เฟยหลงเเละเสี่ยวไป๋ได้เดินเข้าไปยังถ้ำเเห่งนั้นเรื่อยๆซึ่งทั้งสองนั้นไม่รู้ว่าปลายทางมีอะไรรอพวกเขาอยู่
” พี่ใหญ่ท่านคิดว่าที่เเห่งนี้จะมีสมบัติอะไรอยู่เหรอ ”
เฟยหลงที่ได้ยินคำถามจองเสี่ยวไป๋ก็ตอบกลับไปว่า
” ที่เจ้าถามข้าเเล้วเจ้าคิดว่าข้านั้นรู้ไหมละ ”
เสี่ยวไป๋ที่ได้ยินคำตอบของเฟยหลงก็ได้ส่ายหัวของตนเเล้วเเอบครุ่นคิดอยู่ในใจ
” ก็ทุกครั้งท่านนั้นชอบทำตัวเป็นผู้รอบรู้ทุกสิ่งไม่ใช่เหรอ ”
เฟยหลงที่เห็นท่างทางของเสี่ยวไป๋นั้นก็ได้ใช้มือของตัวเขาเคาะศรีษะมัน
” อย่าคิดว่าข้าม่รู้ว่าเจ้าเเอบนินทาข้าอยู่ในใจ ”
เสี่ยวไป๋ที่โดนเฟยหลงเคาะศรีษะไปครั้งหนึ่งก็ได้ทำตัวสงบอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองได้เดินต่อไปเวลานั้นได้ผ่านไปเท่าไหร่นั้นก็ไม่อาจรู้ได้เพราะด้านในถ้ำนั้นมีเพียงเเสงสว่างจากหญ้าที่เรืองเเสงเหล่านี้เท่านั้น
ไม่สามารถสังเกตุเห็นดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ทำให้ไม่อาจระบุเวลาที่เเน่นอนได้จนกระทั่งเสี่ยวไป๋ได้กล่าวขึ้นมาว่า
” พี่ใหญ่เมื่อไหร่จะถึงปลายทางข้าเดินมานานเเล้วนะ ”
เฟยหลงนั้นไมาได้สนใจเสียงบ่นของเสี่ยวไป่เเม้เเต่น้อยเเละยังคงเดินต่อไปจนตอนนั้นเองที่เฟยหลงได้หยุดเดินต่อไปอย่างกระทันหัน
เสี่ยวไป๋ที่ตอนนี้กำลังเดินตามเฟยหลงมานั้นก็ได้ชนเจ้ากับขาของเฟยหลงอย่างพอดีทำให้มันร้องออกมา
” อะไรกันเนี้ยร่างกายของพี่ใหญ่ทำมาจากเหล็กหรือไง ”
ซึ่งสภาพของเสี่ยวไป่ตอนนี้มันได้ใข้อุ้งเท้าหน้าทั้งสองจับจมูกของตนเองเอาไว้เเละตอนนั้นเองที่เฟยหลงได้กล่าวออกมาว่า
” เสี่ยวไป๋เจ้าไม่คิดว่าสถานที่นี้มันเเปลกหรือ ”
เสี่ยวไป๋ที่ได้ยินคำะามของเฟยหลงก็ได้กล่าวถามกลับไป
” เเปลกเหรอ…………… ”
เสี่ยวไป๋ที่ตอนนี้กำลังใช้ความคิดเเละกวาดสายตามองรอบๆอยู่ได้เพียงชั่วครู่ก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างไม่มั่นใจ
” ข้ารู้สึกเหมือนกับว่าพวกเรานั้นกำลังเดินอยู่ในที่เดิม ”
เฟยหลงที่ได้ยินคำตอบของเสี่ยวไป๋ก็ได้กล่าวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่
” ใช่ดูเหมือนว่าพวกเราจะเดินวนอยู่ที่เก่า ”
หลังจากเฟยหลงกล่าวจบก็ได้เดินหยิบก้อนหินก้อนหนึ่งขึ้นมาก่อนจะส่งให้เสี่ยวไป๋ดูเเล้วกล่าวว่า
” เจ้าเห็นสัญลักษณ์บนหินก้อนนี้ไหม ”
เสี่ยวไป๋ที่เห็นว่าบนหินก้อนที่เฟยหลงยื่นมห้นั้นมีรอยขีดอยู่หนึ่งขีดซึ่งดูจากรูปร่างเเล้วนั้นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอย่างเเน่นอน
” ใช่ดูเหมือนหินก้อนนี้มันมีรอบขีดอยู่หนึ่งขีดเหมือนกับโดนอะไรหรือใครขีดไว้อย่างนั้นเเหละ ”
เฟยหลงที่ได้ยินเช่นั้นก็ได้กล่าวตอบเสี่ยวไป๋
” ใช่เเล้วขีดพวกนี้เป็นเป็นข้าเองที่ได้ทำเอาไว้เพราะดูเหมือนว่าที่เเห่งนี้มันจะไม่ปกติอย่างที่คิด ”
เสี่ยวไป๋ที่ได้ยินคำกล่าวนั้นของเฟยหลงก็ได้กล่าวออกมาว่า
” หรือว่าพวกเราจะติดอยู่ในค่ายกลลวงตาสักอย่างเหรอ ”
ดฟยหลงมี่ได้ยินเสี่ยวไป๋กล่าวออกมาเเบบนั้นก็ได้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
” ไม่พวกเราไม่ได้คิดอยู่ในค่ายกลลวงตาเเน่นอนเพราะสัมผัสวิญญาณของข้านั้นไม่ได้ตรวจเจออะไรซึ่งมีสองสาเหตุหนึ่งก็คือค่ายกลลวงตานี้เเข็งเเกร่งเกินไปไม่ก็…………… ”
เสี่ยวไป๋ที่ได้ยินเช่นั้นก็ได้กล่าวถามกลับไป
” ไม่ก็อะไรหรือพี่ใหญ่ ”
เฟยหลงที่ได้ยินเสี่ยวไป๋กล่าวถามออกมาเเบบนั้นก็ได้ยิ้มมุมปากอย่างรวดเร็ว
” ไม่ก็ถ้ำนี้มันอาจจะเล่นตลกกับพวกเราอยู่ก็เป็นได้ ”
เสี่ยวไป๋ที่ได้ยินคำตอบของเฟยหลงเเบบนั้นในศรีษะของมันก็เต็มไปด้วยคำถามเเล้วมองเฟยหลงด้วยความสงสัย
” ถ้ำเล่นตลกกับพวกเรามันคืออะไร ”
เฟยหลงที่ได้ยินเสี่ยวไป๋กล่าวถามออกมาจึงได้ตอบออกไปด้วยสีหน้าที่เคร่งครึม
” บนโลกนี้นั้นจะมีพื้นที่พิเศษซึ่งมีสภาพเเวดล้อมคาดเดาได้ยากที่ถูกสร้าวจึ้นหรือเกิดขึ้นเองเช่น บางพื้นที่อาจจะมีความสามารถในการกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างถ้าไม่มีขอบเขตพลังที่มากพอ ”
” อาจจะไม่สามารถหนีออกมาได้หรือบางพื้นที่อาจจะมีวิญญานที่ก่อตัวขึ้นจากความเกลียดชังที่จะคอยสังหารใครก็ตามที่ลุกล้ำเข้าไปหรืออื่นๆอีกมากมาย ”