กู้จิ้งเห็นเช่นนี้ก็คิดจะราดน้ำมันลงในกองไฟอีกนิด เธอเงยหน้าขึ้นมองฟ้าด้วยสีหน้าโศกเศร้าพลางกล่าวเสียงดังว่า “อาจารย์ ความผูกพันฉันแม่ลูกกับการช่วยเหลือผู้คน ฉันควรจะเลือกอย่างไรดี! นี่เป็นแม่แท้ๆ ของฉัน หรือฉันต้องเป็นคนอกตัญญู ต้องถูกผู้คนรุมประณามหยามเหยียด!”
กล่าวจบแม้แต่ตัวเองยังรู้สึกคลื่นไส้ แต่เธอก็กลั้นหัวเราะเอาไว้แล้วเล่นละครต่อ แถมยังพยายามบีบน้ำตาสุดชีวิต
ทุกคนได้ยินเช่นนี้ยิ่งไม่พอใจในตัวยายเฒ่าหนิง
ฟังซิว่านางพูดอะไรออกมา นั่นคือต้าเซียนนะ กายเนื้อของต้าเซียนถือกำเนิดจากบ้านตระกูลหนิง นางไม่ควรสำนึกในบุญคุณแล้วรีบมากราบไหว้หรอกหรือ? แต่นางกลับคิดจะกินของเซ่นไหว้ของต้าเซียน?
นั่นมันของเซ่นไหว้ของพวกเขานะ ของเซ่นไหว้ของพวกเขา!
พวกเขามากราบไหว้ต้าเซียน กราบไหว้พระโพธิสัตว์ที่ลงมาโปรดผู้ตกทุกข์ได้ยาก ไม่ใช่ยายเฒ่าหนิง!
ยายเฒ่าหนิงคิดว่าตัวเองเป็นใคร?
“ต้าเซียน พวกข้าไม่อาจพรากจากต้าเซียน ขอต้าเซียนโปรดเทศนาธรรมให้พวกข้าฟัง ขอต้าเซียนอยู่ช่วยเหลือผู้คนในโลกมนุษย์ต่อไปด้วยเถิด!”
“ยายเฒ่าหนิง อย่าคิดมาทำลายการบำเพ็ญเพียรของต้าเซียนเด็ดขาด!”
เสียงเรียกร้องของฝูงชนดังถึงเพียงนี้ กู้จิ้งฟังแล้วก็ถอนใจโล่งอก ดูท่าถึงเธอจะไม่ยอมรับแม่คนนี้ก็คงไม่ถูกผู้คนก่นด่าสินะ?
นี่คือวิธีใช้พิษแก้พิษ ถึงอย่างไรคนโบราณก็งมงายอยู่แล้วนี่นา
ถึงตอนนี้จ้าวฝูชางก็ทนดูไม่ไหวอีก เขาก้าวออกมาข้างหน้าแล้วตะโกนเสียงดังว่า “ในเมื่อเจ้าเป็นต้าเซียน ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก ทำไมถึงแต่งงานเป็นผัวเมียกับเซียวเถี่ยเฟิงได้เล่า? ในเมื่อเจ้าแต่งงานกับมนุษย์ ทำไมถึงผิดคำพูด ทำลายคำสัญญาในอดีต?”
ระหว่างที่พูด เขาก็หยิบกระดาษเขียนวันเดือนปีเกิดแผ่นหนึ่งออกมา
จ้าวจิ้งเทียนรีบห้ามบิดา “ท่านพ่อ ช่างเถิด เรากลับกันเถอะ เรื่องที่ผ่านไปแล้วอย่าพูดถึงอีกเลย ข้าจะอยู่เป็นโสดแบบนี้ล่ะ ข้าไม่อยากแต่งเมียแล้ว!”
แต่จ้าวฝูชางกลับถลึงตาใส่จ้าวจิ้งเทียน ไม่คิดจะยอมรับฟังสักนิด
เขาหันไปตะคอกใส่กู้จิ้งพลางโบกกระดาษเขียนวันเดือนปีเกิดให้ดู
“กู้จิ้ง นี่คือวันเดือนปีเกิดของเจ้า ยายเฒ่าหนิงให้คนเอามาเทียบกับจิ้งเทียนของข้า ตอนนั้นได้คำทำนายออกมาว่าพวกเจ้าเป็นคู่ที่ฟ้าประทาน! หรือเพื่อเซียวเถี่ยเฟิงแล้ว แม้แต่เรื่องนี้เจ้าก็ไม่ยอมรับ?”
