ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม ตอนที่ 62 มาเลย ผ่ามาเลย
ตอนที่ 62 มาเลย ผ่ามาเลย
ค่าจ้างราคาถูกแบบนี้ ทำให้อันหลินอยากระดมนักพรตกายแห่งมรรคขั้นสิบเพิ่มขึ้นอีกหน่อยอย่างอดไม่ได้
เพราะคนยิ่งเยอะยิ่งมีกำลังมากไม่ใช่เหรอ
แต่สุดท้ายเขาก็ทิ้งความคิดนี้ไป
นักพรตกายแห่งมรรคขั้นสิบสิบคนกับระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณสามคน กำลังพลเท่านี้ยิ่งใหญ่มากพอแล้ว
หากว่าศัตรูเป็นแค่แมงมุมร้อยเนตรตัวเดียวละก็ เช่นนั้นก็มีแต่จะถูกรุมสกรัม
การเผชิญหน้ากับอันตรายอันแปลกหน้า กำลังพลเพียงพอจะรับมือได้แล้ว
ขอแค่สัตว์ประหลาดระดับจักรพรรดิไม่โผล่มา ต่อให้สู้ไม่ได้ก็หนีพ้น
หากสัตว์ประหลาดระดับจักรพรรดิปรากฏตัว ต่อให้มีนักพรตกายแห่งมรรคมากเท่าใดก็สูญเปล่า…
อันหลินให้เวลากำลังเสริมเตรียมตัวสองวัน รวมตัวกันที่เมืองหรงเฉิงในสองวันให้หลัง จากนั้นค่อยมุ่งหน้าไปที่เทือกเขาคุนหลุนพร้อมกัน
พวกเถียนหลิงหลิงกับสวีเสี่ยวหลาน พอใจกับผลลัพธ์ของการระดมกำลังพลเป็นอย่างมาก จากนั้นก็แยกย้ายกันไปจัดการธุระของตัวเอง
ผ่านไปอีกวันอย่างรวดเร็ว
วันต่อมา เถียนหลิงหลิงก็ยกกล่องกระดาษใบใหญ่เข้ามาในห้องอันหลินหลายใบ
เมื่อเห็นร่างเล็กๆ ของเธอยกกล่องที่ใหญ่กว่าขนาดตัวเสียอีก ก็ทำให้อันหลินรู้สึกประทับใจในความน่ารัก
ภายในกล่องที่เถียนหลิงหลิงยกมา ล้วนเป็นสินค้าที่อันหลินวานให้เธอช่วยจัดการให้
สินค้าน้อยใหญ่นานาชนิดมีร่วมหลายร้อยชิ้น
อันหลินตรวจนับทีละชิ้น พบว่าไม่มีอะไรตกหล่น
เขาจึงให้หินวิญญาณสิบก้อนกับเถียนหลิงหลิงด้วยความดีใจ เพื่อเป็นค่าตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ สำหรับการซื้อของครั้งนี้
เมื่อเขาเห็นเถียนหลิงหลิงกอดหินวิญญาณ กลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงอย่างมีความสุข ก็จมอยู่ในภวังค์ความคิด
นักพรตบนโลกใบนี้…ยากจนขนาดนี้จริงๆ เหรอ
อันหลินเก็บสินค้าทั้งหมดใส่แหวนมิติ จากนั้นก็เดินไปเปิดม่านที่ประตูระเบียง
บนท้องฟ้ามีเมฆดำปกคลุมไปทั่ว เมื่อมองออกไปมันช่างมืดสลัว
ภายในชั้นเมฆหนา เป็นเสียงฟ้าคำรามดังทุ้ม
“ฟ้าผ่าแล้ว ฝนตกแล้ว ท่าทางคงต้องอยู่แต่ในโรงแรมซะแล้ว”
เถียนหลิงหลิงนอนแผ่บนเตียง แกว่งขาเรียวได้สัดส่วนไปมา พร้อมกับพูดเสียงหวาน
อันหลินมองปรากฏการณ์บนท้องฟ้า เมื่อได้ยินหญิงสาวข้างหลังพูดว่าฟ้าผ่า จู่ๆ ก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นในใจ
ความคิดนี้รุนแรงอย่างยิ่ง ทำให้เกิดความคิดอยากเสี่ยงอันตรายเป็นอย่างมาก…
…
บนดาดฟ้าของตึกสูง ลมพัดกรรโชก สายฝนเทกระหน่ำ
เซวียนหยวนเฉิง สวีเสี่ยวหลานและเถียนหลิงหลิง ต่างก็มองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความกังวล
เซวียนหยวนเฉิงพูดอย่างสุภาพว่า “สหายอันหลิน ความคิดนี้อันตรายยิ่งนัก ข้าว่าเจ้าคิดใหม่เถอะ!”
