บทที่ 56 โจรขโมยผัก
หลังจากนั้นในหมู่บ้านลู่หัวอนิเมชั่นศิลปะการต่อสู้ก็ได้กลายเป็นเทรนด์ที่ร้อนแรงทันที โดยเฉพาะในหมู่เด็กผู้ชายในโรงเรียนประถมลู่หัว ทุกคนอดใจรอไม่ได้ที่จะให้ถึงวันฉายครั้งต่อไปเร็วๆ และเมื่อถึงวันนั้นเด็กๆจะกลิ้งไปรอบๆและขอร้องให้พ่อแม่พาพวกเขาไปที่บ้านของพี่ชายหยูเพื่อชมภาพยนตร์ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ไกลแค่ไหนหากพวกเขาไม่ได้ดูหนัง พวกเขาจะไม่สามารถไปคุยกับเพื่อนร่วมชั้นในโรงเรียนครั้งต่อไปได้เลย?
โจวหยูเองก็ไม่ทำให้พวกเด็กผิดหวัง ทุกครั้งที่ถึงวันฉายจะมีการเล่นอนิเมชั่นเกี่ยวกับการต่อสู้ทุกประเภท มันยิ่งทำให้ใจเด็กน้อยทุกคนตื่นเต้น จนถึงกับที่พวกเขาทั้งหมดต้องการที่จะขึ้นเขาไปหาชายแก่ที่มีเคราสีขาวและเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้จากอีกฝ่าย หลังจากนั้นพวกเขาก็จะกลับลงเขาและเริ่มที่จะต่อสู้เพื่อความยุติธรรม
แต่มันก็เป็นอะไรที่น่าเสียดายที่เรื่องแบบนี้มันเป็นเพียงความฝันเท่านั้น มันไม่สามารถทำได้จริงๆ แต่ถ้าใครอยากจะทำเรื่องนี้ขึ้นมาจริงๆ พวกเขาอาจจะต้องเตรียมตัวที่จะได้รับบาดเจ็บเอาไว้ด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่มีกลุ่มเด็กๆต่างก็พยายามแสดงท่าทางปีนกำแพงและกระโดดลงไปเพื่อแสดงทักษะตัวเบาออกมา พวกเด็กๆเหล่านี้มักจะถูกโดยหัวหน้าหมู่บ้านลากออกไปตีในที่สุด
………
แปลงผักขนาดเล็กเองก็ค่อยๆเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวอีกครั้ง ในทุกสามหรือห้าวันชาวบ้านของหมู่บ้านมินิลู่หัวจะรวมตัวกันหนึ่งครั้ง และพ่อครัวจำเป็นอย่างโจวหยูก็จะเป็นคนปรุงพวกมันขึ้นมา บ้างครั้งผักกาดหอมที่ปรุงสุกแล้วก็ถูกล้างหั่นให้เป็นชิ้นแล้วก็จิ้มในซอส ถือว่าเป็นโชคดีอยู่บ้างที่ทุกคนไม่ได้จู้จี้จุกจิกเกี่ยวกับอาหารมากนัก พวกเขาเพียงแค่ต้องอดทนกับมันในขณะนี้เท่านั้น
คืนนี้หลังจากงานเลี้ยงหมู่บ้านจบลง โจวหยูก็ตรงเข้านอนทันที
อย่างไรก็ตามในช่วงกลางดึกก็ได้มีเสียงรบกวนดังขึ้น ดูเหมือนว่ามีคนกำลังตะโกนว่ามีขโมยในหมู่บ้านมินิลู่หัว และนั้นทำให้ชาวบ้านทุกคนตื่นขึ้นมา
โจวหยูเองก็รีบหาชุดคลุมของตัวเอง ก่อนที่จะรีบวิ่งออกจากบ้านของเขา เขาที่ยังตื่นเพียงครึ่งเดียวก็คิดว่าใครกันที่กล้ามาบุกเข้าไปในบ้านของชาวบ้านคนอื่นกัน
นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับสิ่งนี้ในหมู่บ้าน แม้ว่าเขาจะอยู่ในหมู่บ้านนี้มานานกว่าหนึ่งปีแล้วก็ตาม แต่เขาก็ไม่เคยเจอกับเหตุการณ์อย่างนี้มาก่อน เพราะท้ายที่สุดแล้วชาวบ้านหลายคนที่นี้ต่างก็เคยเป็นทหารมาก่อนและหมู่บ้านลู่หัวเองก็มีประวัติทางทหารมายาวนาน