กู้จิ้งได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งพูดไม่ออก นี่คิดจะเถียงข้างๆ คูๆ เกาะเธอไม่ยอมปล่อยงั้นรึ?
เขาอยากได้เธอเป็นลูกสะใภ้มาก หรือจะพูดให้ถูกก็คือหมายปองผลประโยชน์ที่ฐานะต้าเซียนของเธอจะนำมาให้ตระกูลจ้าว
“จ้าวฝูชาง ฉันฝึกวิชาเซียนแล้วลงมายังโลกมนุษย์เพื่อช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก แต่กลับไม่สามารถช่วยอวิ๋นเหนียงซึ่งเป็นน้องสาวแท้ๆ ของตัวเอง ทั้งหมดนี้เป็นเพราะอะไร ลุงย่อมรู้ดี! หากไม่ใช่ลุงโง่เขลาดื้อรั้น เห็นต้าเซียนอย่างฉันเป็นปีศาจ หากไม่ใช่ลุงมีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต อวิ๋นเหนียงน้องสาวของฉันจะตายไปในห้องคลอดหรือ? ตอนนั้นฉันช่วยเธอได้แท้ๆ แต่ลุงกลับยืนกรานไม่ยอมให้ช่วย! ลุงทำให้น้องสาวแท้ๆ ของฉันตาย ตอนนี้ยังมีหน้ามาเรียกร้องให้ฉันแต่งเข้าไปในบ้านของลุงอีกหรือ?”
กู้จิ้งนึกถึงอวิ๋นเหนียงที่ตายไป ในใจก็ทั้งคับแค้นทั้งโศกเศร้า
เธอยื่นมือไปหยิบสเปรย์กันหมาป่าทำเองออกมา “จ้าวฝูชาง น้องสาวของฉันตายไปพร้อมกับความแค้น เธอตายตาไม่หลับ! วันนี้ฉันจะใช้วิชาเซียนเรียกน้องสาวของฉันขึ้นมา ยันกับลุง!”
หา…
ได้ยินเช่นนี้ แม้แต่จ้าวฝูชางก็ยังตกใจจนหน้าซีด
นางปีศาจนี่สามารถเรียกวิญญาณคนตายได้จริงๆ หรือ?
“จริงด้วย คนที่ถูกจ้าวฝูชางทำร้ายจนตายก่อนหน้านี้คือน้องสาวแท้ๆ ของต้าเซียนนี่นา!”
“เวรกรรมแท้ๆ มิน่าตอนนั้นถึงได้มีฝนตกหนักติดต่อกันสามวัน! เพราะอวิ๋นเหนียงตายตาไม่หลับนี่เอง!” ไหนบอกว่าเป็นเพราะต้าเซียนพิโรธก็เลยใช้อาคมเสกฝนให้ตกเป็นการลงโทษยังไงล่ะ?
“โชคดีที่ต้าเซียนถูกเซียนพาตัวไป ไม่อย่างนั้นคนที่ตายคงเป็นต้าเซียนแล้ว!”
“คนที่ตายคือต้าเซียน?”
คำพูดประโยคนี้ทำให้คนที่เคยได้รับการช่วยเหลือจากกู้จิ้งถึงกับหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ หากต้าเซียนตายไป ใครจะช่วยพวกเขาเล่า!
“คนตระกูลจ้าวอำมหิตเกินไปแล้ว คิดจะทำร้ายต้าเซียนงั้นรึ!”
ในตอนนั้นเอง เสียงตะโกนด้วยความโกรธแค้นของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้น “คนตระกูลจ้าวถือดีว่ามีอำนาจ จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต! คนตระกูลจ้าวทำร้ายลูกสะใภ้ของตัวเองจนตาย ทำร้ายลิ่วจื่อของข้าจนตาย! ช้าเร็วคนตระกูลจ้าวก็ต้องถูกเวรกรรมตามสนอง!
