เมื่อทั้งพวกซูซ้านได้ยินเช่นนั่นก็ได้กล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงงงงวย
” ทำไมท่านจงกล่าวออกมาเเบบนั้นเหรอ
ท่านพี่เฟยหลง ”
เฟยหลงได้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบเเละเต็มไปด้วยความสุข
” เจ้าคิดเหรอว่าเหล่ายอดฝีมือเผ่ามนุษย์ในอดีตนั้นไม่สามารถคาดการณ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ได้ ”
เฟยหลงได้หยุดไปก่อนที่จะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
” ปีศาจที่โง่เขลาตัวนั้นจะต้องพยาทฝ่าผนึกออกมาอจ่างเเน่นอนเเละเมื่อผนุกใกล้ที่จะพังทลายเมื่อไหร่เมื่อนั้นเเหละที่ค่ายกลจะทำงาน ”
ซูซ่านที่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้กล่าวถามต่อไปด้วยความสงสัย
” ทันมีค่ายกลอยู่ด้วยเหรอเเละค่ายกลนั้คือค่ายกลอะไรเหรอท่านพี่เฟยหลง ”
เฟยหลงได้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบโดยที่อีกมือกำลังถือเนื้อสัตว์อสูรย่าอยู่
” ข้าจะอธิบายง่ายๆเเล้วกันยอดฝีมือที่สร้างค่ายกลนี้คงคิดได้ว่าถ้าอนาคตผนึกที่ผนึกเผ่าปีศาจตนนี้เกิดพังทลายขึ้นมานั้นอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมาก ”
” เเละตั้งเเต่ที่ข้าเข้าไปอยู่ใกล้ๆกับบริเวณผนึกข้าก็สัมผัสได้ถึงค่ายกลนั้นอย่างเลือนลางเพราะสัมผัสวิญญาณของข้านั้นอยู่ในระดับต่ำมากเเล้วค่ายกลยังถูกอำพรางเอาไว้อย่างเเนบเนียน”
” ข้าเชื่อว่าปีศาจหน้าโง่นั้นก็คงไม่รู้หรอกว่าหลังจากที่มันโดนผนึกเเล้วนั้นยอดฝีมือเผ่ามนุษย์คนนั้นยังจะเตรียมเเผนสำรองเอาไว้ในสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ”
” ค่ายกลนั้นจะสร้างตราผนึกบางอย่างที่จะลดกดขอบเขตพลังของคนที่ถูกตราผนึกนี้ประทับไว้ซึ่งจะได้มากน้อยเเค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับตัวคนสร้างเเละวัตถุดิบที่ใช้
เฟยหลงได้เงยหน้ามองท้องฟ้าก่อนจะถินหายใจออกมาด้วยความเสียดายเเล้วที่จะกล่าวออกมาว่า
” เเละอีกอย่างค่ายกลนั้นก็ถูกสร้างขึ้นมานั้นจะเรียกได้ว่าเเทบจะสมบูรณ์แบบเลยก็ได้สามารถชายคนนั้นว่าอัฉรินะได้อย่างเต็มปาก ”
เจียหงที่ได้ยินดังนั้นก็ได้กล่าวออกมา
” งั้นคนที่คิดค้นค่ายกลนั้น…………… ไม่เเน่ว่าอาจจะเป็นตาเเก่ที่ไหนในอดีตก็ได้ ”
เฟยหลงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงไอออกมาอย่างรวดเร็ว
” เเค่ก เเค่ก เเค่ก ”
ซูซ่านกับเสี่ยวไป๋ที่เห็นอย่างนั้นก็ได้กล่าวถามว่า
” ท่านพี่เฟยหลงเป็นอย่างไรบ้าง ”
” พี่ใหญ่เป็นอะไร ”
เฟยหลงได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เเปลกๆราวกับกลั้นหัวเราะเอาไว้
” ไม่……………ข้าไม่เป็นไรหรอก ”
ที่เฟยหลงเป็นเเบบนี้เพราะว่าตัวเขานั้นรู้จักกับคนที่คิดค้นค่ายกลนี้ขึ้นมานั้นเอง
ในอีดตนั้นตัวเฟยหลงได้มีสหายที่เเท้จริงอยู่ไม่มากซึ่งเเต่ละคนนั้นก็มีนิสัยเเปลกประหลาดมากหนึ่งในนั้นก็คือชายที่ได้ชื่อว่าจักรพรรดิค่ายกล จวิ้นฟู่
เป็นสหายเเปลกๆคนหนึ่งของเฟยหลงในชีวิตที่เเล้วตัวจวิ้นฟู่นั้นเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในด้านค่ายกลอย่างมากจนขนาดตัวเขาก็ต้องรู้สึกตกตะลึง
ชายคนนั้นเเม้ว่าจะมีพรสวรรค์ที่เรียกได้ว่าสั่นสะเทือนสรวงสวรรค์เเต่สิ่งที่ตัวจวิ้นฟู่นั้นมีสิ่งที่รักยิ่งกว่าค่ายกลอยู่นั้นก็คือหน้าตาเเละเสื้อผ้าของเขา
ชายคนนั้นเกลียดการถูกคนมากล่าวถึงอายุของตนเองมากที่สุดเเละเเม้ว่าจวิ้นฟู่นั้นจะมีชีวิตอยู่มานับพันปีเเล้วเเต่ด้วยความพยามจึงรักษาหน้าตาที่เรียกได้ว่าหล่อเหลาเป็นอย่างยิ่งไว้ได้
ซึ่งสิ่งที่เฟยหลงมีความสามารถที่โดดเด่นอยู่หลากหลายเเต่ที่โดดเด่นที่สุดคือด้านการต่อสู้เเละการปรุงยานั้ทำให้พวกเขาเป็นเพื่อนกัน
ส่วนด้านค่ายกลนั้นเฟยหลงได้เรียนรู้จากสหายคนนั้น
เฟยหลงไม่อยากคิดเลยว่าถ้าสหายคนนั้นถูกเรียกว่าตาเเก่เเบบนี้จะเป็นอย่างไร…………….
พวกซูซ่านที่เห็นเฟนหลงเงียบไปจึงกล่าวออกมาด้วยความเป็นห่วงว่า
” ท่านพี่เฟยหลงเป็นอะไรไปเหรอ ”
” ท่านอาจารย์เป็นอะไรไปอีก ”
” พี่ใหญ่เป็นไรอะไรไป…….เหมือนโดนผีแก่ๆสิงเลย………… ”
เเต่เมื่อจะกล่าวต่อไปนั้นกลับโดนมือหนึ่งคว้าลำคอเอาไว้