หลังจากที่สติของเขาเริ่มฟื้นมาเต็มร้อย มันก็ทำให้เขาพบว่าที่จริงแล้วบ้านที่ถูกบุกรุกนั้นไม่ใช่ของคนอื่น แต่เป็นบ้านของเขาเอง
หมู่บ้านมินิลู่หัวได้เกิดเหตุการณ์ที่ผิดปกติขึ้น จะเห็นได้ว่าทุกคนต่างก็มีอาวุธในมือและพร้อมที่จะเอาชนะโจรร้าย
จากการสอบถามทุกคน โจวหยูก็รู้ว่าคนแรกที่พบผู้บุกรุกนั้นก็คือราชามังกรเฒ่า อาจเป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายนอนไม่หลับตอนกลางคืนหรือบางทีเขาอาจต้องไปเข้าห้องน้ำ และในขณะที่เขาบินผ่านทุ่งผักเล็กๆนั้นเขาก็ได้เห็นเงาแปลกๆกำลังก้มอยู่ในแปลกผักและทำอะไรบางอย่าง หลังจากที่เห็นแบบนั้นเขาก็รีบไปแจ้งเรื่องนี้ต่อชาวบ้านทุกคนทันทีและเขายังได้กำชับให้ทุกคนล้อมรอบสวนผักแห่งนี้เอาไว้ ก่อนที่เขาจะบินไปเรียกโจวหยูมา
เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้และมีเพียงโจวหยูเท่านั้นที่ถือว่าเป็นชายร่างใหญ่เพียงคนเดียว หน้าที่จับโจรในครั้งนี้จึงตกเป็นของเขา
ถ้านี้มันเป็นขโมยในโลกแห่งความจริงโจวหยูอาจกลัว ในปีที่ผ่านมามีผู้คนจำนวนมากเริ่มที่จะมีความผิดปกติทางจิตบางอย่าง กรณีการโจรกรรมสามารถกลายเป็นคดีฆาตกรรมได้อย่างง่ายดาย ชีวิตสำคัญกว่าเงินเสมอ
ดังนั้นการซ่อนตัวในบ้านและเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แต่ในตอนนี้ขโมยคนนี้เป็นพลเมืองในโลก ACG มันจึงดูเหมือนจะไม่เป็นอันตรายมากนัก ถ้าเขาสามารถสื่อสารกับโจรคนนี้ ไม่แน่ว่าหมู่บ้านมินิลู่หัวอาจจะมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมา
“เฮ้! คุณมาจากไหน?”
และด้วยการที่มีผู้คนมากมายมาคอยสนับสนุนเขา โจวหยูจึงไม่กลัวมากนัก ดังนั้นเขาจึงได้ถามออกไปด้วยเสียงดัง เงาดำดูเหมือนจะไม่ได้ยินเขาเลย มันยังคงไม่เคลื่อนไหวอะไร มันยังคงมีแต่เสียงดังเหมือนกับว่ากำลังเคี้ยวอะไรอยู่ตลอดเวลา
ก่อนหน้านี้ราชามังกรเฒ่าเองก็ได้ตะโกนออกไปหลายครั้งแล้วแต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบกลับมา โดยปกติแล้วหลังจากที่อีกฝ่ายได้ยินเสียงอื่น มันก็ควรจะมีการตอบกลับอะไรมาบ้าง อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้อีกฝ่ายก็ยังไม่ได้ตอบกลับมาแต่อย่างใด นั้นทำให้โจวหยูสงสัยว่าโจรคนนี้ต้องการอะไร
เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรกลับมา โจวหยูก็ได้เปิดไฟฉายทันทีและสิ่งที่เขาเห็นมันก็ทำให้เขาพูดไม่ออกอย่างสมบูรณ์
มันไม่ใช่ว่าโจรคนนั้นกำลังเตรียมตัวหนีหรือเตรียมอาวุธแต่อย่างใด มันกับเป็นเพียงว่าอีกฝ่ายกำลังกินอะไรบางอย่างอยู่เต็มปากจนไม่สามารถพูดตอบกลับมาได้ก็เท่านั้น!