คนคนนี้ย่อมเป็นภรรยาของลิ่วจื่อ
นางได้ที่นาและสิ่งอื่นๆ เป็นค่าชดเชยไม่น้อย แต่ในใจยังคงเคียดแค้นตระกูลจ้าว ช่วยไม่ได้ ใครให้นางเสียสามีไปเล่า? ผู้หญิงคนหนึ่งต้องเลี้ยงดูลูกๆ สองคนเพียงลำพัง ไม่ว่านางโกรธแค้นแค่ไหน ทุกคนก็รู้สึกว่ามีเหตุผลควรให้อภัย
“หากไม่ใช่จ้าวจิ้งเทียน ลิ่วจื่อคงไม่ต้องตาย”
ทุกคนส่งเสียงสนับสนุน ในใจเต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่มีต่อจ้าวฝูชาง
ภาษิตว่ากำแพงล้มผู้คนผลักซ้ำ หากเป็นยามปกติ จ้าวฝูชางคงไม่ถึงกับกลายเป็นเป้าหมายของความโกรธแค้นเช่นนี้ แต่ใครใช้ให้ครั้งก่อนที่จ้าวฝูชางวางเพลิงเผาต้าเซียนกลับถูกผู้อื่นจับได้คาหนังคาเขาซ้ำยังต้องโขกศีรษะยอมรับผิดเล่า?
นับแต่เขาคุกเข่าลง บารมีและความน่าเกรงขามของหัวหน้าพรานก็สูญสลายไปจนหมดสิ้น ดังนั้นจึงไม่มีใครเห็นเขาอยู่ในสายตาอีก
จิตใจของผู้คนเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดเช่นนี้เอง ปกติท่านมีอำนาจน่าเกรงขาม เดินอยู่ในหมู่บ้านเว่ยอวิ๋น ใครๆ ก็พากันค้อมกายคำนับ ใครๆ ก็รู้สึกว่าท่านเก่งกล้าสามารถ แต่พอท่านสิ้นอำนาจ ใครๆ ก็เห็นท่านขัดตา
หากความน่าเกรงขามถูกทำลายลงเมื่อไหร่ จะไม่มีวันสร้างขึ้นมาได้อีก
“เรื่องชั่วช้าที่จ้าวฝูชางกระทำมีเพียงแค่นี้เสียที่ไหน ครั้งนั้นหลังจากเซียวเทียนซู่ตายไป ร้านขายยาที่เชิงเขาของเขาถูกใครยึดครองไปเล่า?”
จู่ๆ ใครบางคนก็พูดขึ้น
สิ้นเสียงของเขา ทุกคนต่างนิ่งเงียบไปทันที
เรื่องเหล่านี้ผ่านไปหลายปีแล้ว ไม่มีใครกล้าพูดถึงอีก เพราะตอนนั้นเซียวเถี่ยเฟิงอายุยังน้อย
“ใช่! พูดถูก! ข้ารู้นะว่าที่นาดีๆ ของตระกูลเซียวเหล่านั้นถูกตระกูลจ้าวใช้วิธีอะไรซื้อไป รังแกคนไม่มีทางสู้น่ะสิ!”
คราวนี้เรื่องทั้งหมดก็ถูกขุดออกมา ผู้คนพากันก่นด่าจ้าวฝูชางจนยับเยินไม่มีชิ้นดี
จ้าวจิ้งเทียนมองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก เขารีบก้าวออกไปข้างหน้าแล้วกัดฟันกล่าวว่า “พ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย โปรดฟังข้าจ้าวจิ้งเทียนสักคำ…”
แต่เพิ่งพูดได้แค่ครึ่งประโยค ใครบางคนก็หันมาถ่มน้ำลายใส่
“พ่อเจ้าไม่ใช่คนดี ไม่ทำเรื่องดี เจ้าเองก็เหมือนกัน!”
“เมียเจ้าตายยังไง?”
“ตอนนั้นเจ้าทำร้ายพี่สาว ต่อมาก็ทำร้ายน้องสาว ตอนนี้ยังมีหน้าให้พ่อของเจ้ามาขอเมียให้เจ้าอีกรึ?”
“คนแบบนี้สมควรซ้อมให้ตาย!”
“ไม่ได้ๆ เดี๋ยวจะทำให้ศาลของต้าเซียนสกปรก!”