สวีเสี่ยวหลานตะโกนด้วยความกังวลว่า “อันหลิน เจ้าทำเพื่ออะไร เอาชีวิตมาล้อเล่นแบบนี้ได้อย่างไร ฟังข้านะ เรากลับกันเถอะ!”
เถียนหลิงหลิงพูดเสียงตื่นเต้นว่า “นักพรตจอมปลอม นายมีหินวิญญาณอีกหรือเปล่า แบ่งมรดกก่อนดีไหม…เห็นแก่ที่ฉันรู้จักนาย เพิ่มหินวิญญาณให้อีกสิบก้อนได้ไหม”
เสี่ยวหงที่นอนคว่ำบนไหล่ของสวีเสี่ยวหลานร้องไห้สะอึกสะอื้น “ฮือ…นายท่าน ถ้านายท่านตายข้าก็ไม่รอดน่ะสิ ทำไมต้องดึงข้าติดร่างแหไปด้วยล่ะ…”
เสี่ยวหงออกจากกระเป๋าของอันหลินนานแล้ว
พูดเป็นเล่น ถ้าไม่ออกมาละก็ เดี๋ยวอันหลินไม่ตาย แต่มันคงตายไปแล้ว!
เมื่อได้ยินคำพูดของทุกคน อันหลินแค่หันมายิ้มบางๆ จากนั้นทิ้งแผ่นหลังอันสง่างามไว้ให้ทุกคน ปล่อยว่าวของเขาต่อไป…
เมฆหนาดำทะมึนมีสายฟ้ากะพริบแปลบปลาบ สายลมคลั่งพาว่าวให้ลอยสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
อันหลินก็ปล่อยเชือกไม่หยุด ให้มันค่อยๆ ลอยขึ้นไปข้างบน
ในตอนนี้ เขารู้สึกเพียงว่าความกล้าหาญอัดแน่นเต็มอก
โบราณมีเบนจามิน แฟรงคินปล่อยว่าวทดสอบสายฟ้า ปัจจุบันมีอันหลินปล่อยว่าวท้าสายฟ้า!
ใช่แล้ว อันหลินอวดดี ตั้งใจว่าจะยอมให้ฟ้าผ่า!
ตอนนี้เขามีวิชาบงกชพสุธาขั้นหนึ่งกับวิชาแห่งอานุภาพแล้ว ขอแค่บรรลุอีกหนึ่งวิชา เขาก็จะเลื่อนระดับเป็นกายแห่งมรรคขั้นสิบแล้ว!
ขอแค่ฟ้าผ่าครั้งเดียว เขาก็บรรลุเงื่อนไขถึงสองข้อในเวลาเดียวกัน!
ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว จะไม่ให้ดีใจได้อย่างไร
ปัญหาเพียงข้อเดียวก็คือ เขาจะเอาชีวิตรอดจากสายฟ้าได้หรือไม่…
เพื่อนสามคนที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ มองการกระทำของอันหลินอย่างหวาดกลัว
หากอันหลินไม่ขอร้องให้พวกเขาเตรียมค่ายกลรักษา พวกเขาคงคิดว่าอันหลินบ้าไปแล้วจริงๆ
ไม่สิ แม้จะเป็นแบบนี้ พวกเขาก็คิดว่าอันหลินเสียสติไปแล้วอยู่ดี!
หากแฟรงคินเห็นฉากนี้เข้า เขาก็คงคิดว่าอันหลินบ้าไปแล้วเหมือนกัน!
นี่ไม่ใช่การอุทิศตนเพื่อวิทยาศาสตร์ แค่เป็นการรนหาที่ตาย!
ว่าวทำมาจากโลหะพิเศษ เชือกก็เป็นเส้นโลหะ ปลายเชือกพันรอบมืออันหลิน
ขอแค่ฟ้าผ่าว่าว กระแสไฟฟ้าก็จะไหลผ่านเส้นโลหะมาถึงตัวเขา
เขาแหงนหน้ามองฟ้า พลังงานสายฟ้าอันน่ากลัวก่อตัวในชั้นเมฆ ชวนให้เนื้อตัวสั่นเทา
ไม่อาจอธิบายได้ว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหน
เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะถูกฟ้าผ่าเมื่อใด และไม่รู้เหมือนกันว่าหลังถูกฟ้าผ่าจะเป็นอย่างไร จะตายหรือไม่
ความรู้สึกแบบนี้ พูดได้คำเดียวว่า…ระทึกใจสุดๆ!
