เขาทำอะไร มันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย!
แต่ความรู้สึกปวดแปลบในใจนี่มันอะไรกัน หรือจะเป็นกระบวนการทางเคมีที่เกิดจากความปรารถนาในท่อนล่างของแครอต?
ในขณะที่เธอกำลังเสียใจอยู่นั้นเอง จู่ๆ ก็รู้สึกคันยุบยิบบนแผ่นหลัง
เธอเอื้อมมือไปแตะดู ปรากฏว่าเป็นแมลงตัวหนึ่ง พอจับมาดูก็พบว่ามันคือแมลงสาบ!
ผ่านไปครู่หนึ่งก็รู้สึกคันขึ้นมาอีก จับมาดู คราวนี้เป็นมด!
ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ข้างหูมีเสียงดังหึ่งๆๆ ที่แท้ก็มียุงด้วย!
นี่ๆๆ ในถ้ำนี่เป็นรังของแมลงหรือยังไง? แล้วจะนอนยังไงกัน?
กู้จิ้งทนไม่ไหวแล้ว เธอลุกพรวดขึ้นนั่ง มือล้วงยาฆ่าแมลงออกมาจากกระเป๋าแล้วตั้งท่าจะพ่นๆๆๆๆๆ โดยไม่สนใจตา卜ล่ำบึ้กอีก
คิดไม่ถึงว่าในตอนนั้นเอง ตา卜ล่ำบึ้กจะเงยหน้าขึ้นมองเธอแวบหนึ่งพลางขมวดคิ้วแน่น จากนั้นเขาก็ลุกพรวดขึ้นมาขวางหน้าเธอเอาไว้ ตามองยาฆ่าแมลงในมือของเธอด้วยสายตาลำบากใจอย่างที่สุด
(ตา卜ล่ำบึ้ก: สิ่งที่อยู่ในมือนางช่างคุ้นตาเหลือเกิน…)
เซียวเถี่ยเฟิงนอนไม่หลับ เพราะสมองเอาแต่คิดเรื่องดูดไอหยาง
เขาพอจะเดาได้แล้วว่านางมีวิธีดูดไอหยางสองวิธี วิธีหนึ่งคือมีความสัมพันธ์กับผู้ชาย ส่วนอีกวิธีหนึ่งคือใช้เวทศาสตราที่มีหน้าตาเหมือนกับเคียวร่ายมนตร์ใส่ หลังจากถูกดูดไอหยางไปแล้ว ผู้ชายก็จะอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง
กำลังคิดอยู่ จู่ๆ ปีศาจสาวที่ด้านหลังก็ลุกพรวดขึ้นล้วงมือเข้าไปในถุงหนังงูสีดำ ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดจะทำอะไร
เขาหันไปมองด้วยความสงสัย ทันใดนั้น หัวใจก็กระตุกวูบ
นางหยิบเวทศาสตราออกมาอีก เวทศาสตราชิ้นนี้ดูคล้ายกับชิ้นที่เคยใช้ดูดไอหยางของเขามาก
ปีศาจสาวกำเวทศาสตราไว้ในมือแน่นแล้วเริ่มร่ายอาคม
เขากัดฟัน
ดูท่าปีศาจสาวคงต้องการไอหยางจริงๆ เมื่อครู่นางกระตุกชายเสื้อของเขาก็คงเพราะอยากให้เขามอบไอหยางให้ เขาไม่เต็มใจมอบให้ นางทนไม่ไหวก็เลยคิดจะใช้วิธีบีบบังคับ
เขาจะมอบให้ดีหรือไม่?
หากมอบให้ เขากลัวตัวเองจะอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง หากมีเสือมีหมาป่าบุกมา นางจะทำอย่างไร? แม้นางจะเป็นปีศาจ แต่ก็เป็นปีศาจที่โง่จนแยกหมากับหมาป่าไม่ออก
หากไม่มอบให้ นางจะโมโหจนวิ่งหนีไป หรือไม่ก็ไปหาผู้ชายคนอื่นหรือเปล่า?
