที่ได้ยินดังนั้นจึงกล่าวถามเฟยหลงกลับไปว่า
” มันเเปลกยังไงหรือท่านพี่เฟยหลง ”
เฟยหลงได้ตอบคำถามของซูซ่าน
” นางนั้นเข้ามาตีสนิทกับพวกเราและสอบถามเรื่องราวต่างราวกับต้องการถามพวกเราเพื่อจะยืนยังบางอย่าง ”
ซูซ่านก็ได้ตอบเฟยหลงกลับไป
” เเต่ข้าก็เห็นพี่สาวเฟินเป็นคนตรงไปตรงมาดีนิ”
เฟยหลงได้นึกถึงเรื่องราวต่างๆที่ได้พบเจอกับหลานเฟินตั้งเเต่ต้นและกล่าวออกมา
” ข้าก็ไม่รู้ว่านางเป็นใครกันเเน่เเต่น่าจะเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลไหนสักตระกูลในเมืองนี้นั้นเเหละ ”
เมื่อเฟยหลงกล่าวจบก็ได้มองไปทางทิศที่หลานเฟินเดินจากไป
” ข้ามีความรู้สึกว่าอีกไม่นานพวกเราจะได้เจอกับนางอีกครั้ง “