บทที่ 95 สองพี่น้องที่โชคร้าย
โจวชูวหยูและเหอหยวนหยวนเป็นเพียงนักศึกษาวิทยาลัยเท่านั้น ดังนั้นทักษะของพวกเธอจึงมีจํากัดอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามพวกเธอก็มีรากฐานที่ดีเช่นกัน พวกเธอสามารถตัดต่อคลิปบางส่วนเพื่อทําเป็นตัวอย่างได้ อย่างน้อยก็ไม่มีปัญหาในการดึงดูดความสนใจของคนดูและหลิงกูเสี่ยวก็เป็นคนแรกที่ถูกดึงดูด
“อะไรนะ?
“นี่มันอะไรกันเนี่ย!”
คลิปสั้นๆ ของคนสองคนที่กําลังต่อสู้กัน คลิปสั้นๆของกลุ่มคนจํานวนมากที่ต่อสู้ในระยะประชิด ฉากประกอบเองก็ดีเป็นอย่างมาก ไหนจะเรื่องของการการต่อสู้ทางทะเลนั้นอีก เห็นได้ชัดว่านี้เป็นการผสมผสานระหว่างความงามที่ไร้ติกับการต่อสู้อันดุเดือดได้เป็นอย่างดี ดังนั้นคลิปโปรโมตสั้นๆเพียง 2 นาที 11 วินาทีนั้นก็เพียงพอให้เกิดกระแสขึ้นมาได้แล้ว
หลิงกูเสียวและเสี่ยวหยานได้ดูหน้ากันหลายๆครั้งติดต่อกัน นอกเหนือจากคําสําคัญสี่ “ผลิตโดยสตูดิโอจักวาล” พวกเขาไม่สามารถหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องอื่นๆได้ ก่อนหน้านี้เขาเคยสงสัยแล้วว่าลัทธิเต๋อาจจะได้จัดตั้งทีมของตัวเองขึ้นมา แต่มันก็เป็นเพียงการสมมุติฐานเท่านั้น แต่มาตอนนี้เขาได้หลักฐานชิ้นนี้มามันยิ่งตอกย้ําให้เขาเชื่อสมมติฐานนั้นมากขึ้น นี้อาจจะเป็นชื่อที่มหรือบริษัทภายใต้การนําของอีกฝ่าย
ด้วยวิดีโอนี้หลิงกูเสียวรีบตรงไปที่แผนกภาพยนตร์และโทรทัศน์ เพราะเขาการตัดสินใจต่อไปนี้ไม่สามารถทําได้ด้วยตนเอง
เมื่อมีวิดีโอ “เบื้องหลัง” ที่เคยเปิดตัวมาก่อนหน้าเป็นตัวช่วย ประกอบกับคําแนะนําจา กผู้มีชื่อเสียงทางอินเทอร์เน็ตจํานวนมากมันจึงทําให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ของโวหยุได้กลายเป็นไวรัสทันที
ไม่ว่าวิดีโอจะปรากฏบนเว็บไซต์ไหน มันก็จะเต็มไปด้วยความคิดเห็นเชิงบวกมากมาย
” จัดทําโดยสตูดิโอจักวาลคืออะไร?”
” ตั้งแต่ตอนไหนที่ประเทศเรามีทีมงานผลิต CG ระดับโลกแบบนี้?”
“ทําไมฉันถึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้?”
มีคําถามมากมาย เช่น ” นี้เป็นตัวอย่างของจริงใช้ไหม?” แต่คําถามพวกนี้ก็จะถูกกลืนโดยความคิดเห็นอื่นๆทันที เพราะคลิปวิดีโอสั้นๆเพียง 2 นาที 11 วินาที นี้มันก็เพียงพอสําหรับทุกคน ต้องคุกเข่าและตะโกนวาส “เปิดและรับเงินของฉันไปซะ!”