หัวขโมยคนนี้กำลังเคี้ยวกะหล่ำปลีหัวใหญ่ในขณะที่กำลังกอดมันอยู่ ฟันของเขานั้นดีมากจนสามารถกัดผักคำใหญ่ๆได้เพียงครั้งเดียว ทำให้กะหล่ำปลีที่มีขนาดใหญ่เท่ากับหัวของโจวหยูในก่อนหน้านี้ หายไปเกินครึ่งแล้วในตอนนี้ แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าการที่อีกฝ่ายสามารถกินได้ครั้งละใหญ่ก็คือขนาดของท้องของเขา
เมื่ออีกฝ่ายรู้สึกว่ามีคนจำนวนมากกำลังจ้องมองเขาอยู่ เขาก็รับหยุดการกินนี้ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ข้าต้องขอโทษที่ทำให้พวกเจ้าตกใจ! แต่โปรดเชื่อข้าเถอะ ข้าไม่ใช่โจรที่น่ารังเกียจพวกนั้น”
วิธีที่เพื่อนคนนี้พูดนั้นค่อนข้างสุภาพ แต่จากการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดแล้วโจวหยูรู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นเหมือนตัวละครหนูจากอนิเมชั่นทอมแอนเจอรี่มาก อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายกับแต่งตัวเหมือนนักผจญภัยตะวันตกยุคกลาง ด้วยหมวกปีกกว้างขนนกที่แปลกประหลาดบนหัวของเขาและดาบบางๆที่เอว
“ อย่างที่พวกเจ้าเห็นข้าเป็นนักเดินทางที่หลงทางเท่านั้น แต่น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้ข้าได้พลัดตกจากหน้าผาในระหว่างการต่อสู้กับมังกร ก่อนที่ข้าจะถูกพามาที่หมู่บ้านแห่งนี้โดยแม่น้ำ แม้ว่าข้าจะหิวมากและกระทำบางอย่างลงไป แต่มันก็ยังถือว่าเป็นสิ่งที่หยาบคายมากอยู่ดี ซึ่งแน่นอนว่าข้ายินดีจ่ายค่าผักนี้แน่นอน “
โจวหยูที่ได้ฟังแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าเรื่องที่อีกฝ่ายเล่ามานั้นเป็นจริงหรือไม่ ด้วยขนาดตัวเท่าหนูปกติอีกฝ่ายยังมีความไปกล้าท้ามังกร บางทีมังกรที่อีกฝ่ายพูดถึงมันอาจจะเป็นแค่จิ้งจกก็ได้
อย่างไรก็ตามโจวหยูไม่ต้องการการค่าชดเชยใดๆจากอีกฝ่าย มันเป็นเพียงกะหล่ำปลีหนึ่งหัวเท่านั้น ในตอนนี้เขากลับเป็นห่วงว่าหนูตัวน้อยนี้จะอยู่ในหมู่บ้านลู่หัวของเขาในอนาคตหรือไม่ตั้งหาก ดังนั้นเขาจึงถามว่า “คุณจะทำอะไรต่อไปในอนาคต? คุณวางแผนที่จะผจญภัยต่อไปหรือไม่?”
เมื่อหนูตัวน้อยถูกถามคำถามนี้ เขาก็รู้สึกหงุดหงิดมาก เขาส่ายหัวแล้วพูดว่า “เฮ้อ! ในตอนนี้ม้าที่ภักดีที่สุดของข้าถูกมังกรกินไปแล้ว การที่นักผจญภัยที่ไม่มีม้าคู่ใจ พวกเขาก็ไม่สามารถเดินทางต่อได้ ดังนั้นข้าคิดว่าจะอยู่ในหมู่บ้านนี้และเปิดผับขึ้น แต่ข้าไม่รู้ว่ามันโอเคกับเจ้าของที่ดินหรือไม่? “
แน่นอนว่ามันโอเค 100 เปอร์เซ็นต์! แม้ว่าโจวหยูจะไม่ทราบว่าจุดประสงค์ของผับคืออะไร แต่การที่มีชาวบ้านในโลกของ ACG เพิ่มขึ้น มันก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีเสมอ
ราชามังกรเฒ่าเองก็เห็นด้วยกับคำร้องขอของหนูตัวน้อยนี้ ดังนั้นหนูตัวน้อยก็ได้กลายเป็นสมาชิกใหม่ของหมู่บ้านมินิลู่หัวอย่างเป็นทางการ
เมื่อมีสมาชิกใหม่เข้าร่วม โจวหยูก็ดูข้อมูลของอีกฝ่ายได้
แจ็ค – นักผจญภัย ปลดล็อคอาชีพของนักผจญภัย ปลดล็อคผับและอาคารที่เกี่ยวข้องกับการผจญภัย ผู้เล่นสามารถจ้างนักผจญภัยเพื่อออกไปผจญภัยและอาจได้รับของหายาก
‘ไม่เลว! ไม่เลว!’ ด้วยผับนี้หมู่บ้านมินิลู่หัวจะไม่ดูเหมือนหมู่บ้านทรุดโทรมอีกต่อไป มันจะทำให้หมู่บ้านคึกคักอย่างแน่นอน แม้ว่าโจวหยูเป็นโอตาคุ แต่เขาก็ไม่ต้องการให้หมู่บ้านที่เขาสร้างนั้นน่าเบื่อ ดังนั้นการมีผับเกิดขึ้นในหมู่บ้านตอนนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องนี้อย่างมาก
ส่วนการปลดล็อคอาชีพของนักผจญภัยที่จะกล่าวมานั้น มันก็หมายความว่าในอนาคตเขาอาจจะได้รับกลุ่มนักผจญภัยของตัวเอง เมื่อถึงเวลานั้นเขาก็จะสามารถขอให้พวกผจญภัยพวกนั้นไปรวบรวมสิ่งของตามสถานที่ต่างๆได้ และนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขาในอนาคต
‘โอ้! นี่เป็นอะไรที่ดีจัง!’
