ซึ่งทางด้านเฟยหลไม่ได้ฟังเสียงบ่นของเสี่ยวไป๋เเล้วเเอบเข้าไปในคฤหาสน์อย่างเงียบเชียบ
โดยหลังจากที่เฟยหลงใช้สัมผัสวิญญาณตรวจสอบทั้งคฤหาสน์ได้อย่างง่ายดายเพราะสัมผัสวิญญาณของเฟยหลงตอนนี้นั้นเเข็แกร่งกว่าตอนที่อยู่ในขอบเขตวิญญาณ
บวกกับที่เฟยหลงเป็นนักปรุงยาที่ต้องใช้พลังวิญญาณในการหลอมเม็ดยาเเล้วด้วยพลังวิญญาณตอนที่อยู่เป็นเซียนนั้นสามารถใช้งานได้เพียงส่วนเล็กๆของมันเท่านั้น
เเต่สำหรับขอบเขตหลอมรวมเเล้วนั้นเรียกได้ว่าเป็นพลังวิญญาณจำนวนมหาศาล
” อืม………..ดูเหมือนว่าพวกนางจะบ่มเพาะกันอย่างสงบอยู่ในตอนนี้ ”
เฟยหลงได้เเอบเข้าไปในห้องขนาดเล็กห้องหนึ่งในคฤหาสน์เมื่อเดินตามสัมผัสวิญญาณไป
ก็พบกับประตูลับเเต่มันมีค่ายกลป้องกันอยู่ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เฟยหลงอาจจะต้องใช้เวลามนการปิดค่ายกลนี้เล็กน้อยเเต่เมื่อมาถึงขอบเขตหลอมรวมค่ายกลที่ถูกวางโดยปรามจารย์ค่ายกลระดับเหลืองขั้นกลาง
นั้นไม่อาจจะหยุดเฟยหลงเมื่อเปิดออกก็พบกับพลังปราณธรรมชาติมากกว่าด้านนอกอย่างเห็นได้ชัดเเละพบกับซูซ่านเละเจียหงกำลังพบเพาะอย่างสงบอยู่
เฟยหลงก็ได้ตัดสินใจทดสอบบางอย่างโดยใส่เสื้อคุลมสีดำและปิดกันพลังปราณเอาไว้ก่อนจะเปิดประตู
ซึ่งเเน่นอนว่าเมื่อเฟยหลงเปิดประตูนั้นทั้งสองก็สัมผัสได้ว่ามีคนเปิดประตูลับบานนั้นออกมาซึ่งเเปลว่าค่ายกลที่ปกป้องอยู่คงถูกทำลายไปแล้ว
ทั้งสองได้หยิบอาวุธออกมาจากถุงมิติก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่โดยไม้รอช้าพรอ้มกับกล่าวถามออกมาว่า
” เจ้าเป็นใคร ”
” เจ้ามีจุดประสงค์อะไร ”
ก่อนที่เฟยหลงจะกระโดดลงมานั้นตัวเฟยหลงได้ลดขอบเขตพลังให้เหลือเพียงเเค่ขอบเขตวิญญาณขั้นสูงสุดซึ่งตอนนี้นั้นตัวซูซ่านเเละเจียหงก็อยู่ที่ขอบเขตวิญญาณขั้นสูงสุดเเล้ว
ด้วยเม็ดยาที่ส้รางจากผลวารีพิสุทธิ์ของเฟยหลงเเละการที่ทั้งสองผ่านการต่อสู้กับทหารซากศพซึ่งถ้านับรวมศักยภาพในการบ่มเพาะเเล้วนั้นการที่ก่อนหน้านี้พวกนางอยู่ขอบเขตวิญญาณขั้นกลางเเล้วทะลวงเป็นขั้นสูงสุดอย่างรวดเร็วเฟยหลงก็ไม่เเปลกใจนัก
เฟยหลงได้เริ่มโจมตีด้วยความเร็วสูงสุด
” เคร๊ง เคร๊ง ”
เสียงอาวุธปะทะกันได้ดังขึ้นมาอย่างรวดเร็วทิ้งไว้เพียงเงาร่างที่กำลังต่อสู้อย่างรุนเเรง
เจียงหงเเละซูซ่านที่เห็นว่าเเม้ว่าพวกนางสองคนจะร่วมมือกันโจมตีเเต่ไม่สามารถกดดันชายในชุดคลุมสีดำได้เลยจึงกล่าวถามออกมาอย่างระมัดระวัง
” เจ้าเป็นใครกันเเน่ถึงได้เเอบเข้ามาที่นี้ ”
เฟยหลงได้เปลี่ยนเสียงของตนเอให้เเหบพร่าเเละให้ความรู้สึกอึดอัด
” เจ้าอยากรู้งั้นก็เอาชนะข้าให้ได้สิ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ”
เมื่อเจียงหงได้ยินดังนั้นก็กล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
” เเล้วลูกสัตว์อสูรตระกูลพยัคฆ์ละเจ้าเอามันไปไว้ไหน ”
เพราะเจียงหงจำได้ว่าเสี่ยวไป๋นั้นอยู่ด้านนอกคฤหาสน์เเละถ้าชายชุดดำคนนี้เข้ามาถึงด้านในห้องบ่มเพาะนี้ได้นั้นจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเสี่ยวไป๋
” เจ้ามหายถึงเจ้าเเมวนั้นหรือ……….ข้าก็จับมันมัดเอาไว้ซักที่นั้นเเหละ ”
เมื่อเจียงหงกับซูซ่านได้ยินเช่นนั้นก็ได้กล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย
” เเล้วทำไมเจ้าต้องทำอย่างนั้นละ ”
เฟยหลงที่อยู่ในชุดคลุมสีดำนั้นซูซ่านเเละเจียงหงสัมผัสถึงจิตสังหารจากตัวเฟยหลงที่สวมชุดคลุมสีดำไม่ได้เเต่กลับเข้ามาโจมตีพวกนางอย่างไม่รู้สาเหตุ
” ข้าบอกเเล้วว่าเจ้าอบากรู้ต้องเอาชนะข้าให้ได้ก่อน ”
เมื่อซูซ่านเเละเจียงหงได้ยินเช่นนั้้นก็ได้ได้เเต่เดินตามเกมที่เฟยหลงตั้งเอาไว้
ทั้งซูซ่านเเละเจียงหงได้ร่วมมือกันสกัดกั้นเฟยหลงเอาไว้เเต่ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ทั้งสองก็เริ่มจะเสียเปรียบมากขึ้นจนกระทั่งเฟยหลงเล็กเห็นช่องว่างของพวกนาง
เเละตัดสินใจพุ่งเข้าประชิดตัวซูซ่านอย่างรวดเร็วเจจียงหงที่เห็นดังนั้นก็ได้ตะโกนเตือนซูซ่านว่า
” ระวังน้องสาวซู