ในคลิปตัวอย่างได้มีการสู้รบทางทะเลเช่นกัน เมื่อรวมกับคลิปเบื้องหลังที่มีอยู่ก่อนแล้ว มันยี่งทําให้ผู้ชมต่างก็เกิดอารมณ์ร่วมไปกับมันมากขึ้น พวกเขาบางคนถึงกับก รีดร้องออกมาโดยตรงเมื่อดูมัน “โอ้พระเจ้า! มันช่างสวยงามจริงๆ ”
หลายคนเคยด่าโจวหยูมาก่อน เพราะทุกคนคิดว่าเหตุผลที่เขาต้องการเผาเรือจําลองที่สวยงามจํานวนมากเพียงแค่ต้องการสร้างชื่อเสียงของตัวเองเท่านั้น นั้นจึงทําให้หลายคนต่างก็ดูถูกเขา อย่างไรก็ตามมาตอนนี้ที่พวกเขาได้เห็นภาพยนตร์ที่สวยงามอันนี้ มันก็ทําให้พวกเขารู้ว่าที่อีกฝ่ายเผาโมเดลเรือเหล่านั้นไปเพราะต้องการสร้างฉากการสู้รบอันสวยงามอันนี้นี้เอง
” พี่ชาย! ฉันผิดไปแล้ว! ฉันเป็นหนี้คุณสําหรับคําขอโทษ…เออ..แต่พี่ชายช่วยบอกฉันได้ไหมว่าเวอร์ชั่นเต็มจะเปิดตัวเมื่อไหร่?”
” ตอนนี้คลิปวิดีโอนี้ได้กลายเป็นไวรัสไปแล้ว! พระเจ้า! มันพึ่งผ่านมาไม่กี่ชั่วโมงเองนะ!”
** ร้องไห้หนักมาก * โอ้พระเจ้าไม่นะ! ทําไมคุณต้องทําสิ่งนี้กับนักเรียนอย่างเราๆด้วย วันหยุดฤดูร้อนเพิ่งจะจบลงไปและตอนนี้คุณเพิ่งปล่อยตัวอย่างนี้มา?”
บรรดาผู้ที่ได้ดูวิดีโอตัวอย่างทุกคนต่างก็จําชื่อของสตูดิโอจักวาลได้ ไม่ว่าจะเป็ นข่าวปลอมหรือไม่ด้วยวิดีโอนี้มันก็เกินพอที่จะเรียกพวกเขาว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ คําถามต่อไปก็คือใครเป็นเจ้านายของบริษัทนี้
สมาชิกที่เป็นที่รู้จักมีเพียงคนเดียวนั้นก็คือโจวหยู ซึ่งเขาได้เป็นคนถ่ายฉากการต่อสู้ทางทะเลและเขายังได้ปรากฏตัวในคลิปเบื้องหลังอีกด้วย นี้จึงอาจจะเรียกได้ว่าเป็นเพียงเบาะแสเดียวที่พวกเขามี
ในแง่ของการแบ่งงานพวกเขาคิดว่าชายที่ชื่อโจวหยูนั้น น่าจะรับผิดชอบการถ่ายเพียงฉากต่อสู้ทางทะเลเท่านั้น เขาคงไม่มีสวนช่วยในด้านทางเทคนิคมากนัก ดังนั้นเจ้านายที่แท้จริงควรเป็น ” คนอื่น” มากกว่า
น่าเสียดายที่ไม่มีใครรู้ว่าคนอื่นนั้นเป็นใคร แม้แต่โจวหยูเองก็บอกว่าพวกเขาได้สื่อสารกันบนอินเตอร์เน็ตเท่านั้น และมันจะไม่มีการเปิดรับสมาชิกอื่นอย่างเด็ดขาด
ด้วยการซ่อนตัวอยู่หลังคอมพิวเตอร์ มันทําให้ทีมลึกลับเหล่านี้เอาชนะใจแฟนๆอนิเมชั่นทุกคนด้วยทักษะที่ยอดเยี่ยม มันเต็มไปด้วยความรู้สึกขององค์กรลับ แต่เมื่อรู้ว่าพวกเขาเป็นเพียงกลุ่มโอตาคุสก็ดูเหมือนจะสมเหตุสมผลมาก เครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้นมีขนาดใหญ่มากจนเป็นเรื่องปกติที่จะมีโอตาคุสที่มีฝีมือมากมายหลบซ่อนอยู่
สรุปแล้วคลิปวิดีโอสั้นๆนี้ก็ได้กลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมา
