ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม ตอนที่ 8 สามทหารเสือกับสุนัขตัวหนึ่ง
ตอนที่ 8 สามทหารเสือกับสุนัขตัวหนึ่ง
อันหลินกับหลิวต้าเป่าถูกส่งตัวไปที่ห้องกักตัวของสำนัก ซึ่งเป็นสถานที่มืดสลัวอึดอัดและอับชื้น รอบข้างไม่มีอะไรเลย ใช่แล้ว แม้แต่เตียงก็ไม่มี!
อันหลินสงสัยนิดหน่อยว่า ทำไมสภาพของห้องกักตัวถึงได้แย่ยิ่งกว่าห้องขัง
เมื่อคิดว่าตัวเองต้องนอนบนพื้นแข็งเป๊กถึงสามวัน เขาก็อดน้ำตาไหลพรากไม่ได้
สิ่งที่เห็นในห้องกักตัวมีเพียงผนังห้อง ด้านบนมีตัวอักษรสีดำตัวใหญ่เขียนไว้ว่า ‘สำนึกความผิด!’
อันหลินกับหลิวต้าเป่าถูกส่งเข้าห้องกักตัวห้องเดียวกัน
ข้างในนั้น พวกเขาพบผู้ชายคนหนึ่ง กับสุนัขสีขาวอีกตัว
ผู้ชายคนนั้นเป็นเหมือนอันหลินกับหลิวต้าเป่า ใบหน้าบวมปูดเช่นเดียวกัน
อา แม้แต่สุนัขตัวนั้นก็เต็มไปด้วยบาดแผล ท่าทางเหมือนผ่านการถูกทุบตีอย่างรุนแรงมามากทีเดียว
“สหาย เจ้าทะเลาะกับสุนัขตัวนี้หรือ” อันหลินมองผู้ชายคนนั้น เอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“ตลก ข้ากับต้าไป๋บาดเจ็บเพราะอุดมการณ์อันสูงส่งต่างหาก” ชายคนที่สภาพบาดแผลดูสาหัสกว่าอันหลินกับหลิวต้าเป่าไม่น้อยตอบด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
ชายหนุ่มมองอันหลินกับหลิวต้าเป่าแวบหนึ่ง ก็กระจ่างแก่ใจ “พวกเจ้าสองคนต่างหากที่เข้ามาเพราะทะเลาะกัน”
หลิวต้าเป่ากับอันหลินต่างก็พยักหน้า จากก็มองหน้ากันแวบหนึ่ง พอเห็นสภาพน่าสังเวชของอีกฝ่าย ทั้งสองต่างก็แสดงสีหน้าพึงพอใจออกมาอีกครั้ง
“ช่างไม่เอาไหนเสียเลย” ชายคนนั้นหัวเราะหึๆ
สุนัขสีขาวข้างๆ ก็เห่าดังโฮ่ง ราวกับว่ากำลังเห็นด้วย
เมื่อได้ยินดังนั้น หลิวต้าเป่าก็ไม่พอใจขึ้นมาทันที พูดโต้แย้งว่า “เจ้าบอกว่าเจ้าบาดเจ็บเพราะอุดมการณ์อันสูงส่ง แล้วทำไมเจ้าถึงถูกส่งเข้ามาด้วยล่ะ”
“เรื่องนี้หากให้พูดมันจะยาว…” ชายคนนั้นแสดงอาการรำลึกความหลัง
อันหลินเขยิบเข้าไปใกล้ผู้ชายคนนั้นด้วยความสงสัย พูดอย่างอยากรู้อยากเห็นว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร พวกเรามีเวลา เจ้าค่อยๆ เล่า บาดเจ็บได้อย่างไรกัน พูดออกมาให้ทุกคนเบิกบานใจหน่อย”
ชายคนนั้นถลึงตาใส่อันหลินแล้วพูดต่อว่า “พวกเจ้ารู้จักสระจันทราของสำนักหรือเปล่า”
สระจันทราเหรอ อันหลินเพิ่งเข้าสำนักได้ไม่นาน ไม่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เสียเลย
“ข้ารู้ มันเป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติขนาดใหญ่ของสำนักเรา พลังชีวิตของน้ำพุเข้มข้นเป็นพิเศษ ซ้ำยังมีสรรพคุณบำรุงความงามและหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ!
