จี่เยี่ยนหลิงดีขึ้นบ้างแล้ว พวกอันหลินก็อดโล่งใจไม่ได้
พลังปราณอนธการของอันหลินบำเพ็ญสำเร็จแล้ว และจี่เยี่ยนหลิงเองก็ตั้งใจว่าจะกลับสำนักเหวินกู่ของนางแล้วเช่นกัน
ตอนนี้ก็ได้เวลาไปจากสถานที่บ้าๆ นี่แล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่ามังกรสองตัวนั้นยังดักรออยู่ละแวกรอยแยกหรือไม่
เมื่อทุกคนหารือกัน ก็ตัดสินใจว่าจะลองหาอีกเส้นทางหนึ่งไปจากหุบเหวแห่งนี้
ขณะเดียวกัน อีกบริเวณหนึ่งของหุบเหวหมื่นกาลี
ที่ที่มีกองไฟลุกโชน แมงมุมยักษ์สีเขียวตัวหนึ่งกำลังถูกย่างบนกองไฟ ของเหลวสีเขียวทะลักออกมาท่ามกลางการแผดเผาของกองไฟ ส่งกลิ่นแปลกพิลึกเป็นระยะๆ
มังกรยักษ์สีดำสองตัวพลิกแมงมุมสีเขียวตัวนี้ด้วยใบหน้าอมทุกข์
จู่ๆ มังกรตัวเมียก็ยกเท้าขึ้นเตะมังกรตัวผู้อีกครั้ง!
โครม! มังกรตัวผู้ถูกเตะจนตัวกระเด็นไปชนกับผนังหิน ร่างกายติดแหง็กอยู่ในนั้น
“แม่มัน เจ้าทำอะไรอีกล่ะเนี่ย!” มังกรตัวผู้โอดครวญ
“พอเห็นเจ้าก็โมโห ทั้งๆ ที่จะได้กินนักพรตมนุษย์รสโอชะแล้วแท้ๆ…”
“เป็นเพราะเจ้าคนเดียว แค่นักพรตมนุษย์ไม่กี่คนยังจับไม่ได้ เป็นมังกรตัวผู้ภาษาอะไร!”
มังกรตัวเมียมองมังกรตัวผู้ตาเขียว เมื่อคิดขึ้นได้ว่าตกต่ำจนต้องกินอาหารขยะอย่างแมงมุม ก็โมโหจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
มังกรตัวผู้ทำหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ มังกรตัวเมียเป็นสัตว์ประหลาดระดับแปลงจิตเชียวนะ!
หากมังกรตัวเมียไม่เอาแต่ทิ่มตูดมัน ไล่ล่าด้วยตัวเองละก็ ก็เป็นเรื่องง่ายดายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากไม่ใช่หรือ แต่กลับจะให้ตนไปไล่กวด จะโทษใครได้เล่า
ทว่ามังกรตัวผู้ไม่กล้าเอ่ยปาก ใครใช้ให้ท่านศรีภรรยาเก่งฉกาจกว่ามันเล่า
ใช่ว่ามันจะไม่เคยโต้เถียง เพียงแต่ว่ารอยแผลเป็นมากมายตรงตูดคอยเตือนสติมันตลอดเวลา เมื่อไร้ความสามารถก็ไม่มีอำนาจ
มังกรตัวผู้ก้าวเดินอย่างหนักอึ้งมานั่งลงข้างกองไฟที่ลุกโหมอีกครั้ง หยิบขาแมงมุมขึ้นมา ส่งเข้าปากแล้วเคี้ยวกรวบๆ
รสชาติเปรี้ยว แถมยังมีกลิ่นคาว กลิ่นคาวแบบนี้ย่างอย่างไรก็กำจัดไม่ได้ แต่ก็เป็นเรื่องที่จนปัญญา ข้อดีเพียงอย่างเดียวก็คือมีโปรตีนค่อนข้างสูง
ในตอนนั้นเอง ดวงตาของมังกรตัวเมียก็หรี่ลง ร่างกายระเบิดพลังอันน่ากลัว มังกรตัวผู้สะดุ้งโหยง กระโดดถอยออกไปไกล คิดว่ามังกรตัวเมียจะทำร้ายร่างกายมันอีกแล้ว
แต่มังกรตัวเมียกลับเบือนสายตาไปอีกทาง “สัญชาตญาณมังกรของข้าสัมผัสได้ว่า ไกลออกไปห้าลี้ มีนักพรตมนุษย์กลุ่มหนึ่งกำลังเหาะเหิน”
ขณะที่พูด มังกรตัวเมียก็หันมามองมังกรตัวผู้ พูดเสียงแข็งว่า “หากจับพวกมันไม่ได้ วันนี้ไม่ต้องกินข้าวเย็น!”