ในแง่ของประเด็นที่ผู้คนสนใจนั้นก็คือการติดต่อระหว่างกัน ก่อนหน้านี้โจวหยูได้พูดออกมาว่าพวกเขาไม่ได้รู้จักซึ่งกันและกัน นั้นมันเป็นเรื่องที่ตัดใจที่จะเชื่อได้ยาก คุณบอกว่าคุณไม่รู้จักกันตามปกติคนที่ไม่รู้จักกันจะมีความน่าเชื่อถือมากขนาดไหนกัน? และยิ่งนี้เป็นการร่วมมือกันเพื่อส ร้างภาพยนตร์ชั้นดีขึ้นมา เพียงแค่พวกเขาทํามันสําเร็จแค่พวกเขาขายลิขสิทธิ์นี้ออกไปมันก็ทําให้ พวกเขารวยได้แล้ว เมื่อถึงเวลานั้นขึ้นมาพวกเขาจะแบ่งปันเงินอย่างไร? ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นโอตาคุแต่ยังไงคนก็จําเป็นต้องใช้เงินดังนั้นในเรื่องนี้มันจึงเป็นประเด็นที่ผู้คนสนใจเป็นอย่างมากลองลงมาจากการเปิดตัวถาพยนตร์
และมันก็เกิดเรื่องการต่อสู้ขึ้นจริงๆ แต่คนที่ต่อสู้ไม่ได้มาจากสตูดิโอจักวาล กลับเป็นตัวแทนของบริษัทแพนกวินมังงะและบริษัทเกมฉันเป็นโอตาคุ
หลังจากหลิงกูเสี่ยวแห่งบริษัทแพนกวินมังงะได้ส่งวิดีโอไปยังแผนกเพนกวินภาพยนตร์และโทรทัศน์แล้ว มันก็เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ขึ้นในแผนกนี้ทันที งานหลักของภาพยนตร์และโทรทัศน์เพนกวินคือการดัดแปลงมังงะที่ยอดเยี่ยมให้เป็นอะนิเมะ บางครั้งพวกเขาก็ลงทุนในภาพยนตร์เชิงพาณิชย์บางเรื่องเช่นกัน แต่พวกเขาก็ไม่ประสบความสําเร็จมากมายอะไร
แอสแซสซินก็ถือเป็นโครงการที่พวกเขาจะดันขึ้นมาทําเป็นภาพยนตร์เช่นกัน โครงการนี้ได้เริ่มต้นแล้วของขั้นตอนการวิจัยภายใน จากการวิจัยการตลาดไปจนถึงต้นทุนการผลิตทุกอย่างได้ทําอย่างลับๆ ดังนั้นเมื่อพวกเขาได้ยินว่านักเขียนของมังงะอัสแซสซินส์อย่างอาจารย์วังฟาสต์ได้ทําการปล่อยคลิปวิดีโอสั้นออกมา สิ่งแรกที่พวกเขาคิดก็คือการที่อีกฝ่ายทําแบบนี้มันเป็นการละเมิดอย่างชัดเจน
แต่เมื่อพวกเขาดูที่ชื่อของภาพยนตร์ พวกเขาก็โล่งใจขึ้น โชคดีที่มันถูกเรียกว่าโจรสลัดผลไม้ไม่ใช่อัสแซสซินส์
แต่จากนั้นพวกเขากลับตกตะลึงอย่างสมบูรณ์กับคุณภาพของภาพยนตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวหน้าแผนกอย่างเจิ้งฉีภาพยนตร์และโทรทัศน์ เขาถึงกับตบโต๊ะประชุมอย่างหนัก
“ดี! ดี! ดี! ฉันใช้ความพยายามและเงินมากมายในการรวบรวมแอนิเมชั่นที่มีความสามารถจากทุกที่ทั่วประเทศ แต่มันก็ไม่สามารถสู้กับกลุ่มลึกลับนี้ได้! ใครสามารถบอกฉันได้ไหมว่าทีม งามของเราก็สามรถทําได้แบบพวกนั้น!…”
หลังจากความหงุดหงิดหายไป เจิ้งและหลิงกูเสียวก็ปิดประตูห้องประชุมและพูดคุยกันพักหนึ่ง เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะต้องคุยกันเกี่ยวกับเรื่องการขอรับรับลิขสิทธิ์ภาพยนตร์เรื่องโจรสลัดผลไม้นี้ พวกเขาได้สังเกตเห็นว่าผู้ปล่อยคลิปนี้เป็นเพียงบุคคลทั่วไปเท่านั้น นี้หมายความว่าอะไร? มันก็หมายความว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ยังไม่ได้เป็นของบริษัทไหนยังไงละ! ดังนั้นพวกเขางต้องรีบทําให้มันเร็วที่สุด!
