ที่เฟยหลงคิดว่าพวกเขาเหมือนกันเพราะตัวเขาในอดีตไม่มีทางเลือกเเล้วละก็คงจะทำเเบบเดียวกับสามพี่น้องตัวประหลาด
ไม่ใช่เพราะเฟยหลงเป็นคนดีอะไรมากมายเเต่ถ้าอย่าวน้อยมันสามารถทำให้เผ่ามนุษย์ในเกาะชังไห่เเห่งนี้อยู่ต่อไปได้นานกว่านี้อีกเพียงเล็กน้อยกับตัวคนที่มีขอบเขตปฐพีเเค่ไม่กี่คนย่อมคุ้มค่า
” ที่พวกข้าทำเเบบนี้เพราะว่าเวลาที่ยืดออกไปในอนาคตอาจจะมีมากพอที่อาจจะให้กำเนิดตัวตนที่มีความสามารถพอจะทำลายเขตเเดนเเห่งนี้”
โครงกระดูกได้กล่าวออกมาด้วยเสียงจริงจังทางด้านเฟยหลงมี่ได้ยินเข่นั้นก๋ได้กบ่าวถามออกมาด้วยความสงสัย
” เเล้วพวกท่านหาเจอเเล้วอย่างนั้นเหรอ ”
สามพี่น้องตัวประหลาดได้เเต่มองหน้ากันก่อนที่จะว่ายหน้าไปมาด้วยรอยยิ้มอันเศร้าใจเฟยหลงที่เห็นดังนั้นจึงเงียบไป
ทางด้านเจียงหงเเละซูซ่านนั้นได้กล่าวถามโครงกระดูกตัวนั้นด้วยน้ำเสียงที่มีความสงสัย
” เเล้วสิ่งที่ท่านต้องการก็คือผู้ช่วยในการทำลายค่ายกลใช่หรือไม่ ”
” ข้าว่าถ้าเป็นท่านพี่เฟยหลงลงมือเองละก็มันอาจจะมีโอกาศสำเร็จได้อย่างสูงมาก ”
เเม้สามพี่น้องตัวปะหบาดนั้นจะสงสัยตังเฟยหลงอยู่บ้างเเต่ตอนนี้นั้นคงต้องพึ่งพาพวกเฟยหลงอย่างเดียวก็เเล้วกัน
มางด้านเฟยหลงที่ได้ยินดังนั้นจึงกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงอันเต็มไปด้วยความเเปลกใจเช็กน้อย
” ข้ามีเรื่องจะถามพวกท่านอีกอย่างนั้นก็คือ………. ท่านคิดจะปลดผนึกบัลลังก์สีทองหม่นนั้นเพื่อที่จะใช้มันในการกระตุ้นอำนาจของเปลวเพลิงปฐพีเพื่อชำละล้างผืนเเผ่นดินนี้ที่โดยเขตเเดนกรัดกร่อนใช่หรือไม่ ”
” เเล้วจากที่ท่านได้เล่ามานั้นดูเหมือนเขตเเดนนี้จะเกิดจากปราณที่เเปดเปื้อนเหล่านั้นของเผ่าปีศาจจำนวนมากได้ตกตายลงเเล้วก่อตัวขึ้น ”
” เปลวเพลิงที่โดนผนึกอยู่ใต้ดินด้วยค่ายกลนี้สามารถชำระล้างได้หลายสิ่งอย่างเเน่นอนไม่เว้นเเม้กระทั้งพลังปราณที่แปดเปื้อนเหล่านั้น……… เเต่ต้องการคนที่มีระดับการควบคุมค่ายกลเองหรือมีความเเข็งแกร่งพอที่จะช่วยพวกท่านควบคุมค่ายกล ”
เมื่อทั้งสามพี่น้องได้ยินเฟยหลงกล่าวออกเเบบนั้นจึงพยักหน้าเเล้วอดนับถือเฟยหลงเพื่อขึ้นเล็กน้อยเพราะทางด้านสติปัญญาเฟยหลงนั้นถือว่าอยู่ในระดับสูงมาก
ที่สามารถมองปัญหาออกได้อย่างถ่องเเท้ถึงเเก่นของมันเลยเเล้สนำเรื่องราวที่พวกเขาเล่ามาประติดประต่อกันจนได้ออกมาเป็นข้อสรุปที่ตรงจุด
เฟยหลงได้กล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
” ถ้าจ้าจำไม่ผิดนี้คือทางเลือกที่สองของท่านสินะ ”
โครงกระดูกที่ได้ยินดัวนั้นจึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงถอดถอนใจ
” ใช่เเล้วก่อนที่พวกเราจะผนึกเขตเเดนเหล่านั้นเอาไว้ก็ได้สร้างค่ายกลดูดซับพลังปราณเพื่อเสริมความเเข็งแกร่งของค่ายกลเเล้วให้พลังมันสามารถคงอยู่ได้นานหลายร้อยหลายพันปี ”
” เเล้วเราได้เเบ่งพลังส่วนหนึ่งมาใข้ล่อเลี้ยงเปลวเพลิงที่โดนผนึกอยู่ใต้ดินเพื่อใช้มันเป็นไพ่ตายสุดท้าย……………..เเต่ถ้ามีคนที่สามารถกำจัดเขตเเดนนี้ได้พวกเราจะให้เปลวเพลิงนี้ถือเป็นของตอบเเทนอีกชิ้น ”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้เฟยหลงที่นิ่งเงียบไปนั้นก็ได้ยิ้มออกมาด้วยท่าทางราบเรียบก่อนที่จะกข่าวออกมาว่า
” งั้นมาเริ่มกันเถอะ ”
โครงกระดูกพยักหน้าให้เฟยหลงเเล้วหันกลับไปมองน้องเล็กน้องตนที่เป๋นร่างเงาเมื่อน้องเล็กที่ถือกระบี่อยู่นั้นจึงพยักหน้า
ก่อนที่จะเดินไปทางด้านหน้าบัลลังก์สีทองหม่นนั้นเฟยหลงก็เดินเข้าไปใกล้เช่นกันทางด้านพวกที่เหลืออยู่ได้ถอยห่างออกมาเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวน
เเล้วตอนนั้งเอที่ได้ยินเสียงบางอย่างกล่าวออมาทางประตูทางเข้าห้องโถงว่า
” ข้า……….. มาขัดจังหวะพวกท่านหรือไม่
เเล้วคนที่มาใหม่รั้นก็คือหลินหยางนั้นเองตัวเขาที่ออกมาจากหอคอยเเห่งขั้นบันไดได้เดินเล่นมาถึงที่เเห่งนี้เพราะมันดูน่าสนใจ