เสี่ยวไป๋ที่ได้ยินคำพูดจองเหบ่าผู้บ่มเพาะนั้นก็ถามเฟยหลงกด้วยท่ทางที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอันเจิดจ้า
” พี่ใหญ่ท่านข้าว่าท่านควรออกไปเเสดงฝีมือดีกว่าไหมในเมื่อมีคนจ่ายค่าตอบเเทน ”
เฟยหลงที่ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ว่า
” เจ้าจะรีบไปทำไมข้าควรปล่อยให้พวกเขาได้ลิ้มรสถึงพลังของค่ายกลทั้งสองก่อนเเล้วข้าค่อยปรากฏตัวตอนที่พวกเขากำลังหมดหวัง……….ไม่คิดว่ามันดีกว่าอย่างนั้นเหรอหรือบางทีข้าอาจจะไม่ต้องลงมือก็ได้ ”
้เมื่อเฟยหลงกล่าวถึงตรงนี้นั้นก็ได้หัวเราะออกมาด้วยความสุข
” เเต่ต้องรอให้พวกเขาเพิ่มรางวัลก่อน ”
เสี่ยวไป๋ที่ได้ยินเเผนการของเฟยหลงนั้นก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวชื่นชม
” สมกับเป็นพี่ใหญ่ท่านช่างเจ้าเล่ห์เหมือนกับสุนัขจิ้งจอกเฒ่าที่มีอายุมาหลายหมื่นปี ”
เฟยหลงที่ได้ยินคำชมของเสี่ยวไป๋ก็ได้จับตัวเสี่ยวไป๋ไว้เเล้วโยนลงไปในเเม่น้ำเเห่งสมบัติโบราณอย่างรวดเร็วขนาดที่ว่าเสี่ยวไป๋ไม่ทันตั้งตัว
” ตู้ม ”
เสียงเหมือนกับอะไรตกลงไปในน้ำอย่างรุนเเรงนั้นำม่ได้เป็นที่สนใจเพราะว่าเสียงพูดคุยของเหล่าผู้บ่มเพาะเเละการประกาศหาปรมาจารย์ค่ายกลนั้นได้กลับไปหมด
เเล้วในตอนนั้นเองที่มีชายหนุ่มที่ใส่ชุดสีขาวคนหนึ่งได้เดินออกมาจากฝูงชนเเล้วกล่าวออกมาว่า
” พวกเจ้าหลีกทางให้ข้าหน่อยเร็วเข้า ”
คนที่ถูกชายหนุ่มที่ใส่ชุดสีขาวเบือดก็ได้กล่าวออกมาด้วยความหงุดหงิด
” เจ้าจะเบือดเข้ามาทำไม ”
ชายหนุ่มหน้าชุดสีขาวที่ท่าท่างเต็มไปด้วยความร่าเริงก็ได้กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก
” ก็พวกท่านเรียกหาอะไรอยู่ละ ”
ผู้บ่มเพาะคนนั้นก็ได้กล่าวตอบกลับไปด้วยท่านทางขุ่นเคือง
” ก็พวกข้ากำลังหาปรมาจารย์ค่ายกลระดับสีเหลืองขั้นต่ำเพื่อมาทำลายค่ายกลที่ขวางกั้นพวกเราไม่ให้เข้าไปด้านในวิหารโบราณ ”
ชายหนุ่มชุดขาวที่ได้ยินดังนั้นก็ได้ยิ้มเเล้วกล่าวตอบกลับ
” ข้าก็เป็นปรมาจารย์ค่ายกลเหมือนกันให้ข้าช่วยไหม……………. ”
ุ้ผู้บ่มเพาะคนนั้นเมื่อได้ยินคำกล่าวของชายหนึ่มชุดขาวคนนั้นก็ได้กล่าวออกมาด้วยท่าทางเหยียดหยาม
” ถึงเจ้าจะเป็นปรมาจารย์ค่ายกลก็ตามเเต่ด้วยอายุของเจ้าเเล้วคงอยู่เพียงเเค่ระดับสีเเดง……….. ”
เเต่เมื่อกล่าวถึงตรงนี้นั้นผู้บ่มเพาะคนนั้นกำลังเห็นชายหนุ่มคนนั้นกำลังค้นหาของอะไรบางอย่างอยู่ในประเป๋ามิติ
” นี่ข้าทำของสิ่งนั้นหายไปไหนละเนี่ย ”
ผู้บ่มเพาะคนนั้นเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มชุดขาวคนนั้นไม่ได้ฟังสิ่งที่ตนเองได้กล่าวออกมาเลยจึงเลิกสนใจเเล้วยืนรออย่างเงียบๆ
ชายหนุ่มชุดขาวคนนั้นก็ยังคงหาต่อไปตนกระทั่ง
” อ่า………… มันมาอยู่ตรงนี้เองว่าทำไมข้าหาไม่เจอ ”
ในมือของชายหนุ่มชุดขาวคนนั้นได้ปรากฏกล่องไม้ธรรมดาใบหนึ่งผู้บ่มเพาะคนเดิมที่ได้ยินเสียงของชายหนุ่มชุดขาวก็ได้หันกลับมามอง
เเต่เมื่อเห็นกล่องไม้ธรรมดาก็เลิกสนใจเเล้วจะหันกลับไปเเต่เมื่อเห็นสิ่งของที่อยู่ด้านในกลับตกตะลึงอย่างมาก
” นี่มัน………….. บัตรยืนยันสถานนะปรมาจารย์ค่ายกล………. ระดับสีเหลืองขั้นต่ำ ”
เมื่อเห็นสิ่งต่างๆที่เขียนไว้บนบัตรเเล้วผู้บ่มเพาะคนนั้นก็ได้ยืนนิ่งด้วยความตกตะลึงชายหนุ่มชุดขาวไม่ได้สนใจเเล้วตะโกนถามออกไป
” เเล้วถ้าข้าละพอจะสามารถทำงานที่พวกเจ้าบอกได้ไหม ”
พร้อมกับโบกมือที่ถื่อบัตรเเสดงสถานะไปมาผู้บ่มเพาะนั้นสามารถเห็นรายละเอียดข้างบนนั้นก็กล่าวออกมาด้วยความตกใจ
” นั้นมันปรมาจารย์ค่ายกลระดับสีเหลืองขั้นต่ำ”
” ดูเเล้ว…………. อายุเเค่ไม่น่าจะเกินสิบเจ็ดปีเเต่กลับเป็นถึงปรมาจารย์ค่ายกลระดับสีเหลืองขั้นต่ำ ”
เเล้วในหมู่ผู้บ่มเพาะก็ได้มีคนกล่าวออกมาว่า
” งั้นพวกเราก็สามารถเข้าไปด้านในวิหารโบราณนั้นได้เเล้วใช่ไหม “