เพราะนางเป็นปีศาจสาวแสนโง่ เพื่อป้องกันไม่ให้นางวางยาพิษฆ่าตัวเองตาย เขาก็เลยจำต้องชิมเนื้อกวางที่ถูกนางโรยอะไรบางอย่างลงไปดูก่อน แต่แล้วเขากลับพบว่ารสชาติของมันดีอย่างไม่น่าเชื่อ
เมื่อก่อนตอนที่ผาดโผนอยู่ข้างนอก เขาเคยรับประทานอาหารดีๆ มาไม่น้อย แต่ก็ไม่เคยรับประทานอาหารที่มีรสชาติแบบนี้มาก่อน
เห็นได้ชัดว่าเครื่องปรุงที่นางเสกขึ้นมาเป็นเครื่องปรุงพิเศษที่ไม่มีในโลกมนุษย์
เขายื่นเนื้อกวางส่งให้นาง เห็นนางกินอย่างเอร็ดอร่อย เขาก็มีความสุข
เขาเริ่มสอนให้นางพูด ฟ้า, ดิน, คน, ต้นไม้, ภูเขา, ไฟ เห็นอะไรก็สอนให้นางพูด นางเองก็เรียนได้เร็วมาก
ต่อมาไม่รู้ทำไม เขาถึงได้สอนให้นางพูดคำว่าแขน, ขา, เท้า
ตอนที่สอน เขาเห็นนางปรายตามองไปที่ขา ขาอ่อนของเขา
จริงๆ หลังจากนั้นเขาไม่ค่อยอยากจะสอนแล้ว แต่นางกลับอยากจะเรียนต่อ มือนุ่มนิ่มของนางคว้าแขนเขาเอาไว้แล้วเริ่มจิ้มนิ้วเย็นๆ ลงบนร่างของเขา ตรงนั้นทีตรงนี้ที
กรงเล็บของปีศาจไม่เหมือนกับมือของมนุษย์ ไม่ว่ากรงเล็บของนางแตะลงตรงไหน เขาก็จะรู้สึกร้อนขึ้นมาตรงจุดนั้น ทำไปทำมา เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังยืนอยู่หน้าเตาของช่างตีเหล็ก
แต่นางกลับไม่รู้ตัว นางยังคงจิ้มส่วนต่างๆ บนร่างของเขาพลางพูดเสียงดัง จากนั้นก็ยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี
รอยยิ้มของนางงดงามมาก เมื่ออยู่ข้างกองไฟในยามค่ำเช่นนี้ เขาก็รู้สึกเหมือนกับครั้งแรกที่ได้พบนาง เขาคิดว่ารอยยิ้มนั้นช่างเปี่ยมด้วยเสน่ห์ที่ทำให้เขาหายใจไม่ออก
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนอื่นๆ ถึงว่านางน่าเกลียด รูปโฉมของนางอาจจะไม่โดดเด่นที่สุด ใบหน้าก็อาจไม่ได้เป็นรูปผลท้อเหมือนใบหน้าของชุนเถา แต่มองปราดแรกเขาก็รู้สึกถูกตาต้องใจ มองครั้งที่สองก็ไม่อาจละสายตาได้ มองอีกครั้งเขาก็อยาก…
อยากกอดนางเอาไว้
เซียวเถี่ยเฟิงคิดถึงตรงนี้ก็ต้องนึกถึงจุดจบของการกอดนางครั้งก่อนขึ้นมา
นั่นเป็นเรื่องน่าอายที่ไม่ว่าผู้ชายคนไหนๆ ก็ไม่กล้ายอมรับ
เขาไม่คิดเลยว่าตัวเองจะเป็นแบบนี้
ปีศาจสาวคงผิดหวังมาก ดังนั้น หลังจากบังคับสูดเอาไอหยางของเขาไปแล้ว นางถึงได้หนีไป
ระหว่างที่เซียวเถี่ยเฟิงคิดเช่นนี้ ปีศาจสาวก็เหมือนจะสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง เพราะนางกำลังจ้องเขาตาเขม็ง ไม่เพียงแต่จ้อง ทว่านางยังเลิกคิ้วเหมือนกำลังอารมณ์ไม่ดีอีกด้วย
เซียวเถี่ยเฟิงกัดฟัน เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจหันไปเก็บกวาดถ้ำด้วยท่าทางไม่เป็นธรรมชาตินัก
เมื่อก่อนเขาปรารถนามันมาก
ขอเพียงนางปรายตามองมาครั้งเดียว เขาก็เต็มใจจะเดินไปหา
แต่ตอนนี้ เขาอยากถอยหลังเสียแล้ว
ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะทำให้นางผิดหวังอีกครั้งหรือไม่
