ระหว่างนั้นหลินหยางได้กล่าวไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งรู้สึกถึวมือที่มาจับบนไหล่ก็กล่าวออกมาว่า
” หลีเหวินเจ้าจะมาจับไหล่ข้าทำไมกันละ ”
หลินหยางที่รู้สึกได้ถึงมือที่จับบนไหล่ของตนเองก็ได้หันกลับไปก่อนที่จะพบกับชายคนหนึ้งที่มีหน้าตาซีดเซียวเต็มไปด้วยความบิดเบี้ยว
มีร่องรอยการเเทะกินของหนอนที่กำลังชอนไชไปทั่วร่างกายหลินหยางที่เห็นดังนั้นก็ได้เเต่นิ่งอึ้งก่อนที่จะกล่าวประโยคที่เเปลกๆออกมา
” ไม่ทราบว่าเจ้ากับข้าเคยพบกันมาก่อนเหรอ ”
ชายที่ดูเหมือนซากศพเดินได้นั้นไม่ได้ตอบเเล้วมองหน้าหลินหยางราวกับต้องการทำให้หลินหยางตกใจเเต่หลินหยางกลับใจเย็นราวกับน้ำเเข็งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
” ดูจากหน้าตาเเล้วนั้นข้าว่าเราคงไม่ได้พบกันมาก่อนเเน่นอนงั้น……………. ข้าขอตัวลาละ ”
เมื่อกล่าวจบหลินหยางก็ได้วิ่งไปอย่างรวดเร็วหายไปจากสายตาของชายที่ดูเหมือนซากศพคนนั้น
หลินหยาวได้วิ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วจนกระทั่งรู้สึกว่าตัวเขาวิ่งมาไกลพอควรเเล้วจึงหยุดลงก่อนที่จะหันหลังกลับไปดูว่าชายที่ดูเหมือนซากศพนั้นตามมาหรือไม่
” ดูเหมือนจะไม่ได้ตามมา………… เล่นมายืนเป็นเพื่อนข้าเเบบนี้ถ้าเป็นผู้บ่มเพาะที่จิตใจอ่อนอเเอละมีหวังตกใจตายก่อนเเน่นอน ”
เมื่อหลินหยางกล่าวถึงตรงนี้ก็ได้นึกว่าในเมื่อตัวเขามาอยู่กับชายที่ดูเหมือนซากศพเเล้วหลีเหวินละ
ทางด้านหลีเหวินเมื่อได้เดินเคียงข้างกับหลินหยางมาตอนเเรกเมื่อสัมผัสได้ว่าอยูาหลินหยางก็ได้หายไปจึงเริ่มระวังตัวอย่างมาก
” ที่เเห่งนี้มันอะไรกันเเน่อะไรที่ทำให้เจ้าหลินหยางนั้นมันหายตีวไปอย่างเียบเชียบไร้เสียงเม้เเต่ข้าก็ไม่สามารถสัมผัสได้เลย ”
จนกระทั่งตอนนั้นเองที่อยู่ก็มีเงาหนึ่งกระโจนออกมาจากหมอกเเล้วพุ่งเข้าใส่ตัวหลีเหวินทางด้านหลีเหวินที่สัมผัสได้จึงเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้
เเละเมื่อสิ่งนั้นปรากฏออกมากลับกลายเป็นว่ามันกลับเหมือนสิ่งที่หลินหยางได้เจอนั้นก็คือชายที่ดูเหมือนซากศพซึ่งปรากฏตัวออกมายืนมองหลีเหวิน
หลีเหวินที่เห็นดังนั้นก็ได้เริ่มคิดวางเเผนต่างๆนาๆในสมองอย่างบ้าคลั่ง
” เจ้าสิ่งนี้มันอะไรกันทำไมมันถึงโผล่มาอยู่ตรงหน้าของข้าเเล้วไม่ได้ลงมือทำอะไรสักอย่างเอาเเต่จ้องอยู่อย่างนั้น ”
” ต้องทำไงดีจะหนีจากมันหรอืว่าจะลองโจมตีมันดีละ ”
หลีเหวินได้คิดไปมาจนกระทั่งอยู่ๆชายมี่ดูเหมือนซากศพคนนั้นได้หายตัวไปเเล้วหลีเหวินที่เห็นเเบบนั้นก็ได้เเต่กล่าวออกมาด้วยความแปลกใจ
” ไอตัวบ้านั้นมันจะโผล่มาเเล้วจ้องมองข้าก่อนที่จะจากไปอย่างนั้นเหรอสรุปเเล้วมันมีจุดประสงค์อะไรกันเเน่ ”
หลีเหวินที่คิดไปมาเเล้วสุดท้ายก็ไม่ได้อะไรมากมายจึงตัดสินใจเดินต่อไป
” คิดมากไปก็เท่านั้นเดินต่อไปดีกว่า……………. เเล้วไอเจ้าหลินหยางบ้านั้นมันหายไปำหนเเล้วละ……………. อย่สงน้อยถ้ามีเจ้านั้นอยู่ก็พอที่จะช่วยกันระวังหลังให้กันได้อยู่ ”
เเม้จะเห็นหลีเหวินไม่ได้ขอบหน้าหลินหยางมากนักเเต่หอโอสถกับหอค่ายกลนั้นเป็นจุมพลังที่ติดต่อกันไปมาบ่อยครั้งทำให้มีความสัมพันธ์ที่ดีไม่น้อย
เเละพวกเขาที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะนั้นก็เป็นต้องรู้จักกันเพราะในงานสำคัญบางอย่างเหล่าผู้อาวุโสได้พาตัวหลีเหวินไปด้วยเเละทั้งสองได้พบกันบ่อยครั้ง
เเต่เป็นหลินหยางที่ชอบไล่ตาทหลีเหวินเเล้วบอกว่าต้องการเป็นสหายด้วยสลัดอย่างไรก็ไม่หลุดราวกับปลิงตัวหนึ่งจนทำให้นานเข้าหลีเหวินจึงทำเป็นเฉยชากับหลินหยางที่เเสดงท่าทีอย่างนั้น
ทางด้านเฟยหลงที่เดินเข้ามาถึงหน้าประตูวิหารโบราณก็ได้ใช้มือลูบหากลไกอะไรอบ่างอย่างจนกระทั่งมีเสียง
” ครึก ”
ประตูวิหารโบราณได้เปลี่ยนเเปลงไปโดยที่ลวดลายบนประตูนั้นเปร่งประกายขึ้นมาเฟยหลงที่เห็นดังนั้นก็ได้กล่าวกับพวกซูซ่านว่า
” พวกเราก็เข้าไปด้านในเถอะ