แต่เมื่อพวกเขาคิดจะลงมือทํา มันก็เกิดปัญหาขึ้นมาทันทีนั้นก็คือพวกเขาต้องไปติดต่อกับใคร กัน?
หลิงกูเสี่ยวนั้นมีการตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาคิดไปถึงผู้นับถือลัทธิเต๋าที่เป็นบุคคลที่ แปลกๆคนนั้นทุกคนต่างก็รู้ว่าเขาเป็นคนแปลกแค่ไหน แผนกมังงะได้ออกมาขอโทษกับเจ้าของงานจํานวนมากเกี่ยวกับบุคคลนี้ ไม่เพียงแต่อีกฝ่ายจะไม่ยอมออกงานหรือรับรางวัลอะไร แต่มันยังทําให้เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ทําให้ตัวบริษัทแพนกวินกลายเป็นเรื่องตลกไปอีกด้วย ซึ่งเรื่องนี้ทางบริษัทก็ทําได้เพียงอยู่เงียบได้เท่านั้น
เมื่อคิดถึงเงื่อนไขก่อนหน้านี้ มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาติดต่ออีกฝ่ายไปขอซื้อลิขสิทธิ์ไม่ใช้ ว่าเขาจะเกิดบ้าขึ้นมาแล้วทําลายผลงานชิ้นนี้ไปนะ? ความคิดนี้ของพวกเขาก็ไม่ผิดมากนัก เพราะก่อนหน้านี้โจวหยูเองก็มีความคิดที่จะทําลายมันจริงๆหลังจากที่เขาดูพอใจแล้ว แต่ด้วยการสั่งอย่างเด็ดขาดของโจวชูวหยมันทําให้โจวหยุไม่มีทางเลือกที่จะต้องเก็บมันเอาไว้
ในท้ายที่สุดการตัดสินใจขั้นสุดท้ายของพวกเขาคือการแบ่งงานออกเป็นสองส่วน เจิ้งฉีจะเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดตั้งโครงการและขอรับการอนุมัติจากหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่หลิงกูเสียวจะเป็นผู้ดูแลการติดต่อโจวหยูโดนตรงทั้งหมด ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นคนที่มีหน้าที่ดูแลโจวหยูเดิม
หลิงกูเสียวมีสีหน้าหม่นหมองทั่วใบหน้าเมื่อการประชุมจบลง บอกความจริงกับพวกคุณเขานั้นไม่ชอบติดต่อกับโจวหยูจริงๆ ผู้ชายคนนั้นแปลกเกินไป มันเป็นเรื่องหนักใจทุกครั้งที่เขาติดต่อ กับอีกฝ่าย
มาอีกด้านหนึ่ง ชายที่ชื่อว่าจางเพิ่งจากบริษัทเกมฉันเบ็ยโอตาคุเองก็ประสบกับชะตาเดียวกัน
จางเพิ่งรู้สึกเศร้าเป็นอย่างมาก จริงๆแล้วบริษัทของเขาไม่เคยก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมภาพยนตร์และโทรทัศน์มาก่อน การที่พวกเขาตัดสินใจแบบนี้ก็เพราะชื่อเสียงของโจวหยูเพียงคนเดียว
และเมื่อพวกเขาได้เห็นคลิปวิดีโอสั้นๆที่กําลังเป็นไวรัสตอนนี้ มันก็ทําให้ผู้บริหารระดับสูงต่างก็เล็งเห็นโอกาสในการทํากําไรจากมัน ดังนั้นพวกเขาจึงได้ผลักดันให้จางเพิ่งไปสู่ความยุ่งเหยิ่งในครั้งนี้