เฟยหลงที่เห็นแผ่นหินที่แตกหักนั้นก็ได้เริ่มครุ่นคิดเรื่องราวบางอย่างขึ้นมา
ทางด้านเมืองชายเเดนทางตอนเหนือนั้นตอนนี้กำลังต้านทานการโจมตีของทหารซากศพที่บุกเข้ามาราวกับว่าไร้ที่สิ้นสุด
ทหารส่วนใหญ่ได้ต่อสู้กับทหารซากศพมาเป็นเวลานานเเม้พวกเขาจะเป็นผู้บ่มเพาะที่อยู่ถึงระดับวิญญาณ
เเต่สุดท้ายเเล้วพลังปราณย่อมถูกใช้ไปอย่างมากมายมหาศาลในตอนนี้พวกเขาเหล่านั้นกำลังปกป้องกำแพงเมืองเหล่านี้ไว้ด้วยความมุ่งมั่น
เพราะว่าถ้าหากปล่อยพวกทหารซากศพผ่านไปได้ละก็ไม่มีทางที่เมืองอื่นจะเตรียมตัวอย่างทันท่วงทีเมื่อทหารซากศพเหล่านี้บุกไปถึงเเล้วพวกเขาจะถูกทำลายในที่สุด
” อย่าได้ถอยเเม้จะเป็นเพียงก้าวเดียวพวกเราก็จะสูญเสียพื้นที่นี้ให้กับพวกมัน ”
เสียงตะโกนของรองเเม่ทัพคนหนึ่งได้ดังขึ้นเพื่อเป็นการกระตุ้นทหารเหล่านั้นถึงเเม้ว่าตอนนี้นั้นจะไม่สามารถช่วยอะไรได้มากก็ตาม
เพราะพวกเขาก็ณู้ดีว่าตอนนี้นั้นทหารเหล่านี้ได้มาถึงขีดจำกัดเต็นที่เเล้วอย่างเเน่นอนเเต่ด้วยความมุ่งมั่นที่คอยยึดเหนี่ยวจิตใจอยู่
พวกเขานั้นไม่ได้เเสดงความหวาดกลัวเมื่อพวกทหารซากศพได้โจมตีเข้ามาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยซึ่งทางด้านจ้าวเฉินได้เรียกเหล่าเเม่ทัพเเละรองเเม่ทัพที่เหลืออยู่เข้ามาประชุมวางเเผนกัน
” ตอนนี้นั้นทหสรซากศพเหล่านั้นไม่ได้มีทีท่าว่าจะหมดลงเเม้ว่าทางเราจะไม่ได้มีทหารที่เสียชีวิตมากมายเพราะการป้องกันที่เราได้เตรียมเอาไว้”
” เเต่ข้าว่าคงอีกไม่นานที่พวกเขาจะไม่สามารถต่อต้านได้เเล้วเมืองชายเเดนทางตอนเหนือเเห่งนี้ก็จะถูกทำลายลง ”
เมื่อจ้าวเฉินกล่าวจบเหล่าเเม่ทัพเเละรองเเม่ทัพคนอื่นก็ได้เเต่นิ่งเงียบเท่านั้นเพราะตอนนี้พวกเขาก็หมดสิ้นหนทางเเล้วเช่นกันไม่มีทางที่กำลังเสริมจะมาทันอย่างเเน่นอนจากการคำนวณเวลาเเล้ว
จ้าวเฉินที่เห็นว่าไม่มีคนเสนอความคิดเห็นอะไรขึ้นมาเลนก็ได้เเต่ถอนหายใจเเล้วกล่าวออกมาว่า
” ดูเหมือนว่านี้จะหใดสิ้นหนทางเเล้วจริงอย่างน้อยข้าในฐานะเเม่ทัพเเห่งอาณาจักรสายลมตัวข้าจะขอทำหน้าที่นี้จนถึงที่สุดจนถึง……….. ”
เเม้เหล่าเเม่ทัพเเลรองเเม่ทัพคนอื่นจะไม่ได้กล่าวอะไรออกมาเเต่พวกเขาก็ได้เตรียมใจกันไว้เเล้วว่าสุดท้ายอาจจะเป็นเช่นนี้
พวกเขาจึงเเยกย้ายกลับไปทำหน้าที่ตนเองอย่างถึงที่สุดจ้าวเฉินที่ตอนนี้เหลืออยู่ตัวคนเดียวในห้องเเห่งนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น
” ก็อก ก็อก ก็อก ”
จ้าวเฉินจึงได้กล่าวออกมาว่า
” เข้ามาเถอะ ”
เมื่อสิ้นสุดคำพูดของจ้าวเฉินก็ได้มีหญิงสาวสองคนปรากฏตัวขึ้นเมื่อประตูบานนั้นถูกเปิดออกเเละจ้าวเฉินที่เห็นดังนั้นก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
” เป็นพวกเจ้านี่เอง……….. ”
ทั้งสองคนั้นคือซูซ่านเเละเจียงหงที่เดินเข้ามาด้วยกันสองคนจ้าวเฉินที่เห็นดังนั้นจึงได้บอกให้พวกเขาหาที่นั่งตามสบายก่อนจะกล่าวออกมา
” ข้าไม่รู้ว่าเมื่อไหร่อาจารย์ของพวกเจ้าสองคนจะกลับมา………… เพราะตอนนี้นั้นพวกเราก็เหลือไพ่เพียงใบเดียวที่จะปกป้องเมืองเเห่งนี้ไว้ได้ ”
ซูซ่านกับเจียงหงที่ได้ยินดังนั้นต่างก็นิ่งเงียบเเต่เเล้วตอนนั้นเองที่ได้มีทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะผลักประตูออกเเล้วกล่าวรายงานอย่างรีบร้อน
” ท่านเเม่ทัพจ้าวสถานการณ์ในตอนนี้เเย่อย่างมากเพราะได้มีสัตว์อสูรซากศพระดับหลอมรวมปรากฏตัวออกมาเเล้วขอรับ ”
จ้าวเฉินที่ได้ยินเช่น่นั้นก็ได้รีบร้อนกลับไปที่กำแพงเมืองเเล้วพบเจอกับสัตว์อสูรซากศพที่กำลังมุ่งหน้ามาจำนวนสิบตัว
เมื่อมองสถานการณ์ในตอนนี้เเล้วจ้าวเฉินตัดสินใจใช้ไพ่ใบสุดท้ายที่เขาเหลืออยู่
” เปิดใช้งานค่ายกลได้ ”
เมื่อจ้าวเฉินกล่าวจบกำแพงเมืองนั้นก็ได้ส่งประกายเเสงอันเจิดจ้าขึ้นมาก่อตัวเป็นบาเรียครึ่งวงกลมที่ครอบคลุมทั้งเมืองชายเเดนเอาไว้