เเต่เเล้วตอนนั้นเองที่มีทหารนายหนึ่งได้มากล่าวกับซูซ่านเเละเจียงหง
” เเม่นางทั้งสองข้าได้รับคำสั่งมาจากท่านเฟยหลงว่าให้พวกท่านทั้งสองตามข้าไปพบกับเขาที่ป้อมปราการของเมือง ”
ซูซ่านที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกดีใจเช่นเดียวกับเจียงหง
” ในที่สุดพี่ใหญ่ก็จัดการเรื่อวราวต่างๆเสร็จเรียบร้อยเเล้วนี้เอง ”
” ข้าเชื่อว่าเรื่องที่ท่านอาจารย์ต้องทำนั้นมันไม่ต้องใช้ความสามารถของท่านมากมายเลย ”
เมื่อกล่าใจบทั้งสองก็ได้นั่งรถม้าที่ชากโดยสัตว์อสูรเพื่อไปพบกับเฟยหลงที่ป้อมปราการอย่างรสดเร็ว
” ในที่สุดก็จะได้ท่านพี่เฟยหลงเเล้ว ”
” ข้าว่าท่านอาจารย์ตกำลังทำอะไรอยู่กันเเน่ในช่วงที่ผ่านมา ”
เมื่อซูซ่านเเละเจียงหงได้เดินเข้าไปยังห้องรับเเขกเเห่งหนึ่งก็ได้พบกับเฟยหลงที่ตอนี้กำลังจิบชาอยู่อย่างสบายใจ
โดยที่ตรงข้ามนั้นมีจ้าวเฉินกำลังนั่งเหม่อลอยเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
เฟยหลงที่เห็นทั้งสองคนก็ได้กล่าวออกมาว่า
” ไงพวกเจ้าทั้งสองคงสบายดีสินะเเละดูเหมือนว่าช่วงนี้พวกเจ้าจะมีความกระตือรือร้นมากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย ”
ซูซ่านเเละเจียงหงที่ได้ยินคำกล่าวของเฟยหลงนั้นก็ได้เเต่ก้มหน้าลงด้วยความอับอายเพราะว่า
พวกนางนั้นเเม้จะบ่มเพาะอย่างต่อเนื่องเเต่การบ่มเพาะของพงกนางนั้นเรียกได้ว่าไม่มีจุดมุ่งหมายมากนัก
นอกจากเจียงหงที่สนใจเรื่องศาสตร์เเห่งการปรุงยาเเละซูซ่านที่ชอบอยู่ท่ามกลางธรรมชาติล้อมรอบตัวกับสื่อสารกับสัตว์ธรรมดา
หรือว่าจะเป็นสัตว์อสูรบางตัวที่ดูเหมือนจะดุร้ายเเต่เมื่อพบกับซูซ่านกลับกลายเป็นสัตว์เลี้ยงเเสนเชื่องทันที
เฟยหลงที่เห็นความคิดเกี่ยวกับพวกนางทั้งสองคนในความทรงจำก็ได้เเต่ส่ายหน้าเเล้วกล่าวออกมาว่า
” การบ่มเพาะนั้นเเม้ว่าคนส่วนมากจะมีความทะเยอทะยานเพื่อที่จะเข็งแกร่งขึ้นเเต่ก็มีบางคนที่คลั่งไคล้ในบางสิ่งมากกว่า ”
” ข้าไม่ได้บังคับให้พวกเจ้าเลทอกทางที่ข้าบอกหรืออะไรเเต่ตัวของพวกเจ้านั้นต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง ”
ซูซ่าเเละเจียงหงที่เดินเข้ามาในห้องเเล้วก็ได้ตอบกลับเฟยหลง
” ค่ะท่านพี่เฟยหลง ”
” ทราบเเล้วค่ะท่านอาจารย์ ”
เฟยหลงที่ได้ยินคำตอบของทั้งสองคนั้นก็ได้จิบชาต่อเล็กน้อยก่อนจะกล่าวเข้าเรื่อง
” พวกเจ้าทั้งสองก็น่าจะรึ้ดีเเล้วว่าตอนนี้สงครามระหว่างเผ่าปีศาจที่ถูกผนึกอยู่นั้นกับอาณาจักรเเห่งสายลมกำลังจะเริ่มต้นขึ้นเเล้ว ”
เฟยหลงได้มองพวกนางทั้งสองคนด้วยสายตาที่กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ก่อนจะกล่าวออกมา
” พวกเจ้าจะบ่มเพาะไปเเบบนี้เรื่อยๆก็คงไม่ได้เพราะประสบการณ์ต่อสู้นั้นยังน้อยเกินไปถ้าเทียบกับคนที่อยู่ในขอบเขตเดียวกันกับพวกเจ้าทั้งสอง ”
” เเละถ้าวันหนึ่งพวกเจ้าเจอกับพวกปีศาจเฒ่าเจ้าเล่ห์เข้าเเล้วละก็พวกเจ้าทั้งสองคงตามเล่ห์เหลี่ยมของพวกมันไม่ทันอย่างเเน่นอน ”
เฟยหลงได้กล่าวสิ่งที่ทำให้ทั้งสองเเปลกใจออกมานั้นก็คือ
” พวกเจ้าทั้งสองต้องเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่นาน ”
เมื่อเฟยหลงกล่างถึงตรงนี้ซูซ่านจึงได้กล่าวออกมาว่า
” งั้นการที่ท่านพี่เฟยหลงให้พวกเราทั้งสงครามครั้งนี้เพราะต้องการให้พวกเราหาประสบการณ์ในการต่อสู้ใช่ไหม ”
เ้ฟยหลงได้พยักหน้าก่อนจะกล่างตอบกลับไป
” ถูกต้องตามที่เจ้ากล่าวมานั้นเเหละ ”
จ้าวเฉินที่เห็นทั้งสามคุยกันโดยที่ตนเองรู้สึกเหมือนส่วนเกินนั้นกำลังจะเอ่ยปากกล่าวอะไรบางอย่างเเต่ก็ได้มีเสียงหนึ่งขัดความคิดของเขาก่อน
” รายงานท่านเเม่ทัพเจ้าตอนนี้ทางเราได้รับข่าวมาว่าทหารซากศพที่อยู่ในป่าทางตอนเหนือนั้นเริ่มทีาจะเคลื่อนตัวเเล้ว ”
จ้าวเฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้กล่าวถามทหารนายนั้นเพื่อยืนยันอีกครั้ง
” เจ้าบอกว่าพวกมันบุกมาเเล้วเหรอ ”
ทหารนายนั้นก็ได้ตอบกลับไป
” ใช่เเล้วขอรับ ”
จ้าวเฉินที่ได้ยินดังนั้นก็ได้ขมวดคิ้วเข้าด้วยกันเเล้วกล่าวออกมา
” ทำไมพวกมันถึงรีบร้อนบุกกัน ”