ว่าวลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ เข้าใกล้ชั้นเมฆเข้าไปทุกที
เสียงฟ้าคำรามดังมาจากชั้นเมฆ ใจของอันหลินก็เริ่มเต้นเร็วขึ้น
มาแล้ว…มาแล้ว…จะมาแล้ว…
มือของเขาสั่นระริก แม้จะมีวิชาบงกชพสุธาคอยคุ้มกัน ร่างกายแข็งแกร่งกว่านักพรตทั่วไป แต่นั่นมันฟ้าผ่าเชียวนะ! กระแสไฟหมื่นโวลต์คุณไม่กลัวหรือไง
แม้พลังเหล่านี้จะไม่โจมตีอันหลินทั้งหมด แต่มันก็น่ากลัวไหมเล่า!
ขณะที่อันหลินกำลังตื่นเต้นอย่างยิ่ง ท้องฟ้าก็สว่างวาบ เขาอยากมองว่าเกิดอะไรขึ้น
พลังงานอันน่ากลัวก็ม้วนตัวไปทั่วร่างกายในพริบตา ความเจ็บปวดและอาการชาเข้าครอบงำ!
สามคนที่กำลังยืนดูเห็นสายฟ้ากะพริบแปลบปลาบ อันหลินถูกฟ้าผ่าเป็นคุณลุงชาวแอฟฟริกัน ว่าวก็เริ่มร่อนลงมาช้าๆ…
ครืน!
ขณะนั้นเอง เสียงดังสนั่นหวั่นไหวก็เริ่มแว่วมา
ติ้ง
บรรลุอัสนีมรรควิถีขั้นหนึ่งแล้ว รู้วิชาเรียกสายฟ้าแล้ว…
ติ้ง
รู้วิชาในระบบต่างประเภทสามชนิดแล้ว ตอนนี้เริ่มการทะลวงขั้น…
อันหลินเนื้อตัวดำเกรียม สมองขาวโพลน
เมื่อเขาอ้าปาก ก็มีควันสีขาวลอยออกมา “สำเร็จ!”
พูดจบ เขาก็ตาเหลือก หมดสติล้มหงายตึงทันที
“อันหลิน!”
สามคนนั้นแทบจะตะโกนออกมาพร้อมกัน พุ่งตัวเข้าไปหาคน จากนั้นก็โยนวิชารักษาต่างๆ นานาใส่ตัวเขาไม่หยุด…
…
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน อันหลินค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา
สิ่งที่เข้าสู่ลานสายตาคือ ใบหน้าของเจ้าอ้วนที่เอาแต่แคะจมูกไม่หยุดคนหนึ่งกำลังจ้องเขาในระยะประชิด
“คุณพระ! แกเป็นใคร!”
อันหลินตกใจจนลุกพรวดขึ้นมา ตะโกนโวยวายเสียงดัง
“ฮาย สหายอันหลิน ฉันคือผู้พิทักษ์ของกลุ่มพิทักษ์โลกเอง!” เจ้าอ้วนขยับพุงใหญ่ๆ ของเขา พูดขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี
อันหลินได้ฟังก็แน่นิ่งไป
คุณพระ! เจ้านี่คือผู้พิทักษ์โลกงั้นเหรอ
ในจินตนาการของเขา บุคคลยอดฝีมือที่ขโมยเทคโนโลยีสุดล้ำถึงอเมริกาได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเป็นคนที่มาดแมนอย่างชวาร์เซเน็กเกอร์สิ ทำไมถึงเป็นเจ้าอ้วนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ล่ะ!
คล้ายว่าอ่านความคิดของอันหลินออก เจ้าอ้วนเลยโชว์วิชาหมัดอันทรงพลังหลายท่า “อย่าดูถูกฉันเชียวนะ ฉันเป็นจอมอ้วนผู้ปราดเปรียว!”
อันหลิน “…”
หลังฟื้นขึ้นมา ก็ทราบจากปากของผู้พิทักษ์โลกว่า หลังเขาถูกฟ้าผ่า ผ่านไปแล้วหนึ่งวันเต็มๆ
ตอนนี้ นักพรตแดนมนุษย์ส่วนใหญ่รวมตัวกันที่โรงแรมแล้ว เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางไปเทือกเขาคุนหลุนในวันพรุ่งนี้
อันหลินตรวจสอบร่างกายของตัวเอง สัมผัสได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ ก็ดีใจเป็นล้นพ้น
เขาในตอนนี้ บรรลุกายแห่งมรรคขั้นสิบแล้ว!
แววตาของเขาเป็นประกาย “เยี่ยมมาก ได้เวลาแสดงความสามารถแล้ว!”
Related