เสี่ยวไป๋ก็ได้เอียงคอของมันเเล้วจ้องมองเฟยหลงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
” ตัวช่วยอะไรทำไมต้องเข้าป่ามาลึกถึงเพียงนี้ ”
เเม้ว่าเฟยหลงจะเห็นความสงสัยที่เสี่ยวไป๋เเสดงออกมาให้เห็นจึงได้กล่าวตอบกลัลไปว่า
” เดี๋ยวเจ้าจะได้เห็นเอง ”
เวลาผ่านไปอย่างรสดเร็วเฟนหลงยังคงเดินเข้าไปยังส่วนบึกของป่าโดยไม่หยุดพัก
จนกระทั่งเฟยหลงได้เดินมาจนถึงหน้าหุบเหวเเห่งหนึ่งซึ่งเมื่อเฟยหลงเเละเสี่ยวไป๋มองลงไปได้เพียงไม่กี่สิบเมตรเเล้วหลังจากนั้นก็คือความมืดไรที่สิ้นสุด
สายลมได้พัดผ่านตรงหน้าหุบเหวอย่างเงียบสงบไร้เสียงของสิ่งมีชีวิตเเม้เเต่น้อย
เฟยหลงที่เห้นดังนั้นก็ได้เรียกเสี่ยวไป๋มาเเล้วกล่าวบอกกับมันว่า
” เสี่ยวไป๋พวกเราจะลงไปในนี้กัน ”
เสี่ยวไป๋ที่มองหุบเหวเมื่อได้ยินคำกล่าวของเฟยหลงเเล้วก็ได้เเต่เดินถอยหลัอย่างช่วยไม่ได้เเล้วร้องออกมา
” อ๋าว~~~พี่ใหญ่ข้าไม่ลงไปได้ไหมข้างล่างมันมืด ”
เฟยหลงเห็นเสี่ยวไป๋เดินถอยหลังกลับไปก็ใช้มือของตนคว้าจับตัวของเสี่ยวไป๋ไว้อย่างรวดเร็วเเล้วกล่าวกับมันว่า
” ข้ารู้ว่าเจ้ากลัวเเต่มีข้าไปเป็นเพื่อนกับเจ้าด้วยเเล้วเจ้าจะกลัวอะไร ”
เสี่ยวไป๋ที่ถูกเฟยหลงลากออกมาก็พยามดิ้นให้หลุดจากการจับกุมของเฟยหลงเเต่ผลสุดท้ายเเล้วกลับกบายเป็นว่าเสียพลังไปป่าวประโยชน์เท่านั้น
เสี่ยวไป๋จึงหยุดดิ้นเเล้วมองเฟยหลงด้วยท่าทางน่าสงสารเเล้วร้องออกมา
” อ๋าว~~~ข้าเป็นเสือไม่ใช่นกที่บินได้ถ้าตกลงไปละก็คงเหลือเเต่ชื่อเเน่นอน ”
เเน่นอนว่าเฟยหลงไม่รู้ความหมายของเสียงร้องของเสี่ยวไป๋สุดท้ายก็ได้เเต่ยอมรับชะตากรรม
เฟยหลงได้เริ่มไต่หน้าผาลงไปอย่างช้าๆโดยใช้พลังปราณอ่อนๆรวบรวมเอาไว้ที่ฝ่ามือไว้ยึดจับอย่างเหนียวเเน่นเเล้วค่อยๆไต่ลงไป
้เเน่นอนว่าเสี่ยวไป๋นั้นไม่ได้ปืนด้วนตนเองเเต่กลับไปเกาะอยู่บนหัวของเฟยหลงอย่างเหนียวเเน่นโดยที่ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเเม้เเต่นิดเดียว
เเละระหว่างนั้นก็พบกับโครงกระดูกของสัตว์อสูรต่างๆระหว่างซอกเหว
ซึ่งตอนนี้เสี่ยวไป๋ที่เห็นอย่างนั้นก็ได้เเต่คิดอย่างหนึ่งเอาไว้
” อ๋าว~~~ข้าไม่อยากจะเป็นเหมือนสัตว์อสูรพวกนี้ที่เหลือเเต่โครงกระดูก ”
ทางด้านเฟยหลงในตอนนี้กำลังไต่ลงไปเรื่อยๆซึ่งเวลาผ่านไปเฟยหลงก็มองกลับขึี้นไปเเต่ก็ไม่เห็นขอบหุบเหวเเล้ว
หลังจากนั้นก็ได้จึงตัดสินใจไต่ลงไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงด้านล่างสุดซึ่งไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงตอนไหน
” หน้าผานี้ตามที่บันทึกเอาไว้ของอาณาจักรสายลมมันมีความลึกมากเเละยิ่งลงไปลึกเท่าไหร่ก็จะได้พบกับสัตว์อสูรที่เเข็งแกร่ง ”
” เเละยังมีรายงานจำนวนมากอีกว่าหุบเหวเเห่งนี้มีเเม้กระทั้งสัตว์อสูรขอบเขตหลอมรวมอาศัยอยู่”
ย้อนกลับไปในตอนที่เฟยหลงได้เตรียมการเรื่องราวต่างๆนั้นก็ได้ขอให้จ้าวเฉินเตรียมเเผนที่เเละรวบรวมรายงายเกี่ยวกับเขตของสัตว์อสูรเเต่ละตัวมาให้
ซึ่งเฟยหลงนั้นได้พบกับรายงายอันหนึ่งที่น่าสนใจเเละจากรายละเอียดที่ไม่สมบูรณ์เฟยหลงจึงยังตัดสินไม่ได้ว่ามันคือสิ่งที่ตัวเขาคิดใช่หรือไม่
ดังนั้นตอนนี้เฟยหลงจึงเดินทางมาดูด้วยตนเองว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นอาจถูกต้องก็เป็นได้
” ข้าคิดว่าสิ่งที่ตามหานั้นอาจจะอยู่ในหุบเหวเเห่งนี้เเหละส่วนอยู่ตรงไหนนั้นข้าก็ไม่เเน่ใจเหมือนกันเพราะจากรายงานนั้นมีข้อมูลที่น้อยเกินไปเเละบางส่วนเหมือนจะถูกทำลายเพราะเหตุผลบางอย่าง ”
เเละตอนนั้นเองระหว่างที่เฟยหลงกำลังไต่ไปเรื่อยๆก็ได้ยินเสียงร้องหนึ่งดังขึ้นมา
” แกว๊กววววววววว ”
เฟยหลงได้มองไปยังด้านบนก็พบกับสัตว์อสูรที่มีรูปร่างเหมือนอีกาขนาดใหญ่กำลังบินตรงมาทางพวกเฟยหลงด้วยความเร็วสูง
เเละเตรียมใช้กรงเล็บที่เเหลมคมนั้นฉีกกระชากเฟยหลงเเละเสี่ยวไป๋เป็นชิ้นๆ
ทาวด้านเฟยหลที่เห็นดังนั้นจึงได้กล่าวออกมาว่า
” ดูเหมือนว่าสัตว์อสูรตัวนี้มันเห็นข้าเป็นอาหารน่าอร่อยของมันอย่างเเน่นอน “