เมื่อเฟยหลกล่าวจบก็ได้เดินจากไปทิ้งให้เจียงหงยืนเหม่อลอยอยู่ตรงหน้าประตูดังเดิม
เจียงหงที่ได้สติก็ได้รีบวิ่งตามเฟยหลงไปพร้อมกล่าวขึ้นมา
” เจ้าจะไปไหนรอข้าด้วย ”
ทั้งสองได้เดินมาจนถึงโรงเตี๊ยมที่เฟยหลงพักอยู่ก่อนที่กล่าวกับเจียงหงว่า
” เจ้ารออยู่ตรงนี้ก่อนข้าต้องไปนำของบางอย่างเเละเรียกคนบางคนลงมา ”
เฟยหลงได้เดินต่อไปยังห้องของซูซ่านเเละกำลังตะเปิดออกเเต่ตอนนั้นเองที่มีเงาสีขาวกะโดออกมา
” ตุบ ”
เสี่ยวไป๋ที่กะโดออกมาได้ชนเข้ากับเฟยหลงที่กำลังเปิดประตูเเชะร้องออกมา
” อ๋าว ”
” ข้าชนอะไรนะมันเจ็บมาก ”
เมื่อเงยหน้าก็ได้พบกับเฟยหลงที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตูก็รู้สึกดีใจที่เห็นเฟยหลงกลับมา
เเละตอนนั้นเองซูซ่านที่ได้เดินตามเสี่ยวไป๋มานั้นก็ได้กล่าวออกมา
” นี่เสี่ยวไป๋เจ้าอย่าหนีคืนของมาก่อน……… ”
เฟยหลงที่เห็นในปากของเสี่ยวไป๋นั้นกำลังคาบขวดหยกใบหนึ่งเอาไว้ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันขโมยมาอีกอย่างเเน่นอนส่วนเจ้าของที่เเท้จริงนั้น………………
ซูซ่านที่เห็นเฟยหลงอยู่ตรงหน้าประตูก็ได้กล่าวออกมาอย่างมีความสุขว่า
” ท่านพี่เฟยหลงในที่สุดท่านก็กลับมา ”
เฟยหลงได้กล่าวถามกัลบไป
” พวกเจ้ามีเรื่องอะไรกัน ”
ซูซ่านก็ได้กล่าวออกมาด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
” เสี่ยวไป๋ขโมยขวดหยกที่ใส่เม็ดยาไปอีกเเล้วถึงขวดนั้นจะเป็นของเสี่ยวไป๋ก็เถอะเเต่ถ้าทานเม็ดยาเข้าไปรวดเดียว…………. ”
ที่ซูซ่านกล่าวออกมาเเบบนี้เพราะว่านางยังจำคำกล่าวของเฟยหลงที่เคยกล่าวบอกกับนางเอาไว้ว่าถ้าใช้เม็ดยาเยอะเกินไปนั้น
มันจะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์อสูร
เฟยหลงที่ได้ยินเช่นั้นจึงกล่าวตอบกลับไปว่า
” นั้นเป็นเรื่องจริงอย่างเเน่นอนเเต่ว่า…………. กับเสี่ยวไป๋นั้นมีข้อยกเว้นเกี่ยวกับเรื่องนั้น ”
เเละเฟยหลงได้เงียบไปก่อนกล่าวเสริมอีก
” เเต่อย่าให้เสี่ยวไป๋ทั้งหมดเพราะว่าถ้าเสี่ยวไป๋ยังคงทานเม็ดยาเหมือนกับทานขนมข้าคงไม่สามารถปรุงทันตามความต้องการของทันเเน่นอน ”
เเละเฟยหลงได้ใช้มือของตนไปจับตัวเสี่ยวไป๋เเละนำขวดหยกที่ถูกคาบออกมเเล้วโยนกลับไป
ให้ซูซ่าน
โดยใช้พลังปราณห่อหุ้มเอาไว้ป้องกันเสี่ยวไป๋ขโมยไปรอบก่อนจะถึงมือซูซ่าน
เฟยหลงได้กล่าวกับทั้งสอง
” มมาเถอะพวกเราทั้งหมดต้องอยู่ในเมืองนี้อีกจะให้อยู่ในโรงเตี๊ยมอย่างเดียวคงไม่ชอบใช่ไหม”
เเม้ซูซ่านจะไม่กล่าวออกมาเเต่เฟยหลงก็รับรู้ได้ว่าตัวซูซ่านนั้นชอบความเงียบสงบมากกว่าจึงเดินตามเฟยหลงไปโดยไม่คัดค้าน
เมื่อทั้งสามลงมาก็ได้เห็นหญิงสาวนางหนึ่งนั่องญุ่เส้นผลดวงตาเเละเเม้กระทั้งชุดก็เป็นสีเเดงราวกับเปลงเพลิงที่ลุกไหม้อยู่ตลอดเวลา
” หืม ”
เจียงหงที่ได้ยินเสียงเท้าก็ได้เงยหน้าขึ้นเเละก็พบกับเฟยหลงเเละมีหญิงสาวคนหนึ่งเเล้วมีสัตว์อสูรหนึ่งตัว
เฟยหลงได้เดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าของเจียงหงเเละกล่าวออกมาว่า
” ตามข้ามา ”
ซูซ่านเสี่ยวไป๋เเละเจียงหงได้มองหน้ากันต่างก็มีความสงสัยอยู่ในใจว่า
” นี่ใครกัน ”
เฟยหลงไม่ได้อธิบายให้มากความเเละกล่าวถามเจียงหงว่า
” ในเมืองเเห่งนี้มีที่พักอาศัยเเบบเงียบสงบไหม”
เจียงหงที่ได้ถูกเฟยหลงกล่าวถามออกมาเเบบนั้นก็ได้ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่เเละกล่าวออกมา
” ข้ารู้เเล้วมีอยู่ที่หนึ่งที่ท่านปู่ข้าเคยมอบให้ข้าไว้ ”
เฟยหลงได้กล่าวตอบกลับไปสั้นๆ
” นำทางไป ”
พวกดฟยหลงได้เดินตามเจียงหงมาจนพบกับคฤหาสน์หลังหนึ่งซึ่งรอบด้านนั้นมีต้นไม้มากมายปลูกอยู่เเละมีพลังปราณจำนวนมากไหลเวียนอยู่
เจียงหงก็ได้กล่าวออกมาด้วยท่าทีหยิ่งยโส
” เป็นไงคฤหาสน์หลังนี้นั้นมีเพียงจำนวนน้อยมากในเมืองหลวงเเห่งนี้ ”
เฟยหลงได้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
” อืม…………… ก็พอใช้ ”
เมื่อกล่าวจบก็ได้เดินเข้าไปยังคฤหาสน์หลังนั้นโดยทิ้งให้เจียงหงที่กำลังรอคอยคำตอบที่นางต้องการเเต่สุดท้ายเเล้วก็ไม่ได้เป็นเเบบที่นางหวังไว้