ฝูงชนขยับเข้าไปล้อมจ้าวฝูชางกับจ้าวจิ้งเทียนเอาไว้ คนตระกูลจ้าวคนอื่นๆ เห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดีก็พากันถอยหนี ไม่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย เมียของลิ่วจื่อโผเข้าไปหาแล้วยกคบไฟอันหนึ่งขึ้นฟาดใส่จ้าวฝูชาง
“ไอ้สารเลว ทำให้ผัวของข้าตาย!”
“พวกเจ้ารังแกต้าเซียนแบบนี้ ข้าจะสั่งสอนพวกเจ้าแทนต้าเซียนเอง!”
ยายเฒ่าหนิงตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ นางรีบหลบไปทางด้านหนึ่งพลางมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความตื่นตระหนก
ฝูงชนที่กำลังโกรธแค้นโผเข้าไปจับตัวจ้าวฝูชางกับจ้าวจิ้งเทียนเอาไว้ เมียลิ่วจื่อเริ่มยกไม้ขึ้นฟาด
เดิมจ้าวจิ้งเทียนยังคิดจะต่อสู้ แต่พอเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นกู้จิ้งที่ยืนอยู่ด้านข้างเข้าพอดี
กู้จิ้งซึ่งยืนอยู่บนบันไดกำลังมองมาด้วยสายตาเย็นชา
บางทีนางอาจกำลังมองเขา บางทีนางอาจไม่ได้มอง แต่ชั่วเสี้ยวขณะนี้ จ้าวจิ้งเทียนรู้สึกเหมือนในใจมีอะไรบางอย่างกำลังแตกสลาย จากนั้นเศษซากของมันก็ร่วงลงไปในดินโคลน
เรี่ยวแรงในร่างของเขาเหือดหายไปจนหมดสิ้น เขาได้แต่มองหญิงสาวที่ยืนอยู่บนบันไดด้วยแววตาเลื่อนลอย
นางคือฮุ่ยเหนียง
ที่แท้นางก็คือฮุ่ยเหนียง
เด็กหญิงตัวน้อยที่เคยจูงมือเขาแล้วเรียกเขาว่าพี่จิ้งเทียน…
เหตุรุมประชาทัณฑ์ที่เกิดขึ้นหน้าศาลของกู้ต้าเซียนในครั้งนี้ถูกตระกูลเซียวบันทึกไว้ในพงศาวดารเขาเว่ยอวิ๋นว่า
‘XXX แห่งตระกูลจ้าวมีฐานะมั่งคั่งแต่ไร้คุณธรรม ชอบข่มเหงผู้คน ต้าเซียนต้องการขจัดเภทภัยให้ปวงชน จึงนำพาชาวบ้านไปลงทัณฑ์’
แต่ลูกหลานตระกูลจ้าวกลับมีคำพูดสืบต่อกันมาว่า “ตระกูลจ้าวเรามีเงิน มีเงินมากเกินไป พวกเขาอิจฉาก็เลยข่มเหงพ่อกับปู่ของเจ้า พ่อกับปู่ของเจ้าถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ต้องพักรักษาตัวอยู่ถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน! เด็กๆ ทั้งหลาย พวกเจ้าต้องจำไว้ว่า คนเราต้องไม่โอ้อวดความร่ำรวย ไม่เช่นนั้นจะถูกผู้อื่นรังแก! พวกแซ่เซียวล้วนไม่มีคนดี!”
ไม่ว่าความจริงเป็นอย่างไร สรุปแล้วครั้งนี้สองพ่อลูกเสียท่าอย่างรุนแรง ถูกทำร้ายจนฟกช้ำดำเขียวไปทั่วร่าง ต้องหลบอยู่ในบ้านไม่กล้าออกมาพบหน้าผู้คนไปอีกนาน
ยายเฒ่าจ้าวโกรธแค้นนัก นางไปหาคนตระกูลจ้าวคนอื่นๆ หวังจะทวงถามความยุติธรรมให้สามีกับบุตรชายของตัวเอง กลางวันแสกๆ ทำร้ายผู้คนตามใจชอบได้อย่างไร? แต่คนตระกูลจ้าวคนอื่นๆ กลับปิดประตูไม่ยอมพบหน้า แสร้งทำเป็นไม่อยู่บ้าน
Related