เขาจัดการปัดกวาดถ้ำ หาหญ้าแห้งมาปูพื้นให้หนาๆ เติมฟืนลงในกองไฟ เสร็จแล้วจึงหันไปเรียกนางให้เข้ามานอน
ไม่รู้เหมือนกันว่านางกำลังคิดอะไร เพราะนางคอยเหลือบตามองมาทางเขาเป็นพักๆ บางครั้งยังกวาดตาขึ้นๆ ลงๆ เหมือนกำลังพิจารณาอะไรบางอย่าง
เซียวเถี่ยเฟิงยิ่งแทบจะทนไม่ไหว มีอยู่ชั่วขณะหนึ่งที่เขาอยากจะถามนางให้รู้แล้วรู้รอดว่า ลองดูอีกครั้งได้หรือไม่?
แต่เขาก็ไม่ได้ทำ…
บางทีหลังจากปีศาจสาวบังคับดูดไอหยางของเขาไป นางอาจจะพบว่าไอหยางของเขามีไม่มากพอ ก็เลยตัดใจไปแล้ว?
พอคิดเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกท้อแท้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาสูญเสียบิดามารดาไปตอนอายุเจ็ดขวบ อายุสิบหกออกไปผาดโผน อายุยี่สิบห้าละทิ้งความวุ่นวายภายนอกกลับมายังบ้านเกิด เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าชีวิตนี้ ตัวเองจะมีช่วงเวลาที่ท้อแท้เช่นนี้ด้วย
จัดการที่หลับที่นอนให้ปีศาจสาวเสร็จ เขาก็พลิกตัวหันหลังให้นางแล้วหลับตาลง
กองไฟด้านนอกไหววูบเป็นจังหวะ เสียงฟืนแตกเปรี๊ยะๆ เป็นระยะ บางครั้งก็มีเสียงคำรามของสัตว์ป่าดังแว่วมาจากป่าลึก เขานอนอยู่ตรงนี้ ได้ยินเสียงลมหายใจแผ่วเบาของปีศาจสาวอย่างชัดเจน
เขาไม่อยากมองนาง
เพราะหากมอง เขาก็จะเริ่มคิดขึ้นมาอีก
เขากลัวปีศาจสาวจะจับได้ว่าลมหายใจของเขาหนักหน่วงเกินไป เขาจึงพยายามควบคุมลมหายใจให้เป็นปกติที่สุด
คิดไม่ถึงว่าในตอนนั้นเอง นางจะเอื้อมมือมากระตุกชายเสื้อของเขา
เพียงมือนุ่มนิ่มสัมผัสกับเสื้อ ร่างของเขาก็แข็งเกร็ง เลือดในกายเหมือนจะหยุดไหล
“หืม?” เขาถามเสียงแหบ
ปีศาจสาวไม่พูดอะไร นางเพียงดึงแขนเขาอีกครั้งเป็นเชิงบอกให้เขาหันไปหา
เขาหันกลับไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ก็อดคาดหวังไม่ได้
ปีศาจสาวหันหลังให้กองไฟ ทำให้มองเห็นใบหน้าของนางไม่ชัด เมื่ออยู่ในถ้ำมืดๆ เช่นนี้ แสงสีแดงซึ่งสะท้อนกับเส้นผมก็ให้ความรู้สึกเย้ายวนอย่างน่าประหลาด
เขาเกือบจะเอื้อมมือไปลูบผมของนางเพื่อสัมผัสดูว่า เมื่อเส้นผมพันกับปลายนิ้วจะให้ความรู้สึกเช่นไร
“@#$%# นอน…” ปีศาจสาวพูดภาษาปีศาจ
นางพูดตั้งมากมาย แต่เขากลับเข้าใจแค่คำว่านอน เซียวเถี่ยเฟิงเงียบไปครู่หนึ่งก็เอื้อมมือไปตบศีรษะนางเบาๆ เป็นเชิงบอกว่าอย่าคิดเหลวไหล รีบนอนเถิด
ยามนี้พวกเขาถูกขับออกจากหมู่บ้าน ไม่มีบ้านอยู่ ไม่มีข้าวของเครื่องใช้ หากอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปก็มีเรื่องมากมายที่ต้องกระทำ
คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ ปีศาจสาวจะเลิกคิ้วขึ้นมองเขาด้วยความไม่พอใจ แถมยังยื่นมือมาบิดหูเขาพลางส่งเสียงฮึดฮัดอีกด้วย
เขาไม่เข้าใจ นางโกรธงั้นหรือ?