แต่ที่น่าเสียดายคือ เหมือนว่าสำนักจะกำหนดว่ามีแค่ผู้หญิงที่เข้าไปที่แห่งนั้นได้ เจ้าพูดถึงมันทำไม” หลิวต้าเป่าพูดอย่างสงสัย
นัยน์ตาของอันหลินเป็นประกายวาววาบ ยิ้มชั่วร้าย “หรือว่าเจ้า…” ชายคนนั้นพยักหน้ายิ้มๆ พร่ำพรรณนาว่า “สระน้ำเดือดพล่านระยิบระยับดุจดวงจันทรา ดั่งกระจกลอยฟ้า น้ำใสสะอาดไอน้ำขมุกขมัว ไอความร้อนโชยผมแห้งโดยไว”
คราวนี้หลิวต้าเป่าก็เข้าใจแล้วเช่นกัน พูดด้วยความตื่นเต้นว่า “หยุดท่องกลอนได้แล้ว พูดภาษาคน! บอกรายละเอียด!”
“ย่อมได้ ย่อมได้ ข้าจะเล่าอย่างละเอียดยิบ” ชายคนนั้นไม่สะทกสะท้าน พูดอย่างเชื่องช้า
“ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ายามอิสตรีอาบน้ำ เป็นภาพที่งดงามที่สุด ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งแช่น้ำ ภาพนั้นจะงดงามเหนือคำบรรยาย
เจ้าลองคิดดูสิ ในสระจันทราที่ห้อมล้อมด้วยไอสีขาว ผิวขาวสะอาดสะอ้านดุจเนื้อหยก เสียงหัวเราะอันไพเราะยามหยอกล้อกัน แถมยังมีสิ่งนั้นที่กระเพื่อมขึ้นลงตรงน้ำพุ…”
อันหลินกับหลิวต้าเป่าต่างก็กลืนน้ำลาย เริ่มมีความคิดผุดขึ้นไม่ขาดสาย บรรยากาศก็เริ่มชอบกลขึ้นมา
“แต่รอบๆ ของสระจันทรา ได้ยินว่ามีสมาชิกของหน่วยผู้บังคับใช้กฎหมายของสำนักคอยลาดตระเวน หากจะแอบมองทัศนียภาพอันงดงามมันยากดุจไต่สวรรค์” หลิวต้าเป่าพูดอย่างเสียดาย
ชายคนนั้นแสยะยิ้ม “แม้การลาดตระเวนของหน่วยบังคับใช้กฎหมายจะเข้มงวด แต่ไม่ยากเกินมือข้า”
“เอ๊ะ ใต้เท้ามีไม้เด็ดอันใดหรือ” อันหลินถามอย่างถ่อมตัว
ชายหนุ่มเหลือบมองสุนัขสีขาวข้างกายเขาแวบหนึ่ง แล้วพูดยิ้มๆ ว่า “อันนี้ต้องพึ่งผู้ช่วยมือดีของข้าต้าไป๋แล้วล่ะ”
ต้าไป๋เห่าโฮ่ง กระดิกหาง เชิดหน้าขึ้นด้วยความหยิ่งผยอง
“มีอัญมณีชนิดหนึ่ง เรียกว่าหินกระจกวารีผิวน้ำแข็ง มันเป็นเหมือนกระจก สามารถเก็บภาพที่มันเห็นไว้ข้างในด้วยรูปแบบของภาพเคลื่อนไหว! ส่วนข้าจะทำอัญมณีชนิดนี้เป็นปลอกคอ แขวนไว้ที่คอของต้าไป๋ ให้มันเข้าไปในสระจันทรา!”
