ทางด้านเปลวเพลิงที่กำลังกลายรูปร่างเป็นเหมือนกิเลนไฟตัวหนึ่งเเหวกส่ายอยู่บนอากาศเเล้วโจมตีลงมาเเผดเผาทุกอย่างที่อยู่เบื้องล่างมัน
” ตู้มมมมมมมมมมมม ”
เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังขึ้นพร้อมกับตนนั้นเองที่ค่ายกลลวงตานั้นได้ถูกทำลายลงด้วยเปลวเพลิงที่บ้าคลั่งนี้
” เพร้งงงงงงง ”
เสีนงเหมือนกระจกเเตกตัวค่ายกลลวงตาที่จังเหล่าผู้บ่มเพาะส่วนใหญ่เอาไว้ตอนนี้นั้นถูกทำลายลงกลายเป็นเศษชิ้นส่วนเล็กน้อยก่อนที่จะสายหายไป
เหล่าผู้คนที่ตกอยู่ในค่ายกลเเล้วจู่ๆก็ออกมาได้เเต่กลับพบว่ามีเปลวเพลิงรูปร่างเหมือนกิเลนกำลังโจมตีอย่างบ้าคลั้งอยู่จึงกล่าวออกมาว่า
” มันเกิดบ้าอะไรขึ้กันเเน่ ”
” ในที่สุดก็ออกมาจากสถานที่บัดซบเเห่งนั้นได้ ”
” บนท้องฟ้านั้นมีนตัวอะไร ”
ทางด้านร่างเงาถือกระยี่ได้เห็นเหตุการณ์นี้ทั้งหมดก็ได้กล่าวิอกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
” เปลวเพลิงนั้นมีจิตวิญญาณเเล้วเเน่นอนถึงสามารถควบเเน่นกลายเป็นรูปร่างได้เเต่มันจะมีสติปัญญาขนาดไหนนั้น……. ”
เฟยหลงที่ได้ฟังดังนั้นก็ได้กล่าวขัดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
” ถึงเเม้จะมีจิตวิญญาณเเต่มันไม่น่าจะมีสติปัญญามากขนาดนั้นคาดว่าคงพึ่งก่อเกิดขึ้นมาได้ไม่นาน ”
ร่างเงาถือกระบี่ได้ยินดังนั้นจึงกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเเปลกใจอย่างมาก
” เจ้ารู้ได้ไงว่ามันไม่มีสติปัญญามากมาย……. เพียงเเค่คำพูดมันพิสูจน์ไม่ได้ ”
เฟยหลงที่ได้ยินดังนั้นจึงย้อมออกมาเล็กน้อยที่มุมปากของเขาก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
” อย่างเเรกเลยก็คือการโจมตีมันเทื่อมันโผล่ขึ้นมาบนพื้นดินได้นั้นเเต่มันไม่ได้พยามไปหามนุษย์ที่ผนึกมันไว้เพื่อเเก้เเค้น ”
” ทุกอย่างตอนนี้นั้นมันกำลังทำไปด้วยสัญชาตญาณทั้งนั้นสาเหตุก็มาจากความโกรธเเค้นที่ถูกผนึกกักขังเอาไว้อย่างยาวนาน ”
สามพี่น้องตัวประหลาดเเละคนอื่นๆที่ได้ยินดังนั้นจึงครุ่นคิดว่าความเป็นไปได้มันมีสูงมากเเค่ไหนเเล้วคอนนั้นเองที่โครงกระดูกได้กล่าวถามร่างเงาทั้งสอง
” พวกเจ้าคิดว่าความเป็นไปได้นี้มีมากเพียงใด ”
ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้ตัดสินใจที่จะเชื่อคำพูดของเฟยหลง
” เอาละพวกข้าคิดส่าคำพูดของเจ้านั้นน่าเชื่อถือที่สุดเเล้วตอนนนี้……….. งั้นเจ้ามีเเผนอะไรที่จะเสนอไหม ”
เฟยหลงที่ได้ยินเช่นนั้นจึงชะงักไปชั่วครู่ก่อนที่จะเหลือบไปเห็นเสี่ยวไป๋ที่กำลังยืนอยู่เงียบๆเฟยหลงจึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
” ตอนเเรกไม่มีเเค่เมื่อครู่ข้านึกแผนดีๆออกมาได้เเล้วเเต่ต้องมีคนช่วยหน่อยแผนจึงสามารถประสมความสำเร็จได้ ”
โครงกระดูกที่ได้ยินดังนั้นจึงกล่าวถามเฟยหลงด้วยน้ำเสียงเเปลกใจว่า
” งั้นเจ้ามีเเผนอะไรงั้นเหรอ ”
เฟยหลงที่ได้ยินดังนั้นจึงเริ่มอธิบายเเผนการของตนเองออกไปให้พวกสามพี่น้องตัวประหลาดเเละคนอื่นๆที่อยู่ในที่นี้ได้ฟัง
” เเผนของข้านั้นไม่ได้ซับซ้อนมากมาย………..”
เมื่อพวกเขาได้ยินเเผนของเฟยหลงนั้นจึงรู้สึกว่านี้เป็นแแผนที่ดีที่สุดในตอนนี้เเล้วเเต่ตอนนั้นเองที่หลินหยางได้กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสงสัยอย่างมาก
” เเล้วใครจะเป็นเหยื่อล่อในเเผนการครั้งนี้ ”
เมื่อพวกโครงกระดูกเเละพวกซูซ่านที่ได้ยินดังนั้นจึงเงียบลงเเล้วเจียงหงจึงเป็นคนเเรกที่กล่าวถามออกมา
” ในการจัดการเรื่องนี้นั้นเราต้องใช้คนที่มีความเร็วอย่างมากในการหลอกล่อเปลวเพลิงนั้นไป ”
เมื่อกล่างถึงตรงนี้เจียหงเเละซูซ่านได้มองเฟยหลงเเต่กลับได้ยินคำตอบของเฟยหลง
” ข้าสามารถไปได้เเต่ว่าข้าต้องการคนช่วยนิดหน่อย ”
เฟยหลงได้หันกลับมาหาเสี่ยวไป๋เเล้วยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่ตัวเฟยหลงคิดว่าเป็นร้อยยิ้มที่ดีที่เป็นมิตรที่สุดเเต่เสี่ยวไป๋กลับรู้สึกหนาวสั่นยังไงไม่รู้
” พี่ใหญ่อย่าบอกนะว่า……….เป็นข้าอีกเเล้วเเต่รอบที่เเล้ว………… ”
เฟยหลงที่ได้ยินดังนั้นจึงกล่าวตอบกลับไป
” ไม่ๆ……………. เสี่ยวไป๋รอบที่เเล้วนั้นมันเป็นโอกาศของเจ้าที่ข้ามอบให้ได้ทรัพยากรบ่มเพาะเเละสมบัติต่างๆซึ่งถ้าเสร็จเรื่องคราวนี้ข้ามอบเม็ดยาปราณร้อยอสูรนี้เป็นเม็ดยาพิเศษที่เหนือกว่าเม็ดยาสิบอสูรอย่างมากเเละยังเหนือกว่าเม็ดยาร้อยอสูรข้อเสนอนี้ให้เจ้าเป็นไง ”
เสี่ยวไป๋ที่ได้ยินดังนั้นจึงครุ่นคิดเเล้วกล่าวออกมาว่า
” งั้นข้าขอยี่สิบเม็ด “