มังกรตัวผู้สะดุ้ง “ขอรับท่านศรีภรรยา!”
เมื่อพูดจบ มังกรตัวผู้ก็บินไปยังทิศทางที่มังกรตัวเมียบอก บ่นอุบอิบในใจ ทั้งที่ความสามารถของมังกรตัวเมียแก่กล้าปานนี้ แต่กลับไม่ลงมือ นิสัยเสียจริงๆ!
แต่มังกรตัวเมียกลับลูบหน้าท้องที่นูนออกมาเล็กน้อย คิดในใจว่า “พ่อมัน ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากลงมือ แต่ไม่สะดวกจะเคลื่อนไหวรุนแรงจริงๆ ถึงตอนนั้น…ข้าจะสร้างความประหลาดใจให้เจ้าแน่!”
อีกบริเวณหนึ่งของหุบเหวหมื่นกาลี พวกอันหลินกำลังเหาะเหิน
อันหลินหมอบอยู่บนตัวต้าไป๋อย่างอ่อนระโหยโรยแรงปานปลาตายตัวหนึ่ง ไม่มีเรี่ยวแรงเลยสักนิด
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ เจ้าอัปลักษณ์ก็เหลียวมองข้างหลัง “มีกลิ่นอายพลังที่ยิ่งใหญ่ กำลังมุ่งหน้ามาทางพวกเรา!”
“งั้นยังไม่รีบหนีอีก โฮ่ง!” ต้าไป๋เหาะเร็วยิ่งขึ้น
ตูม!
เปลวไฟสีม่วงพุ่งขึ้นฟ้าโดยมีเป้าหมายคืออันหลิน
เมื่อเห็นเปลวไฟที่เคยประสบพบเจอ ทุกคนต่างก็ตกใจ
พวกเขาเพิ่งผ่านสงครามใหญ่มา อาการบาดเจ็บยังไม่หายดี
ยามนี้มีมังกรตัวผู้กึ่งแปลงจิตกับมังกรตัวเมียระดับแปลงจิตตามมา พวกเขาจะเอาชีวิตรอดอย่างไร
“ข้าไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายของมังกรตัวเมีย มังกรตัวผู้น่าจะมาเพียงลำพัง!” จี่เยี่ยนหลิงกล่าว
ทุกคนได้ยินก็โล่งอกเล็กน้อย แม้ตอนนี้จะอันตราย แต่ไม่ถึงขั้นอันจนหนทาง
“เคล็ดวิชากระบี่ขี่สายฟ้า!” จี่เยี่ยนหลิงควบคุมสายฟ้าสีขาวโจมตีเปลวไฟสีม่วง
“กระบี่พิฆาตสีขาว!” สวีเสี่ยวหลานปล่อยลำแสงกระบี่ออกไปอย่างมโหฬารพันลึก
“ปืนใหญ่พยับหมอก!” ต้าไป๋เหลียวหลังแล้วอ้าปาก พ่นปืนสุญญากาศอันแข็งแกร่งออกไป
“สู้เขา!” อันหลินชูมือพร้อมกับตะโกน
เจ้าอัปลักษณ์ที่คุ้นชินกับการต่อสู้ระยะประชิดจ้องมังกรยักษ์ที่ตามมาไกลๆ เขม็ง ใช้หน้าตาโจมตี
เปลวไฟสีม่วงทลายการโจมตีของทุกคนอีกครั้ง
“ฮ่าๆ ๆ พวกเจ้าคิดว่าทำลายการโจมตีด้วยเปลวเพลิงของข้าก็จะสิ้นเรื่องหรือ เป้าหมายของข้าคือให้พวกเจ้าลงมือแล้วตามพวกเจ้าให้ทันก็เท่านั้น” มังกรยักษ์สีดำระเบิดเสียงหัวเราะพลางพุ่งทะลุเปลวไฟสีม่วงเข้ามาประชิดตัวทุกคน!
เกราะป้องกันหนามแหลมสีดำปกคลุมระยะห่างในรัศมีหลายสิบจั้ง พร้อมกับแผ่กลิ่นอายแห่งความตาย
“พวกเจ้าไปกันก่อน!”