ใบหน้าของอันหลินฉายความตะลึง ประโยชน์ของหินกระจกวารีผิวน้ำแข็งที่ว่านี้เป็นเหมือนกล้องถ่ายรูปหรือเปล่า
“เด็ด! เด็ดจริงๆ! ให้ต้าไป๋เข้าไปในสระจันทรา คิดว่าพวกสาวๆ คงจะไม่คิดระแวดระวังสุนัขตัวหนึ่งหรอก เช่นนี้ก็สามารถเก็บภาพได้อย่างสบายใจแล้ว” อันหลินชื่นชมไม่หยุด
ตอนนี้หลิวต้าเป่าก็แสดงอาการศรัทธาในตัวชายหนุ่มคนนั้นเช่นกัน ถามอย่างนอบน้อมและตื่นเต้นว่า “ขอบังอาจถามพี่ชายว่า ตอนนี้ยังมี ‘ข้อมูล’ เก็บไว้หรือเปล่า”
ชายคนนั้นถอนหายใจ ใบหน้าฉายความเสียดาย “ตอนแรกเกือบจะสำเร็จอยู่แล้ว ไม่คิดว่าจะถูกหญิงงามแห่งรุ่นเราที่ชื่อซูเฉี่ยนอวิ๋นคนนั้นจับได้”
“ซูเฉี่ยนอวิ๋นหรือ ซูเฉี่ยนอวิ๋นที่ถูกขนานนามว่าเป็นเทพีอันดับหนึ่งแห่งสำนักความร่วมมือบำเพ็ญเซียนตั้งแต่เข้าเรียนคนนั้นน่ะหรือ” หลิวต้าเป่าถามอย่างแคลงใจ
“ใช่ นางนั่นแหละ ตอนนั้นนางก็แช่น้ำร้อนอยู่ด้วย” ชายคนนั้นแค่นยิ้ม “ใครเล่าจะรู้ว่านางรู้ได้อย่างไรว่าต้าไป๋นั้นผิดปกติ นางไม่ได้สังเกตเห็นหินกระจกวารีผิวน้ำแข็งบนคอต้าไป๋เท่านั้น แต่ยังตามพลังปราณบนหินกระจกวารีผิวน้ำแข็งจนเจอตำแหน่งของข้าอีกด้วย…”
“ดังนั้น เจ้ากับต้าไป๋เลยอยู่ในสภาพแบบนี้ใช่ไหม” อันหลินมองผู้ชายกับสุนัขสีขาวตรงหน้า ที่ล้วนถูกทุบตีจนดูไม่ได้ด้วยความเห็นใจ
หลิวต้าเป่ากลับไม่แสดงความเห็นใจมากเท่าใดนัก กลับพูดอย่างอิจฉาแทนว่า “ตายใต้ดอกโบตั๋น แม้เป็นผีก็ผ่าเผย[1] ที่จริงถูกเทพีลงไม้ลงมือก็ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ”
ชายคนนั้นกลอกตาใส่หลิวต้าเป่า “หากถูกซูเฉี่ยนอวิ๋นทำร้ายแค่คนเดียวก็ไม่เป็นไรหรอก เจ้าลองดูว่าถูกแม่เสือสาวหลายสิบตัวรุมสกรัมในเวลาเดียวกันนั้นรู้สึกอย่างไร ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่มีทางรู้สึกสุขใจได้แน่ๆ…
บอกพวกเจ้าตามตรง ตอนนั้นข้าถูกรุมสกรัมจนเกือบคิดว่าข้าหมดซึ่งสมรรถภาพในการสืบพันธุ์แล้ว…
แต่ว่า…
ข้าไม่นึกเสียใจ อุดมการณ์อันสูงส่งยังไม่บรรลุผล ข้าจะกลับมาอีกแน่!” ชายคนนั้นพูดอย่างมุ่งมั่น
เมื่อได้ยินประโยคนี้ อันหลินกับหลิวต้าเป่าต่างก็สะดุ้ง รู้สึกเลื่อมใสศรัทธา
อันหลินยกมือคารวะพลางถามว่า “ความกล้าหาญและสติปัญญาในการวางแผนของใต้เท้าทำให้ข้านับถือ ขอบังอาจถามว่าท่านชื่อแซ่อะไร”
