เหล่าทหารที่เห็นว่าเมืองชายเเดนได้เปิดค่ายกลที่ไว้สำหรับปกป้องเมืองเเล้วนั้นก็ได้กล่าวออกมาด้วยความดีใจ
” ค่ายกลเปิดทำงานเเล้วอย่างน้อยๆพวกเราก็มีเวลาได้พักหายใจบ้างก็ดี ”
” อืม……………. ข้าก็ว่างั้นเเหละไอพวกทหารซากศพนี้มันยังไงกันพวกมันเเต่ละตัวนั้นทีรางกายที่ทนทานราวกับเเร่เหล็กการจะล้มมัน ”
” ถ้าไม่ได้ค่ายกลระเบิดอัคคีเเละทางเรารู้จุดอ่อนของมันละก็ข้าก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าพวกเราจะเป็นอย่างไร ”
เหล่าทหารได้พูดคุบกันอย่างต่อเนื่องด้วยความยินดีที่อย่างน้อยในตอนนี้พวกเขาก็สามารถยื้อเวลาเอาไว้ได้นานขึ้นไปอีก
เเต่ทางจ้าวเฉินนั้นก็ไม่ได้รู้สึกคลายความตื่นตัวลงเเม้เเต่น้อยเพราะถึงเเม้ค่ายกลที่ปกป้องเมืองชายเเดนตอนนี้มันจะเเข็งแกร่งอย่างมาก
เเต่สุดท้ายการที่จะคงสภาพมันไว้เป็นเวลานานนั้นทางพวกเขาต้องจ่ายด้วยราคาที่มากมามหาศาลเเละด้วยการโจมตีของสัตว์อสูรซากศพเหล่านั้นอีก
ทำให้พลังงานที่พวกเขามีอยู่อย่างจำกัดนั้นเริ่มที่จะลดลงรสดเร็วกว่าเดิม
” เเม้ว่าค่ายกลจะสามารถต้านทานการโจมตีของสัตว์อสูรซากศพขอเขตหลอมรวมได้………… เเต่ด้วยจำนวนของพวกมันนั้นก็ขึ้นอยู่กับเวลาว่าพวกมันจะทำลายเมืองเเห่งนี้ลงได้เมื่อไหร่ ”
ซูซ่านกับเจียงหงที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากจ้าวเฉินนั้นก็ได้ยินสิ่งที่ตัวจ้าวเฉินได้กล่าวออกมาทั้งหมด
เเละรู้ดีว่าถึงเเม้จะยืดเวลาออกไปได้เเต่สุดท้ายเเล้วพวกเขาจะสามารถเอาชนะกองทัพทหารซากศพเเละสัตวํอสูรซากศพเหล่านั้นได้หรือ
” ท่านลุงใหญ่ตอนนี้พวกเราจะทำยังไงต่อดี ”
จ้าวเฉินที่ได้ยินเจียงหงกล่าวถามตัวเขานั้นก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่้ต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
” ตอนเเรกข้าก็จะส่งพวกเจ้ากลับไปยังเมืองหลวงเเต่ใครจะคิดว่าพวกมันจะบุกเข้ามาอย่างรวดเร็วอย่างนี้เเละล้อมกรอบเราทุกทิศทาง…………. ”
ซูซ่านที่ยืนอยู่ใกล้ๆกับเจียงหงนั้นในตอนนี้กำลังคิดว่า
” ท่านพี่เฟยหลงท่านกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนกันเเน่ตอนนี้ ”
ทางด้านทหารที่ได้มีเวลาพักจากการต่อสู้นั้นทำให้พวกเขาเริ่มที่จะนั่งคิดใคร่ครวญถึงเรื่องที่ตนจะทำต่อไปหลังจากนี้
โดยที่พวกเขาได้นั่งจับกลุ่มคุยกันถึงเรื่องราวต่างๆ
” ถ้าข้ารอดไปจากสงครามครั้งนี้ได้ข้าคงได้ขอวตอบเเทนไม่น้อยจริงไหม ”
” อย่างน้อยถึงเเม้ข้าจะตกตายลงนะสถานที่เเห่งนี้ทางอาณาจักรสายลมนั้นต้องให้เงินชดเชยเเก่ครอบครัวของข้าเป็นจำนวนไม่น้อยซึ่งนั้นก็จะเพียงพอที่จะให้พวกเขาดำเนินชีสิตต่อไปได้เเม้จะไม่มีข้าอยู่ก็ตาม ”
เหล่าทหารที่ได้ยินสิ่งต่างที่เหล่าสหายของพวกเขากล่าวออกมานั้นก็ได้เริ่มที่จะกล่าวบางอย่างเพื่อทำให้บรรยากาศนั้นไม่หดหู่เกินไป
” เจ้าอย่ามัวเเต่พูดเรื่องเเบบนั้นเลยข้าเชื่อว่าพวกเรานั้นจะรอดกลับไปเเน่นอน ”
” ใช่เเล้วในอีกไม่นานกองกำลังเสริมจากเมืหลวงก็คงจะมาถึงเมืองชายเเดนนี้เเละเหล่าตัวตนที่มีพลังขอบเขตหลอมรวมนั้นก็จะมาช่วยเราให้ชนะสงครามในครั้งนี้ ”
ทางด้านที่ไม่ไกลจากส่วนบนของหุบเหวนั้นก็มีสถานที่หนึ่งซึ่งถูกเถาวัลปิดอยู่จนไม่สามารถมองออกนั้นอยู่ๆก็ได้มีเสียงระเบิดดังขึ้น
” ตู้ม ”
หลังจากที่สิ้นสุดการระเบิดนั้นก็ได้มีเสียงโอดครวญของใครคนหนึ่งดังขึ้นมา
” อ๋าว~~~พี่ใหญ่ไหนบอกว่าท่านมั่นใจอย่างยิ่งว่าฝีมือการซ่อมเเซมของท่านนั้นมันล้ำเลิศอย่างหาที่ใดเปรียบได้ยากไง ”
เสียงที่ได้ยินนี้นั้นเป็นเสียงของใครไปไม่ได้นอกจากเสี่ยวไป๋ซึ่งหลังจากที่เสี่ยวไป๋กล่าวจบก็ได้มีเสียงไอของใครดังขึ้นมาพร้อมกับกล่าวออกมาว่า
” เเค่กๆ~~~เสี่ยวไป๋เจ้าอย่าคิดว่าการคซ่อมมันเป็นเรื่องงายดายนักสิตัวข้าที่มีพลังเพียงเเค่ขอบเขตวิญญาณเเต่กลับซ่อมเเซมมันได้ก็ดีเเค่ไหนเเล้วเเละถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่อยู่ในขอบเขตวิญญาณก็ไม่สามารถซ่อมมันได้
” ถึงเเม้คนผู้นั้นจะเป็นปรมาจารย์ค่ายกลระดับสีเหลืองก็ตาม “