ระหว่างที่เขากำลังลังเลอยู่นั้น มือซ้ายของปีศาจสาวก็แตะเวทศาสตราเบาๆ ทันใดนั้น มันก็พ่นไออะไรบางอย่างที่มีกลิ่นเหม็นมากออกมา
นี่…
เซียวเถี่ยเฟิงไม่กล้าลังเลอีก เขารีบขยับเข้าไปหานาง ตั้งท่าจะแย่งเวทศาสตรานั้นมา
“อย่างน้อยเจ้าก็รอหน่อยเถิด คืนนี้เรานอนอยู่ที่นี่ หากข้าไม่มีแรงปกป้องเจ้า เจ้าอาจจะมีภัยก็ได้!”
แต่ปีศาจสาวกลับกะพริบตาปริบๆ แล้วมองเขาด้วยสายตาไร้เดียงสา จากนั้นนางก็ขยับหลบแล้วเริ่มใช้เวทศาสตรานั้นอีก
เซียวเถี่ยเฟิงเอื้อมมือไปจับเวทศาสตราของนางไว้พลางกล่าวเสียงหนัก “ไม่ได้”
เขารู้ว่าปีศาจสาวไม่เข้าใจคำพูดของเขา ดังนั้นจึงเริ่มโบกมือไปมาเป็นเชิงบอกใบ้ เขาทำท่าเป็นลมหมดสติ จากนั้นก็ชี้ไปที่ความมืดมิดด้านนอก ความหมายคือฟ้ายังมืด อยู่บนเขา ถ้าหมดสติ นางต้องมีเรื่องยุ่งยาก
ปีศาจสาวตะลึงงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นพลางแค่นหัวเราะเสียงเย็น
“@#%&*#$!” ภาษาปีศาจของนางบอกชัดว่ากำลังอารมณ์ไม่ดี จากนั้นนางก็เริ่มแกะมือของเขาออก
มือของเขาแข็งแรงมาก มือนุ่มนิ่มของนางย่อมทำอะไรไม่ได้
เขาสูดหายใจลึก จากนั้นก็กลั้นใจแย่งเวทศาสตรานั้นมา
ก่อนที่จะแน่ใจในความปลอดภัยของนาง เขาจะมอบไอหยางให้นางไม่ได้เด็ดขาด
คิดไม่ถึงว่าการกระทำของเขากลับทำให้นางโมโหขึ้นมาทันที สีหน้าของนางบอกชัดว่าทั้งขบขันทั้งดูแคลน จากนั้นนางก็ส่ายหน้าแล้วพุ่งเข้ามาแย่งเวทศาสตรากลับไป
เขากลัวตัวเองจะเผลอทำร้ายนาง ดังนั้นจึงไม่กล้าออกแรงมาก ได้แต่หลบไปหลบมาเท่านั้น
ปีศาจสาวโมโหมาก นางโผเข้ามาแย่งเวทศาสตรา ปากก็ร้องภาษาปีศาจ “@#$%&#[email protected]” ไม่หยุด
ทั้งสองเริ่มโรมรันพันตู เจ้าหลบข้าแย่ง เจ้าแย่งข้าหลบ ในถ้ำเต็มไปด้วยเสียงร้องภาษาปีศาจ “@#$%&*@#” ดังโหวกเหวก
ทันใดนั้น เจ้าหมาดำก็วิ่งเข้ามาจากปากถ้ำแล้วกระโจนเข้าใส่ปีศาจสาว!
ที่แท้นับแต่หมาสีดำตัวนี้ถูกเซียวเถี่ยเฟิงช่วยชีวิตเอาไว้ ซ้ำเขายังโยนเครื่องในกวางให้กิน มันก็ซาบซึ้งในน้ำใจของเขามาก แต่กับผู้หญิงท่าทางประหลาดคนนั้น ในใจมันมีแต่ความแค้น หมาเองก็ไม่โง่ มันรู้ว่านี่คือคนที่แทงมันแถมยังรังแกมัน
พอเห็นผู้มีพระคุณของตัวเองกับปีศาจสาวร้าย ‘โรมรันพันตู’ กัน มันก็ย่อกายเตรียมพร้อม ตาสีเขียวทั้งคู่จ้องคนทั้งสองเขม็ง คอยจังหวะที่จะโจมตีปีศาจร้ายให้ถึงตาย
ในที่สุด มันก็ได้โอกาส เจ้าหมาดำกระโจนเข้าใส่ปีศาจร้ายทันที!