“จ้าวหวายหยิน ห้องยี่สิบห้า” ชายคนนั้นพูดอย่างเคร่งขรึม
“อันหลิน ห้องหนึ่ง” อันหลินเองก็พูดแนะนำตัวด้วยเช่นกัน
“หลิวต้าเป่า ห้องหนึ่งร้อย!” หลิวต้าเป่าพูดอย่างลิงโลด
“โฮ่งๆ!” ต้าไป๋เห่า
หลังสามคนหนึ่งสุนัขแนะนำตัวกันแล้ว ต่างก็มองหน้ากันยิ้มๆ ให้ความรู้สึกเหมือนสาบานเป็นพี่น้อง
“ที่แท้เจ้าก็คืออันหลินผู้ที่มีฉายาว่า ‘เด็กเส้นที่เส้นใหญ่ที่สุด’ ของสำนักเราเองหรือ ได้ยินชื่อมานานแล้ว!” จ้าวหวายหยินพูดด้วยความตกใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็มองหลิวต้าเป่า “ส่วนเจ้าก็คือหลิวต้าเป่า บุตรแห่งเซียนสวรรค์อวี้ติ่งนี่เอง ชื่อของเจ้าข้าก็ได้ยินมานานแล้วเช่นกัน ดีใจที่ได้พบ!”
“พี่หยิน ได้พบเจ้าต่างหากที่เป็นบุญวาสนาของข้า ต่อไปขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย!” หลิวต้าเป่ามองจ้าวหวายหยินด้วยสายตาที่นับถือ พูดพร้อมกับยกมือคารวะ
หลิวต้าเป่าเป็นถึงบุตรแห่งเซียนสวรรค์ คราวนี้ถึงตาอันหลินตกตะลึงบ้างแล้ว สำหรับระดับพลังยุทธ์ของผู้บำเพ็ญเซียน ตอนนี้อันหลินก็พอเข้าใจบ้างแล้ว
ขั้นหล่อเลี้ยงวิญญาณก็สามารถเป็นเซียนน้อย เลื่อนขั้นเป็นเซียนในสรวงสวรรค์
เมื่อระดับพลังยุทธ์เพิ่มขึ้นอีกขั้น ก็จะกลายเป็นเซียนพสุธาของระดับแปลงจิต
จากนั้น จึงจะเป็นเซียนสวรรค์ของระดับหวนสู่ความว่างเปล่า
ในสรวงสวรรค์ เซียนสวรรค์มีฐานะสูงเหนือสิ่งใด
สามารถกล่าวได้ว่า ผู้เที่ยงแท้ไม่ปรากฏตัว เซียนสวรรค์ก็คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งสรวงสวรรค์
สิ่งที่ทำให้อันหลินตะลึงคือ เซียนสวรรค์อวี้ติ่งที่มีพลังยุทธ์ขั้นเซียนสวรรค์ กลับมีลูกชายที่เกือบจะถูกตัวเองเอาชนะแบบนี้
มันทำให้อันหลินจมอยู่ในภวังค์ความเงียบ หลิวต้าเป่าใช่ลูกแท้ๆ ของเซียนสวรรค์อวี้ติ่งจริงๆ หรือ…
ด้วยเหตุนี้ หลังผ่านการแนะนำตัวแล้ว สามคนหนึ่งสุนัขก็พูดคุยกันโดยที่ไม่มีความห่างเหินเลยสักนิด
ภายในห้องกักตัว มีเสียงหัวเราะดังขึ้นบ่อยครั้ง เป็นภาพที่สุขสม และเบิกบานอย่างยิ่ง
…………………………..
[1] ตายใต้ดอกโบตั๋น แม้เป็นผีก็ผ่าเผย หมายถึง แค่ได้ทำเพื่อหญิงสาวที่ถูกตาต้องใจ แม้ตายก็คุ้มค่า
Related