นาง…ทำไมถึงโกรธ?
เกี่ยวกับเรื่องไอหยางอย่างนั้นหรือ?
“เจ้า…ไม่สบายหรือ?”
เขาไม่เข้าใจเรื่องของโลกปีศาจสักนิด ครั้งก่อนนางได้ไอหยางไปตั้งมากมายยังไม่พออีกหรือ? นางเริ่มไม่สบายอย่างนั้นหรือ?
เซียวเถี่ยเฟิงกัดฟันพลางคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งก่อน
คราวที่แล้ว เดิมพวกเขากำลังจะทำเรื่องนั้น คิดไม่ถึงว่าเขากลับไม่ได้ความ นางโมโหขึ้นมาก็เลยใช้เวทศาสตราบางอย่างดูดไอหยางของเขาไป ทำให้เขาต้องนอนไร้เรี่ยวแรงอยู่นาน
หากครั้งนี้นางยังใช้เวทศาสตราดูดไอหยางของเขาอีก เขาจะต้องนอนแบ็บอีกนานใช่หรือเปล่า?
นึกถึงสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว เขาก็เอื้อมมือไปลูบผมนางพลางกล่าวปลอบเสียงเบา “อีกสองสามวันค่อยให้เจ้าดูดไอหยางได้หรือไม่?”
แต่เขาเพิ่งพูดจบ ปีศาจสาวก็ยิ้มเย็นเหมือนอ่านใจของเขาออก รอยยิ้มนั้นยังแฝงด้วยความดูแคลนอีกด้วย
เขารู้สึกปวดแปลบในอก
นางรังเกียจที่ไอหยางของเขาไม่ดีพอ เห็นว่าเขาไม่เอาไหนอย่างนั้นหรือ?
ใบหน้าของเขาร้อนผ่าว เขาไม่รู้จริงๆ ว่าจะมีวันที่ตนเองไร้ประโยชน์เช่นนี้
แต่เขาก็ยังแข็งใจอธิบาย “ตอนนี้เราถูกขับออกจากหมู่บ้านแล้ว บนเขามีเสือมีหมาป่า หากข้าต้องนอนไร้เรี่ยวแรงเหมือนวันนั้นอีกจะไม่มีใครปกป้องเจ้า ถ้าเจ้าอยากดูดไอหยางจริงๆ อย่างน้อยก็รออีกสักสองสามวันเถิด”
แม้ตอนแรกสุดกู้จิ้งจะคิดว่าเขาอาจถูกขับออกจากหมู่บ้านเพราะไปล่วงเกินชาวบ้านคนอื่นๆ เข้า ซ้ำยังอาจมีความสัมพันธ์กับเด็กสาวใบหน้ารูปผลท้อกับผู้หญิงท่าทางยั่วยวนคนนั้น แต่คิดๆ ดู ผู้ชายข้างกายเธอดูเหมือนไม่ใช่คนแบบนั้น เธอก็เลยเลิกคิดไป
แต่ต่อมา เมื่อค้นพบว่าแค่เธอมองไม่กี่ครั้ง สัมผัสไม่กี่ที เขาก็สามารถตื่นตัวได้ เธอจึงจำต้องประเมินระดับความหื่นกระหายของเขาเสียใหม่
ด้วยเหตุนี้ ตลอดคืนนั้น เธอจึงเอาแต่จับตาเขาอย่างระมัดระวังพลางขบคิดว่าที่แท้แล้วเขาเป็นคนอย่างไรกันแน่
แม้เขาจะไม่ใช่นักค้ามนุษย์อย่างที่เธอคิด แต่เขาก็เป็นผู้ชาย
แม้เขาจะเป็นผู้ชายที่ใจดีมากๆ แต่ผู้ชายก็มีหลายด้าน
วีรบุรุษที่เสี่ยงชีวิตช่วยเหลือผู้อื่นอาจเป็นผู้ชายที่ชอบใช้ความรุนแรง อยู่บ้านชอบซ้อมเมียด่าลูกก็เป็นได้! คนใจบุญที่บริจาคเงินก้อนใหญ่อาจมีเบื้องหลังเป็นคนที่ชอบโกงกินก็เป็นได้!