เซียวเถี่ยเฟิงกำลังพัวพันอยู่กับปีศาจสาว พอเห็นหมาสีดำดวงตาวาววับตัวนั้นพุ่งเข้าใส่แผ่นหลังของนาง เขาก็รีบเอื้อมมือไปกอดนางเอาไว้แล้วกระโดดหลบอย่างรวดเร็ว
เจ้าหมาดำโจมตีไม่ถูกเป้าหมาย กรงเล็บแหลมคมของมันครูดผ่านผนังถ้ำดัง “ครืด”
ปีศาจสาวเงยหน้าขึ้นมองหมาสีดำตัวนั้นด้วยความงุนงง ดวงตาสีเขียวดุร้ายของเจ้าหมาดำจับจ้องปีศาจสาวไม่วางตา
เห็นได้ชัดว่าปีศาจสาวตกใจมาก นางรีบกอดเอวของเขาเอาไว้แน่น ร่างทั้งร่างสั่นระริกไปหมด
เขากอดนางเอาไว้พลางตบหลังเป็นเชิงปลอบใจ ปากกระซิบเสียงเบาตรงข้างหู “ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรแล้ว”
ปีศาจสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาโกรธแค้นแกมน้อยอกน้อยใจ จากนั้นก็ชี้ไปที่หมาตัวนั้นเหมือนกำลังฟ้องพลางร้องเสียงดังว่า “หมา หมา หมา!”
เซียวเถี่ยเฟิงจนใจเหลือเกิน เขารู้ว่านางกำลังตกใจมาก เมื่อครู่หมาสีดำตัวนั้นดูน่ากลัวมากจริงๆ หากไม่ใช่เขาพานางกระโดดหลบได้ทัน เขาก็ไม่อยากคิดเลยว่าถ้ากรงเล็บของมันฝังเข้าไปในแผ่นหลังของนาง ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
“ไม่ต้องกลัว ข้าจะสั่งสอนมันเอง”
แต่เสียดายที่ปีศาจสาวยังไม่พอใจ นางชี้ไปที่หมาตัวนั้นพลางส่ายหน้า แล้วก็ชี้ไปข้างนอก
เซียวเถี่ยเฟิงเดาความหมายของนางได้ เขารีบพูดว่า “ได้ๆๆ ไล่ไป ไล่มันไป”
เขาสงสารหมาตัวนั้นที่ถูกผู้คนข่มเหงแถมยังไม่มีบ้านให้กลับ แต่ไม่ว่าอย่างไร มันก็ไม่ควรโจมตีปีศาจสาว
ดังนั้น หลังจากเซียวเถี่ยเฟิงปลอบใจปีศาจสาวเสร็จ เขาก็สาวเท้ายาวๆ ไปหามัน ยามนี้มันยังโกรธแค้นไม่หาย เพราะมันยังคงแยกเขี้ยวใส่ปีศาจสาวพลางส่งเสียงคำรามไม่เลิก
เซียวเถี่ยเฟิงหิ้วคอมันขึ้นมาแล้วจับไปโยนทิ้งตรงพื้นที่ว่างนอกกองไฟ แถมยังเตะมันแรงๆ ครั้งหนึ่ง
หมาตัวนั้นเงยหน้าขึ้นมองเซียวเถี่ยเฟิงด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ เห็นได้ชัดว่ามันน้อยใจมาก จากนั้นมันก็หันไปมองปีศาจสาวในถ้ำด้วยสายตาโกรธแค้นแกมโศกเศร้า
มองท่าทางน่าสงสารของมันแล้ว เซียวเถี่ยเฟิงก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
“ข้าเก็บนางได้ก่อนเจ้า ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องมีลำดับก่อนหลัง”
แต่คิดๆ ดูเหมือนจะไม่ถูกต้องนัก เขาจึงพูดใหม่ว่า “ต่อให้เก็บเจ้ามาก่อน ข้าก็ยังต้องเลือกนางอยู่ดี”
“ในใจข้าถือว่านางเป็นภรรยาของข้า”
“ถึงนางจะไม่ดีแค่ไหน เจ้าก็ห้ามทำร้ายนางเด็ดขาด”
สุดท้ายเซียวเถี่ยเฟิงก็แข็งใจกล่าวเสียงเย็นชา “เจ้าไปซะเถอะ ข้าให้เจ้าอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว”
หากเมื่อครู่เขาไม่อยู่ด้วย หมาตัวนี้คงจะพรากชีวิตของปีศาจสาวไปแล้ว
เขาจะปล่อยให้นางตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้ไม่ได้
กู้จิ้งรู้สึกว่าตัวเองโชคร้ายเหลือเกิน
ทำไมเธอต้องมาเจอเรื่องแปลกประหลาดแบบนี้ด้วย?
