ซึ่งสิ่งที่เฟยหลงได้บอกกับพวกเขานั้นว่า
” พวกเจ้าหยิบอาวุธขึ้นมาเเละสู้ต่อไปโดยหรือทำอะไรก็ได้ที่มันดึงดูดความสนใจจากพวกกองทัพซากศพเหล่านั้นให้ได้มากที่สุด……….. ”
เเม้ว่าพวกซูซ่านจะงงงวยกับเเผนการของพวกเฟยหลงอย่างมากเเต่ก็ได้ทำตามที่เฟยหลงสังอย่างง่ายดาย
” อ๋าว~~~งั้นพวกเราก็ไปทำตามที่พี่ใหญ่บอกกันเถอะ ”
หลังจากที่เสี่ยวไป๋ได้กล่าวจบมันก็ได้พุ่งเข้า
ส่ทหารซากศพที่อยู้ใกล้ๆเเละใช้กรงเล็บที่คมกริบเเยกส่วนร่างกายของทหารซากศพตนนั้น
ทางด้านทหารซากศพที่เห็นว่ามีบางสิ่งโจมตีเหบ่าพวกพ้องของมันล้มตายไปเป็นจำนวนมากจึงได้วิ่งเข้ามาเพื่อที่จะรุมล้อมเสี่ยวไป๋อย่างรวดเร็ว
ซึ่งทางด้านเสี่ยวไป๋นั้นไม่ได้หวาดกลัวเลยเเม้เเต่น้อยก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกเหยียดหยามอย่างชัดเจน
” พวกเเกเเน่จริงก็ตามข้ามาสิเจ้าพวกเต่าทั้งหลาย………… เอ่อไม่สิต้องเรียกว่าเจ้าพวกซากศพโง่เง่า……… ข้าลืมไปพวกเจ้าไม่ใช่เต่า ”
ทางด้านทหารซากศพที่จับตัวเสี่ยวไป๋ไม่ได้นั้นกำลังคำรามออกมาด้วยความโกรธเเค้นอย่างมากส่วนคำพูดของเสี่ยวไป๋นั้นพวกมันสามารถที่จะรู้ถึงความหมายหรือไม่นั้นก็ไม่อาจทราบ
เพราะถึงเเม้จะสติปัญญาต่ำเเละเต็มไปด้วยความบ้าคลั้งเเต่พวกมันก็ยังคงมีสัญชาตญาณที่บอกกับว่า
” เจ้าเเมวสีขาวตัวนี้กำลังดูถูกพวกเราอยู่พวกเราไม่อาจยอมเเพ้ได้ ”
เฟยหลงที่เห็นว่าทางเสี่ยวไป๋นั้นได้ทำตามที่สั่งเเละไดเผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยมตามที่คาดไว้เเละกลับมาสนใจทางด้านซูซ่านเเละเจียงหงต่อ
ซึ่งทางด้านนี้นั้นซูซ่านเเละเจียงหงพยามที่จะหลอกล่อทหารซากศพให้มากองรวมกับมากที่สุดเเต่โดยการโจมตีเพื่อสร้างความปั่นป่วนเเละถอยออกมาอย่างรวดเร็ว
ซึ่งเวลาผ่านไปนานทางด้านเสี่ยวไป๋เเละทางด้านซูซ่านกับเจียงหงได้มีทหารซากศพจำนวนมากไล่ตามโดยที่พวกเขากำลังวิ่งหนีเเละกล่าวออกมาว่า
” ท่านพี่เฟยหลงเมื่อไหร่ท่านจะลงมือสักที ”
” ท่านอาจารย์เร็วเข้าเถอะศิษย์คนนี้ไม่อยากโดนพวกมันเขมือบ ”
” พี่ใหญ่เร็วๆหน่อยเจ้าพวกซากศพโง่เง่านี้มันจะจับข้าไปฉีกเป็นชิ้นเเล้วเเบ่งกันกิน……….. ข้าสัมผัสได้จากสายตาของมันที่มองข้า ”
เฟยหลงที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายว่า
” พวกเขาทั้งสามตอนที่ข้าบอกมห้ไปล่อมันมาพวกเจ้าไม่ได้คิดเเผนขั้นต่อไปที่มีหัวข้อว่าต้องทำยังไงพวกมันถึงจะจับพวกเจ้าทั้งสามไปฉีกเป็นชิ้นๆไม่ได้ ”
ทั้งสามที่ได้ยินคำตอบของเฟยหลงได้นิ่งเงียบเเล้วมองกลับมาด้วยท่าทางน่าสงสารเเบบว่า
” รีบๆช่วยทีเถอะ ”
เฟยหลงที่เห็นดังนั้นก็ได้ถอนหายใจเเล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบกับหม้อปรุงยาหยูหง
” เจ้าปล่อยเศษเสั้ยวจิตวิญญาณตระกูลพยัคฆ์ตัวนั้นออกมาหน่อย ”
หม้อปรุงยาหยูหงก็ได้ทำตามที่เฟยหลงสั่งออกมาอย่างไม่ลังเลเเม้เเต่น้อย
เพราะมันรู้ว่าเฟยหลงต้องมีเเผนการบางอย่างอยู่อย่างเเน่นอนเมื่อเศษเสี้ยวจิตวิญญาณตัวนั้นกำลังถูกปล่อยออกมาเฟยหลงก็ได้กล่าวออกมาว่า
” เจ้าคงสามารถควมคุมไม่ให้มันทำลายพวกเราใช่ไหม ”
หม้อปรุงย่หยูหงที่ได้ยินเชนนั้นก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันเต็มไปด้วยความมั่นใจ
” เรื่องง่ายๆเเค่นี้ข้าทำได้อยู่เเล้ว ”
เฟยหลงก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
” งั้นก็ปล่อยมันออกมาเลย ”
หม้อปรุงยาหยูหวก็ได้กล่าวตอบรับ
” ได้เลย ”
ตอนนั้นเองที่เศษเสี้ยวจิตวิญญาณของพยัคฆ์ที่เฟยหลงได้จับมันขังเอาไว้ในพื้นที่มิติของหม้อปรุงยาหยูหงก็ได้ออกมาสู้สนามรบ
เเรงกดดันจากตัวมันได้เเผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้างเเม้มันจะเหลือเพียงเเค่จิตวิญญาณเเต่เเรงกดดันระดับนี้นั้นขอบเขตวิญญาณล้วนไม่สามารถต้านทานได้อย่างเเน่นอน
” โฮกกกกกกกกกกกกกกก “