เธอพิจารณามองเขาอยู่นาน เห็นเขาไม่มีทีท่าจะทำอะไรต่อก็อดประหลาดใจไม่ได้ หรือเธอเข้าใจผิดไป? ที่แท้ผู้ชายไม่ได้แค่ตื่นในตอนเช้า แต่ยังตื่นในตอนเย็นด้วย?
จนกระทั่งเอนกายลงนอน เธอก็ยังไม่หายสงสัย
เขานอนหันหลังให้เธอ…
กู้จิ้งนอนอยู่ในถ้ำมืดมิด มองดูเปลวไฟลุกโชนที่ด้านนอก ฟังเสียงลมกับเสียงหมาป่าที่ดังแว่วมาแต่ไกล นึกถึงยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยนี้แล้ว เธอก็รู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
กู้จิ้งกัดริมฝีปากพลางเหลือบมองเขาใหม่ แต่สิ่งที่เห็นกลับมีเพียงแค่แผ่นหลังเย็นชาของเขาเท่านั้น
ทำไมเขาถึงไม่มองเธอ?
คงไม่ได้โกรธที่เธอพ่นยาสลบใส่หรอกนะ?
ผู้หญิงสองคนมาหาเขา หรือเขาจะทำอะไรพวกเธอไปจริงๆ?
ความสงสัยเหมือนกับแมลงตัวเล็กๆ ที่ไต่เข้าไปในสมอง ทำให้เธอไม่อาจสงบใจได้อีก
ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหว ต้องเอื้อมมือไปกระตุกแขนเสื้อของเขา
“นายคงไม่ได้รังแกสาวน้อยคนนั้นจริงๆ หรอกนะ? หรือนายมีอะไรกับแม่ม่ายหน้าตาสะสวยนั่น?” คิดๆ ดูเขาอาจจะฟังไม่เข้าใจ เธอจึงพูดด้วยสำเนียงของเขาซ้ำอีกรอบ “นอน… นายนอนกับผู้หญิงสองคนนั้นแล้วใช่ไหม?”
คิดไม่ถึงว่าเขาจะแค่ตบศีรษะเธอเบาๆ แล้วพูด “@#$%[email protected]” ประโยคหนึ่ง
เธอไม่เข้าใจ แต่พอจะจับคำว่า “อีกสองสามวัน, หมู่บ้าน, ขับไล่” ได้
เธอเข้าใจทันที
หรือว่า…เขามีอะไรกับผู้หญิงสองคนนั้นพร้อมๆ กันก็เลยถูกไล่ออกมาจริงๆ?
กู้จิ้งเบิกตากว้างพลางส่ายหน้าด้วยความจนใจแกมผิดหวัง จากนั้นก็พลิกตัวหันหลังให้
ช่างเถิด ทำไมเธอต้องสนใจเรื่องพวกนี้ด้วย? ต่อให้คนคนนี้เป็นคนใจดี เขาก็เป็นแค่คู่หูชั่วคราวของเธอ รอให้เธอปีกกล้าขาแข็ง สามารถยืนหยัดอยู่บนลำแข้งของตัวเองในยุคสมัยนี้ได้เมื่อไหร่ เธอก็จะบินๆๆๆ หนีไป!