เจ้าอัปลักษณ์ตะโกนลั่นแล้วระเบิดเปลวไฟสีดำ พุ่งไปหามังกรตัวผู้อย่างไม่กลัวตาย
ต้าไป๋พาอันหลินเหาะเลียบไปตามผนังหินอย่างรวดเร็ว จวนจะถึงปลายทางสูงสุดของหุบเหวแล้ว
หนามแหลมที่เจือด้วยกลิ่นอายความตายไม่อาจขวางทางเจ้าอัปลักษณ์ได้
มันเป็นดั่งไฟสวรรค์เพลิงทมิฬที่ลอยลงมาจากท้องนภา พุ่งทะลุหนามแหลมไป
หนามแหลมทิ้งบาดแผลนับไม่ถ้วนตามตัวมัน มือถือกระบองเหล็กสีเงิน ฟาดไปที่ศีรษะของมังกรนิลด้วยพลังที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิม!
มังกรตัวผู้คิดไม่ถึงว่าเจ้าอัปลักษณ์จะเป็นฝ่ายจู่โจม จึงหลบไม่ทัน ถูกฟาดเข้าที่หัวอย่างจัง
ครืน!
คลื่นพลังน่ากลัวแผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ แรงสั่นสะเทือนของพลังมหาศาลทำให้มังกรนิลปวดหัวรุนแรง แทบจะหมดสติ เปลวไฟทมิฬที่สามารถกลืนกินสรรพสิ่งกำลังแผดเผาศีรษะของมันอย่างบ้าคลั่ง
“โฮก!” มังกรนิลร้องโหยหวน หยุดการไล่กวด
เจ้าอัปลักษณ์ไม่สู้ รีบพุ่งขึ้นไปทันที
หากสู้ขึ้นมาจริงๆ มันยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมังกรนิล ก่อนหน้านี้เป็นเพราะใช้วิธีจู่โจมอย่างไม่กลัวตายกะทันหัน จึงได้เปรียบเพียงน้อยนิดเท่านั้น
มังกรนิลเห็นเจ้าอัปลักษณ์จะหนี ก็สะกดกลั้นความเจ็บปวด ไล่ตามไปอีกครั้ง
แต่ทว่า ขณะที่มันกำลังจะเคลื่อนไหว สายฟ้านับไม่ถ้วนก็จู่โจมมันแล้วระเบิดทันใด
จี่เยี่ยนหลิงเป็นถึงนักพรตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลาย กระบวนท่าที่นางสำแดงสุดความสามารถ ต่อให้เป็นมังกรตัวผู้กึ่งแปลงจิต ก็มองข้ามไปไม่ได้
มังกรตัวผู้ถูกโจมตีเข้าอย่างจังโดยไม่หลบหลีก ร่างกายดำเกรียมสั่นระริกขึ้นมาโดยพลัน
ขณะนั้นเอง สวีเสี่ยวหลานก็ใช้พลังเซียนเรียกหยาดฝนอัคคีมา…
มังกรตัวผู้จะร้องไห้แล้ว ทำไมนักพรตหล่อเลี้ยงวิญญาณกลุ่มนี้ถึงได้แข็งแกร่งปานนี้!
มันมาล่าเหยื่อที่นี่ หรือมาหาที่ตายกันแน่
ไม่รู้เลยว่า ตอนที่พบเจอกันครั้งแรก หากมังกรตัวเมียไม่อยู่ พวกเขาคงเปิดฉากรบกันแล้ว
มังกรตัวผู้ลากร่างกายอันบอบช้ำไล่กวดพวกสวีเสี่ยวหลานอย่างไม่ลดละ แต่ความเร็วและความทรงพลังไม่ล้ำเลิศเช่นก่อนหน้านี้แล้ว
ไม่นานเจ้าอัปลักษณ์และคนอื่นๆ ก็มาถึงปลายทางของหุบเหวลึกแล้ว
มังกรนิลพบว่านักพรตเหล่านี้หนีออกจากหุบเหวหมดแล้ว ก็ไม่ไล่ตามออกไป ราวกับว่าหวาดกลัวโลกภายนอก มันจ้องพวกอันหลินอย่างเจ็บใจ ไม่ตามล่า แต่ก็ไม่จากไป
อันหลินเองก็รู้สึกถึงปัญหาเช่นกัน จึงหันหลังไปมองมังกรนิล
จากนั้นเขาก็เห็นหยาดน้ำตาในดวงตามังกรนิล
อันหลิน “…”
ถูกเล่นงานจนร้องไห้เลยเหรอ
ไม่สิ…เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้!