เธอแค่อยากจะพ่นยาฆ่าแมลงใส่ยุงกับแมลงวัน ทำไมตา卜ล่ำบึ้กต้องขัดขวาง? ก็ได้ บางทียาฆ่าแมลงอาจจะทำให้เขานึกถึงความทรงจำเลวร้ายเกี่ยวกับสเปรย์กันหมาป่าขึ้นมา แต่เธอไม่ได้พ่นใส่เขานี่นา? เธอยังแสดงให้เขาดูด้วย ดูสิๆๆ นี่ไม่เหมือนกับสเปรย์กันหมาป่า นี่มีเอาไว้พ่นยุง แถมฉันก็ไม่ได้พ่นใส่นายด้วย
แต่เสียดาย ตา卜ล่ำบึ้กยังคงพยายามขัดขวางเธอ แถมยังแย่งเอากระป๋องยาฆ่าแมลงไปด้วย
เธอจนใจ งุนงงสงสัย หรือว่ายุงแมลงสาบตัวเรือดในถ้ำเป็นสัตว์คุ้มครองของชาติที่ห้ามแตะต้อง?
ในตอนนั้นเอง แมลงวันตัวหนึ่งบินมาส่งเสียงหึ่งๆๆ อยู่ตรงข้างหู
เธอทนไม่ไหวแล้ว “เอาคืนมานะ ฉันจะฆ่าแมลงวันตัวนี้ ฉันเกลียดแมลงวันที่สุด ฉันทนไม่ได้”
แต่เสียดายที่ตา卜ล่ำบึ้กไม่ยอมคืนให้
เธอกระโดดเข้าไปแย่ง
แต่ตา卜ล่ำบึ้กกลับกุมข้อมือเธอเอาไว้ ทำให้เธอขยับไม่ได้
เธอเริ่มโมโห “นายนี่มันประหลาดจริงๆ! ต่อให้นายทำตัวเจ้าชู้วอแวกับคนนั้นคนนี้จนฉันต้องซวยถูกไล่มาอยู่ที่ถ้ำนี่ด้วย ฉันก็ไม่เคยว่าอะไรสักคำ ฉันยังรู้สึกซาบซึ้งใจที่นายรับฉันเอาไว้หาอาหารให้กินหาถ้ำให้อยู่เสียด้วยซ้ำ! แต่ว่าที่นี่มีแมลงวันกับตัวเรือดเต็มไปหมด นายทนได้ แต่ฉันทนไม่ได้ ทำไมถึงไม่ยอมให้ฉันพ่นยาฆ่าแมลงล่ะ?”
แต่เห็นได้ชัดว่าตา卜ล่ำบึ้กไม่เข้าใจคำพูดของเธอ เพราะเขายังกำกระป๋องยาฆ่าแมลงเอาไว้แน่น ไม่ให้ก็คือไม่ให้!
กู้จิ้งโมโหสุดขีด เธอพยายามกระโดดขึ้นไปแย่ง มือดึงแขนเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
ทั้งสองโรมรันพันตูอยู่ด้วยกัน
จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
จนถึงตอนนี้ คิดขึ้นมาเธอก็ยังตัวสั่น
หมาสีดำตัวใหญ่ซึ่งมีดวงตาสีเขียววาววับเหมือนหลอดไฟกระโจนเข้ามากัดเธอ
ตอนที่กรงเล็บแหลมคมของมันทิ่มเข้าใส่ผนังถ้ำดังครืดน่าสยดสยองนั้น เธอตกใจมากจริงๆ เพราะเธอรู้ว่าเฉียดไปแค่นิดเดียว กรงเล็บของมันก็คงฝังเข้าไปในแผ่นหลังของเธอแล้ว