ทางด้านเฟยหลงตอนนี้นั้นกำลังเดินอยู่ภายในตัววิหารโบราณนาดใหญ่ซึ่งเป็นวิหารที่เห็นได้เด่นชัดที่สุดเพราะกลิ่นอายที่เเผ่ออกมานั้นมีความเก่าเเก่โบราณเเละความยิ่งใหญ่ที่หนักเเน่นราวขุนเขา
เฟยหลงที่เห็นดังนั้นจึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
” ดูเหมือนว่าที่ด้านนอกเห็นเพียงเเค่วิหารโบราณเเห่งนี้เท่านั้นคงเป็นเพราะค่ายกลลวงตาที่สร้างขึ้นให้ไม่เห็นสิ่งก่อสร้างอื่นจริงๆด้วย”
” เมืองเหล่านั้นที่เข้ามาก็เป็นอาจจะเป็นเมืองที่ใข้อยู่อาศัยในอดีตเเต่ตอนนี้มีเเต่ค่ายกลลวงตาขนาดใหญ่เปิดใช้งานอยู่ราวกับ……….. เป็นเขาวงกตเพื่อล่อลวงอะไรบางอย่างให้ติดอยู่ในที่เเห่งนั้นเเม้อนุภาพของมันในตอนี้จะลดน้อยลงตามกาลเวลา ”
เมื่อเฟยหลงกำลังจะก้าวเดินไปก็หยุด
” ระดับคนที่สร้างค่ายกลก็ไม่ได้เเย่เลยเเม้เเต่น้อยเเต่ก็หยุดคนอย่างข้าข้าไม่ได้ ”
เฟยหลงที่เห็นด้านหน้านั้นเป็นอาคารหลังหนึ่งที่สูงใหญ่ราวกับเป็นเสาหลักหรือเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองเเห่งนี้เมื่อเข้าไปด้านในเฟยหลงก็ได้เห็นว่ามีห้องโถงขนาดใหญ่ด้านในนั้นมีบัลลังก์สีทองหม่นเก่าเเก่เเต่เเผ่เเรงกดดันบางอย่างออกมา
เฟยหลงที่เห็นดังนั้นจึงหรี่ตาลงด้วยความสงสัยเเล้วลองปล่อยการโจมตีใส่บัลลังก์นั้นซึ่งตอนเเรกนั้นเฟยหลงสำรวจดูอย่างถี่ถ้วนเเล้วว่ามันไม่มีค่ายกลโจมตีอยู่เลย
” ตู้มมมมมมมมมมมมม ”
เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังขึ้นอย่างรุนเเรงพร้อมกับปรากฏบัลลังก์สีทองหม่นยังคงไม่มีร่องรอยการถูกทำลายเเม้เเต่น้อย
” ใช่จริงๆด้วยวัสดุในการสร้างบัลลังก์นี้สามารถนำไปสร้างอาวุธหรือเกราะขอบเขตปฐพีได้เลย ”
เมื่อเจียงหงเเละซูศ่านที่เดืนตามมาตลอดเเละเห็นเฟตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นจึงมองเฟยหลงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความตกใจอย่างมากเมื่อเฟยหลงกล่าวประโยคท่อนสุดท้ายออกมานั้น
ในความคิดของพวกนางทั้งสองนั้นล้วนได้รับความรู้ของเฟยหลงที่เจ้าตัวเป็นคนอธิบายมาบางส่วนเเต่ขอบเขตที่เฟยหลงบอกนั้นในตอนนี้เป็นเพียงเเค่ขอบเขตปฐพีเท่านั้น
เฟยหลงไม่ได้กล่าวว่ามีขอบเขตต่อไปให้พวกนางฟังเพราะเฟยหลงได้บอกกับทั้งสองว่า
” บางครั้งการที่รู่เรื่องอะไรมากมายจนเกินไปมันอาจจะส่งผลร้ายมากกว่าส่งผลดีก็ได้…………. บางอย่างข้าเล่าออกมาตอนนี้ไม่ได้เเต่ในอนาตคนั้นข้าจะบอกอย่างเเน่นอน ”
ซูซ่านเเละเจียหงที่เห็นว่าเฟยหลงได้โจมตีใส่บัลลังก์สีทองหม่นเเล้วก็หยุดนิ่งไปทั้งสองคนที่เห็นดังนั้นจึงกล่าวถามขึ้นมาว่า
” ท่านพี่เฟยหลงท่านเป็นอะไรไปหรือ ”
” ท่านอาจารย์ท่านคิดอะไรอยู่กัน ”
เฟยหลงที่ได้ยินเสียงของพวกนางจึงหลุดออกมาจากโลเเห่งความคิดของตนเองเเล้วกล่าวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เเฝงไปด้วยความแปลกใจ
” บัลลังก์เเห่งนี้ที่เเท้เเล้วนั้นเป็นอุปกรณ์อย่างหนึ่งที่มีพลังเท่ากับอาวุธขอบเขตปฐพี ”
เจียงหงเเละซูซ่านที่ได้ยินเข่นนั้นจึงกล่าวออกมาด้วยความเเปลกใจอย่างยิ่ง
” มีพลังเท่ากับอาวุธขอบเขตปฐพี……… ตอนเเรกข้าคิดว่าเพียงเเค่บัลลังก์ธรรมดาที่ถูกสร้างขึ้นมาจากวัสดุระดับสูงที่ใช้สร้างอาวุธขอบเขตปฐพี ”
” ใช่เเล้วตอนเเรกข้าก็คิดเหมือน้องสาวซูเลยท่านอาจารย์”
เฟยหลงที่ได้ยินเช่นนั้นก็กำลังจะกล่าวตอบเเต่กลับหันหน้ากับไปมองทางหนึ่งเเล้วกล่าว
” มีอะไรบางอย่างกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ ”
เจียงหงเเละซูซ่านที่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้หันกลับไปพร้อมกับเเสดงท่าทางที่พร้อมรับการโจมตีที่ไม่คาดฝันอย่างรวดเร็ว
เสียงเหมือนของเเข็งกระทบกันได้ดังขึ้นมาเเละเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
” กึก กึก กึก”
เเล้วตอนนั้นเองที่มีโครงกระดูกกำลังยืนอยู่หน้าประตูห้องโถงโดยมีร่างเงาสองร่างเดินตามหลังมาข้างโครงกระดูกนั้นเป็นสัตว์อสูรที่พวกเฟยหลงรู้จักมันอย่างดี
เจียงหงเเละซูซ่านที่เห็นดังนั้นก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงดีใจ
” เสี่ยวไป๋ “