แล้วเป็นเพราะอะไรล่ะ สาเหตุอะไรทำให้มันหลั่งน้ำตาอย่างเจ็บปวดรวดร้าวใจเช่นนี้
อันหลินหยุดขี่สุนัขเหาะเหิน จ้องมังกรสีนิลเงียบๆ
มังกรนิลเห็นนักพรตที่ขี่สุนัขสีขาวมองมาที่มัน ก็โพล่งขึ้นมาวิงวอนร้องขอทันทีว่า “มีของกินไหม”
อันหลิน “…”
ต้าไป๋ “…มอบกระดูกให้มันชิ้นหนึ่งไหม”
อันหลินส่ายหน้าอย่างเคร่งขรึม
เขาเห็นมังกรนิลขวนขวายเพื่อครอบครัวไม่หยุด เผชิญหน้ากับอุปสรรคนับพันหมื่นก็ไม่ย่อท้อ เป็นฝ่ายแบกรับความขมขื่นอันหนักอึ้ง เมื่อเห็นความกล้าหาญของมังกรนิลที่ทำเพื่อความอยู่รอดของครอบครัว ยอมก้มหัวอันผยอง เป็นฝ่ายวิงวอนศัตรู
ไม่รู้เพราะเหตุใด เขารู้สึกตื้นตันใจ
มังกรนิลสับสนวุ่นวายใจ ไยต้องขออาหารกับนักพรตเหล่านี้
บางทีอาจเป็นเพราะนักพรตที่ขี่สุนัขคนนี้มองมันมากกว่าผู้อื่นยามหลบหนี
ทำให้มันเกิดลางสังหรณ์บางอย่าง นักพรตคนนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่พิเศษ บางทีอาจช่วยมันได้
หากว่ามันไม่มีอาหารติดตัวกลับไป ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่ไม่ได้กินเนื้อแมงมุมเลย อาจจะถูกมังกรตัวเมียจับแขวนแล้วทุบตีก็ได้ ความน่ากลัวแบบนั้น หากไม่ได้ประสบกับตัวเอง…ไม่มีวันเข้าใจหรอก!
อันหลินถอนหายใจ นำยูนิคอร์นตัวเขื่องออกจากแหวนมิติ
“นี่เป็นยูนิคอร์นที่ข้าได้มาจากเขตหมื่นเขา ขนาดตัวใหญ่โต เนื้อสัมผัสสดอร่อย ยกให้เจ้าแล้วกัน”
พูดจบ เขาก็โยนยูนิคอร์นให้มังกรนิล
มังกรนิลตะลึงงัน มันไม่คิดเลยว่า นักพรตมนุษย์จะให้ของกินกับมันจริงๆ!
มันคาบยูนิคอร์น น้ำตารื้นขอบตา “ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ข้าตามล่าเจ้าแท้ๆ แต่เจ้ากลับช่วยให้ข้ารอดพ้นจากวิกฤต…ข้า…ข้าเป็นมังกรภาษาอะไร!”
ฟังคำสารภาพของมังกรนิล ใบหน้าของอันหลินมีรอยยิ้มปลาบปลื้ม
“ไม่ทราบว่าผู้มีพระคุณชื่อแซ่อะไร” มังกรนิลถามอย่างซาบซึ้ง
อันหลิน “ข้าชื่ออันหลิน”
มังกรนิลพูดอย่างตื้นตันใจว่า “ที่แท้ก็ชื่ออันหลินนี่เอง ตอนนี้ข้าไม่มีสิ่งใดติดตัวเลย ตอบแทนพระคุณของท่านไม่ได้…แต่ว่า วันหน้าหากแม่มันคลอดลูก ข้าจะตั้งชื่อว่าอันหลินแน่นอน! เพื่อระลึกถึงบุญคุณที่มีต่อข้า!”
การตั้งชื่อของเผ่าพันธุ์มังกรเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง เห็นได้ว่ามังกรนิลซึ้งน้ำใจอันหลินเป็นอย่างยิ่ง
ต้าไป๋ขำพรืด เกือบจะพ่นเขี้ยวหมาของตนออกมาแล้ว
“ฮ่าๆ ๆ…พี่อันได้เป็นลูก ฮ่าๆ ๆ”
พวกสวีเสี่ยวหลานได้ยินคำพูดของมังกรนิล ก็อดลอบหัวเราะไม่ได้เช่นกัน
………………….