เสี่ยวไป๋ที่เห็นอย่างนั้นก็มองเจ้าของมือนั้นเเละเห็นเฟยหลงกำลังยิ้มอย่างเยือกเย็ออยู่ก็ตะโกนออกมาว่า
” พี่สาวซูพี่สาวเจียงช่วยข้าด้วยพี่ใหญ่จะจับข้าไปเเล่เนื้อเเล้วต้มกิน ”
เฟยหลงได้มองเสี่ยวไปด้วยรอบยยิ้มที่ทำให้รู้สึกขนลุกกอ่นที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบราบกับกำลังกล่าวกับคนที่ตายไปแล้ว
” ช่วงนี้ข้าก็รู้สึกว่าเหมือนตัวข้าจะไม่ได้กินเนื้อสัตว์อสูตระกูลพยัคฆ์มานานเเล้วนะ ”
” ถ้าเจ้าต้องการอย่างนั้นข้าก็ไม่รังเกียจที่จะสนองความต้องการของเจ้านะเสี่ยวไป๋ ”
เสี่ยวไป๋ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้กล่าวตอบเฟยหลงกลับไปอย่างรวดเร็ว
” ข้าผู้เป็นสัตว์อสูรพยัคฆ์นั้นยังไม่ได้ท่องทะยานไปทั่วทุกมุมโลกเลยข้าไม่อยากลงไปเป็นส่วนหนึ่งของเมนูท่านนะพี่ใหญ่ ”
เฟยหลงที่ได้ยินดังนั้นก็ปล่อยเสี่ยวไป๋ลงกับพื้นก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรกว่าตอนเเรก
” เสี่ยวไป๋เจ้าจงจำเอาไว้นะว่าผู้บ่มเพาะที่ดีนั้นต้องใช้ความคิดให้มากหน่อยก่อนที่จะพูดไม่งั้นอาจจะกระทบกับพวกน่ารำคาญบางคนได้เเละจุดจบก็คง………….”
เมื่อเฟยหลงกล่าวถึงตรงนี้ก็ชิ้นิ้วไปทางเนื้อสัตว์อสูรที่ถูกย่างอยู่เสี่ยวไป๋ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่พวกเฟยหลงทานอาหารกันอย่างมีความสุขเสร็จเรียบร้อยเเล้วนั้นทางด้านปีศาจตนนั้นกำลังทำลายผนึกที่ผนึกมันเอาไว้อย่างบ้าคลั่ง
” ตู้ม ตู้ม ตู้ม ”
เสียงเหมือนกับมีอะไรบางอย่างปะทะกันอย่างรุนเเรงได้ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องสั่นหวั่นไหวไปเป็นระยะกว้างขวาง
” ไอผนึกบ้าเอ้ยขนาดอยู่มสเป็นพันปีเเล้วยังมีพลังเหลืออยู่เยอะกว่าที่ข้าคิดไว้อีก………… ไม่…. เสียเเรงที่สายคนนั้นจะเป็นคนคิดค้นไว้ ”
เวลาผ่านไปจนกระทั่งตัวผนึกนั้นก็ได้ส่งเสียงดังเหมือนกับกระจกที่กำลังร้าวเเละจะพังทลายลงในอีกไม่นาน
” แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก ”
ลวดลายตัวอักษรที่เเฝงไปด้วยเต๋าปิดผนึกนั้นกำลังสั่นคลอดเเละเริ่มที่จะเลือนลางขึ้นทึกทีทำให้ปีศาจตนนั้นเห็นว่าผนึกคงจะต้านเอาไว้ไม่ได้นานเท่าไหร่เเล้ว
” ในที่สุดข้าก็จะไม่โดนขังอยู่ในผนึกล้านี้อีกเเล้ว…………. ฮ่า ฮ่า ฮ่า ”
หลังจากที่ปีศาจตนนั้นกำลังหัวเราะ
” จงหายไปซะไอผนึกบ้า ”
สิ้นสุดเสียงตะโกนตัวผนึกได้ค่อยๆพลังทลายลงเเละทำให้ปีศาจตนนั้นกำลังหลุดออกจากการที่ถูกคุมขังเอาไว้นานนับพันปีเเต่เเล้วตอนนั้นเองทีาได้ปรากฏเเสงเจิดจ้าขึ้นใต้เท้าที่ปีศาจตนนั้นยืนอยู่
ตัวโซ่สีน้ำตาลได้ผุดขึ้นมาขากดินเเล้วเข้าล้อมตัวปีศาจตนนั้นที่กำลังดีใจเนื่องจากมันสามารถหลุดออกมาจากการถูกจองจำเป็นพันปีนั้นได้เลยไม่ได้ระวังตัวอะไรมากนัก
เพราะมันคิดว่าในที่เเห่งนี้นอกจากตัวมันเเล้วคงไม่มีคนอื่นอยู่เเละสามารถลอบโจมตีได้อย่างเเน่นอน
เเต่ถึงอย่างนั้นในเวลาชั่วพริบตาโซ่เหล่านั้นก็ได้มัดเเขนเเละขาของปีศาจตนนั้นอย่างหนาเเน่นจนไม่สามารถหลุดออกไปได้
ปีศาจตนนั้นได้คำรามออกมาอย่างโกรธเเค้นเพราะมันรู้สึกว่าหลังจากที่โดนโซ่เส้นนี้มัดเอาไวเเเล้วนั้นมันรู้สึกถึงขอบเขตพลังที่เริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว
” เจ้าพวกมนุษย์จอมเจ้าเล่ห์บังอาจวางกับดักเอาไว้ในสถานการณ์ที่ข้าวามารถออกมาจากผนึกได้อีกงั้นเหรอ ”
ระหว่างที่มันกำลังคำรามออกมาด้วบความโกรธนั้นก็ได้มีเสียงหนึ่งดังนั้นมา
” ปีศาจอย่างเจ้านั้นคงคาดไม่ถึงสิว่าจะมีค่ายกลอื่นนอกจากค่ายกลที่ไว้ผนึกเจ้าเเฝงตัวอยู่รอคอยโอกาศที่ผนึกถูกทำลายจัดการกับเจ้าใช่ไหม ”
เมื่อปีศาจเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าของมันนั้นก็ได้คำรามออกมาด้วยความฏโกรธราวกับมีใครไปสังหารบิดามัน
” เจ้ามนุษย์ที่ต่ำต้อยเป็นเจ้าอีกเเล้ว ”
คนที่เดินออกมาจากเงามืดนั้นก็คือเฟยหลงนั้นเองเเละที่ตัวเขานั้นสามารถปรากฏตัวออกมาได้เพราะว่าหลังจากที่การต่อสู้กับกองทัพซากศพจบลง
เฟยหลงได้ช่วยซ่อมเเซมหม้อปรุงยาหยูหงโดยใช้วัตถุดิบที่หามาได้จากในเมืองชายเเดนที่มีร้านขายสมบัติต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็นเเร่ต่างๆ
เเละเข้าไปในพื้นที่มิติเเล้วให้หม้อปรุงยาหยูหงบินมาส่งซึ่งมันรวดเร็วกว่าการเดินทางครั้งก่อนอย่างเเน่นอน