เขาอารมณ์ดีมาในตอนนี้ อย่างไรก็ตามมันก็ถือว่าเป็นเวลาที่ดึกมากเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงขอให้ช่างไม้บีเวอร์และลิงช่างหิน ช่วยสร้างบ้านชั่วคราวให้แจ็คก่อน ในส่วนของการสร้างผับนั้นมันคงต้องรอให้เขามีที่เงินมากพอที่จะสร้างมันได้ ดังนั้นตอนนี้แจ็คต้องทนกับสภาพความเป็นอยู่แบบนี้ไปก่อน
……………………
ในวันนี้ผู้เล่นของเกม “สงครามแห่งพุดดิ้งถั่วเหลือง” ในที่สุดก็เห็นแพทย์อัพเดทใหม่ที่ถูกกล่าวถึงในตัวอย่างเกมก่อนหน้านี้
ในช่วงเวลาที่ฤดูหนาวอันหนาวเหน็บกำลังใกล้เข้ามา ฝ่ายรสเผ็ดก็ได้ออกมาในที่สุด และในที่สุดโลกของถั่วเหลืองก็ถูกแบ่งออกเป็นสามกลุ่มใหญ่ๆ ก่อนหน้านี้เนื่องจากความล้มเหลวของสงครามร่วมฝ่ายเค็มทำให้ภาคเหนือสูญเสียดินแดนจำนวนมาก แต่เมื่อชายหัวล้านอยากรวมโลกของพุดดิ้งถั่วเหลืองอีกครั้ง มันก็ทำให้กำเนิดฝ่ายของผู้ทรยศขึ้นมา
ทหารฝ่ายรถเผ็ดนั้นจะพูดด้วยภาษาเสฉวนเป็นหลัก พวกเขาจะสวมเครื่องแบบทหารสีแดง เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ใต้บังคับบัญชาคำพูดของเขาก็มักจะเป็นอะไรที่แผดเผาด้วยความกระตือรือร้นอยู่เสมอ นั้นจึงทำให้ฝ่ายนักสู้สีแดงต่างก็พร้อมที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้ตลอดเวลา
และพวกเขาเองก็มีวลีที่มักจะพูดเช่นกันว่า ‘พุดดิ้งถั่วเหลืองทั้งหมดที่ไม่ใช้รสเผ็ด ไม่สมควรถูกเรียกว่าพุดดิ้งถั่วเหลือง!’
ในส่วนของประสิทธิภาพของยานพาหนะของฝ่ายเผ็ดนั้นเหมือนกับชื่อของมัน มันทั้งก้าวร้าวและทรงพลัง อย่างไรก็ตามข้อเสียก็ชัดเจนมากซึ่งเป็นการป้องกันที่ไม่ดี สำหรับผู้เล่นที่คุ้นเคยกับยานพาหนะของทั้งสองฝ่ายมานานแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็มียานพาหนะมากขึ้นในการเล่น และพวกเขาจะมีความสุขในบางครั้ง
ในที่สุดมันก็ถึงเวลาของการเข้ารวมอย่างเป็นทางการของฝ่ายรสเผ็ด!