เหล่าผู้บ่มเพาะที่ได้ยินดังนั้นก็มองประตูของวิหารโบราณด้วยความคาดหวังทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนเเปลง
” มันเกิดอะไรขึ้น ”
” เจ้าไม่รู้เเล้วจะถามข้าทำไมข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ”
” เอ่อ…………. ”
หลินหยางที่เห็นเหล่าผู้บ่มเพาะเเสดงท่าทางอย่างนั้นก็ได้กล่าวออกมาว่า
” ข้าคนนี้ขอบอกพสกเจ้าเลยว่าค่ายกลนี้นั้นถูกหยุดไว้ชั่วคราวเเล้วอย่างเเน่นอน ”
เเต่เหบ่าผู้บ่มเพาะรอบๆนั้นก็ได้มองตัวหลินหยางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยเเละความเคลือบเเคลงใจ
หลินหยางที่เห็นดังนั้นก็ได้กล่าวออกมาด้วยท่ทางราบเรียบ
” ในเมื่อพวกเจ้าไม่เชื่องั้นข้าคนนี้จะเป็นคนพิสูจน์เองว่าค่ายกลที่ขวางกั้นเอาไว้ได้หายไปเเล้ว ”
เมื่อกล่าวจบหลินหยางก็ได้เดินเข้าไปยังประตูวิหารโบราณด้วยความั่นใจโดยเมื่อหลินหยางยื่นมือออกไปเเตะประตูวิหารโบราณก็ได้เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น
” ตู้มมมมมมมมมมมมม ”
เเรงระเบิดที่กระสามารถทำให้ขอบเขตวิญญาณตายได้อย่่างง่ายดายได้โดนหลินหยางเต็มๆ
เเต่หลินหยางนั้นไม่ได้ประมาทเเม้เเต่น้อยเพราะตอนที่เกิดระเบิดหลินหยางได้เตรียมป้องกันสิ่วที่ไม่คาดคิดไว้เเล้ว
ส่วนประตูขอวิหารโบราณได้ถูกเปิดออกมาเเล้ว
ตอนนี้ตัวของหลินหยางได้มีรอยเปื้อนเล็กน้อยซึ่งบนเเขนเสื้ยของเขาก็มีรอยไหม้อยู่ประปรายเเต่หลินหยางไม่ได้สนใจเเล้วกล่าวออกมาด้วยท่าทางโล่งอก
” ข้าก็ว่าเเล้ว………… ถึงค่ายกลจะถูกหยุดเอาไว้ชั่วคราวไปเเล้วเเต่กลับมีกับดักอย่างอื่นอยู่อีกข้าว่าคนที่สร้างสิ่งเหล่านี้นั้นคงจะเป็นพวกสติไม่สมประกอบเท่าไหร่ ”
หลังจากนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยท่าทางของผู้ชนะ
เหล่าผุู้คนที่อยู่รอบๆนั้นกลับรู้สึกเป็นใบ้เมื่อเห็นเหตุการณ์เเล้วได้ยินคำพูดของหลินหยางพวกเขาได้เเอบคิดอยู่ในใจว่า
” ข้าว่าคนที่หัวเราะอยู่อย่างเจ้าทั้งที่โดนระเบิดไปนั้นก็คงจะสติไม่สมประกอบเหมือนกับคนสร้างที่เเห่งนี้เเน่ ”
เเต่เเน่นอนว่าพวกเจาเพียงเเค่คิดไม่ได้กบ่าวอะไรออกมาเพื่อเติมเพื่อที่จะไม่ได้สร้างความขัดเเย้งกับหลินหยาง
ทางด้านหลีเหวินที่เห็นหลินหยางนั้นทำสำเร็จก็ไม่ได้พูดอะไรมากเเล้วเริ่มที่จะเข้าไปด้านในเป็นคนเเรกหลินหยางที่เห็นดังนั้นก็ได้เดินตามเข้าไป
เหล่าผู้บ่มเพาะนั้นไม่ได้มีเเม้เเต่คนเดียวที่เเสดงท่าทางที่ไม่พึงพอใจ
เเล้งคอ่ยทยอยเดินตามเข้าไปเพราะว่าพวกเขายังจำค่ายกลตรงประตูทางเข้าวิหารโบราณได้อยู่
ท่าทางของเหล่าผู้บ่มเพาะได้ระมันระวังอย่างมากเพราะถึงเเม้จะอยากได้สมบัติเหล่านั้นมาครอบครองเเต่ไม่มีชีวิติยู่ต่อที่จะได้ใช้มันก็สูญเปล่า
ทางด้านพวกเฟยหลงที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้จากระยะบนผืนดินของฝั่งเเม่น้ำก็ได้มีเสียงของเจียงหงกล่าวถามขึ้นมา
” ท่านอาจารย์ท่านไม่รีบตามพวกเขาเข้าไปละ ”
เฟยหลงที่ได้บินดังนั้นก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสบายๆเหมือนกำลังมาเดินเล่น
” ไม่ต้องรีบหรอก…………. พวกเจ้าคิดว่าค่ายกลเเละกับดักเหมือนกับทางเจ้าจะมีเเค่ที่เดียวอยางนั้นเหรอ ”
” อีกอย่างพวกเขาไม่รู้ว่าตรงไหนซ่อนสมบัติล้ำค่าเอาไว้ได้เเต่เดินไปอย่างไร้จุดหมายเท่านั้น ”
เมื่อเฟยหลงกล่าวถึงตรงนี้ก็ได้ทุ่งหน้าไปยังประตูวิหารโบราณที่ตอนนี้เหล่าผู้บ่มเพาะทั้งหลายรวมถึงพวกหลินหยางได้เข้าประตูไปเเล้วพร้อมกัยกล่าวออกมา
” เเต่ข้ารู้ทางลับที่จะพาพวกเราเข้าไปพวกเจ้าตามข้ามาเถอะ ”
เมื่อเฟยหลงกล่าวจบก็ได้มีเสียงของซูซ่านที่กล่าวถามออกมา
” ท่านพี่เฟยหลงเเล้วเสี่ยวไป๋……… พวกเราไม่รอมันหน่อยเหรอ”
เมื่อฟยหลงได้ยินซูซ่านพูดเกี่ยวกับเสี่ยวไป๋ที่ตัวเฟยหลงได้โยนมันลงไปใต้เเม่น้ำเเห่งสมบัติโบราณจึงกล่าวออกมาว่า
” ข้าตกลงกับเสี่ยวไป๋ว่ามันมันไปทำเรื่องบางอย่างให้อีกไม่นานมันคงจะตามมาเอง ”
เฟยหลงที่กล่าวออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนเเม้เเต่น้อยราวกับเรื่องที่กล่าวออกมาเป็นความจริงทุกประการ……….. เเม้จะเเอบต่อเติมเล็กน้อย