“ดาวเด่นหลานเยว่มาแล้ว” เมื่อสิ้นเสียงประกาศ
แอ๊ด
หญิงที่เยื้องย่างด้วยท่วงท่าอ่อนช้อยก็ผลักประตูเข้ามา
นางสวมชุดสีฟ้า รูปโฉมงดงาม เส้นผมดำขลับดุจแพรไหมพลิ้วไหวตามแรงลม ดวงตาคู่สวยกวาดมอง สุดท้ายก็หยุดสายตาลงที่อันหลิน ก้มตัวเล็กน้อย เอ่ยเสียงราบเรียบว่า “ข้าน้อยหลานเยว่ ขอคารวะคุณชาย”
อันหลินมองหลานเยว่แวบหนึ่ง จากนั้นก็ถลึงตาใส่ต้าไป๋แล้วถามว่า “เจ้าเรียกนางมาด้วยงั้นหรือ”
ต้าไป๋ส่ายหน้าหวือ แต่ดวงตากลับเป็นประกาย “ข้าไม่ได้เรียก แต่หญิงคนนี้ยอดเยี่ยมนัก ให้นางอยู่ด้วยเถอะ!”
อันหลินตบหน้าผากดังฉาด คิดว่าต้าไป๋หมดทางเยียวยาแล้ว เห็นหญิงงามก็ควบคุมตัวเองไม่อยู่ ถ้าเป็นแบบนี้ ชิงหัวจะทำอย่างไร
แม่เล้าที่ยืนข้างหลังอันหลินเห็นดังนั้นก็เริ่มพูดขึ้นมาว่า “หลานเยว่เป็นดาวเด่นแห่งหอธารวสันต์ของเรา การขับขานของนางเป็นอันดับหนึ่งในเขตสือฮวา คุณชายจะลองฟังหรือไม่”
“การขับขานเป็นอันดับหนึ่งในเขตสือฮวาหรือ” อันหลินได้ฟังก็พยักหน้า
เขาชื่นชอบบทเพลงของแดนจิ่วโจวอย่างน่าประหลาด ในเมื่อหลานเยว่คนนี้ร้องเพลงได้ งั้นลองฟังดูก็ไม่เสียหาย
“เช่นนั้นข้าไม่รบกวนคุณชายแล้ว” เมื่อเห็นอันหลินพยักหน้าตกลง แม่เล้าก็เดินออกจากห้องไปอย่างน่าชื่นตาบาน
หลานเยว่ยิ้มหวาน อุ้มพิณไม้โบราณ นั่งบนเก้าอี้แล้วเอ่ยถามว่า “ไม่ทราบว่าคุณชายจะฟังบทเพลงระดับใด”
อันหลินได้ฟังก็ชะงักงัน “มีเพลงระดับใดบ้าง”
“ขับร้องตามอารมณ์ บทเพลงละหนึ่งร้อยหินวิญญาณ ขับร้องธรรมดา บทเพลงละสองร้อยหินวิญญาณ ขับร้องอย่างตั้งใจ บทเพลงละสามร้อยหินวิญญาณ ขับร้องสุดความสามารถ บทเพลงละห้าร้อยหินวิญญาณ” ดวงตาของหลานเยว่สุกใสดุจธารน้ำยามฤดูใบไม้ร่วง กล่าวด้วยเสียงที่ไพเราะเป็นอย่างยิ่ง
มุมปากของอันหลินกระตุก ขับร้องตามอารมณ์บ้าบออะไรกัน เป็นถึงดาวเด่นช่วยตั้งใจทำงานหน่อยไม่ได้เหรอ
ตาของต้าไป๋เริ่มลุกวาว โพล่งถามทันทีว่า “โฮ่ง! ขับร้องสุดความสามารถเปลื้องผ้าหรือไม่”
ปัก!
อันหลินกระแทกหมัดใส่หัวต้าไป๋จนปูดโปน พูดเสียงเกรี้ยวว่า “เจ้าช่วยเป็นสุนัขที่ดีหน่อยไม่ได้หรือ ไยต้องเป็นผู้ชายด้วย”
ต้าไป๋ทำหน้าอมทุกข์ แต่หลานเยว่กลับป้องปากขำเบาๆ “เกรงว่าพี่ไป๋คงต้องผิดหวัง ข้าน้อยขายศิลปะหาใช่เรือนร่าง”
“เช่นนั้นก็ขอขับร้องสุดความสามารถแล้วกัน” อันหลินคิดในใจว่าอย่างไรเสียก็มีเงิน ถ้าจะฟังย่อมต้องฟังบทเพลงที่ดีที่สุด
หลานเยว่พยักหน้า มือเรียวงามเริ่มร่ายรำบนพิณ ท่วงทำนองอันงดงามผสานด้วยเสียงร้องอันอ่อนหวานเพราะพริ้ง ทำให้อันหลินกับต้าไป๋ที่อยู่ในห้องรู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัว
หญิงที่สวมตู้โตวสีแดงกับหญิงชุดขาวรินสุราให้อันหลินและต้าไป๋อย่างรู้งาน
เสียงดนตรีไพเราะจับใจเคล้าคลอ อันหลินคิดว่าได้เวลาจัดการธุระแล้ว
อันหลิน “ต้าไป๋ บอกมาตามตรง เจ้าแปลงร่างจากผู้ชายใช่ไหม”
ต้าไป๋กำลังลิ้มรสสุรา สดับฟังบทเพลง บัดนี้เมื่อได้ยินคำถามของอันหลิน ก็ทำหน้ามุ่ยทันที “พี่อัน ข้ากลิ้งออกมาจากท้องของแม่ข้าอย่างจริงแท้แน่นอน เป็นสุนัขเพศผู้ของแท้! ส่วนเรื่องที่เหมือนผู้ชาย โปรดปรานหญิงงาม ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม”
อันหลินเคร่งขรึม “เช่นนั้นหากให้เจ้าเลือกระหว่างหลานเยว่กับชิงหัวมาเป็นเมีย เจ้าจะเลือกใคร!”
คราวนี้ต้าไป๋เริ่มลำบากใจขึ้นมาบ้างแล้ว ย่นหน้าเล็กน้อย ใบหน้าแสดงอาการลังเล
อันหลินพรูลมหายใจ ในเมื่อยังลังเล นั่นหมายความว่ารสนิยมของต้าไป๋ยังไม่บิดเบี้ยวจนถึงขั้นกู่ไม่กลับ ยังมีหนทางเยียวยา!
ต้าไป๋พูดอย่างจนปัญญาว่า “เมียช่างเลือกยากเสียจริง หลานเยว่งดงามเพียงนี้ เสียดายที่คลอดลูกสุนัขไม่ได้ ชิงหัวคลอดลูกสุนัขได้ แต่น่าเสียดายรูปร่างหน้าต่างธรรมดาเกินไป ไม่มีทรวดทรงองค์เอวด้วยซ้ำ”
อันหลินได้ยินก็รู้สึกหน้ามืด
พับผ่าสิ! สุนัขตัวเมียไม่ใช่มนุษย์เสียหน่อย จะเอาทรวดทรงองค์เอวมาจากไหน
ให้ตายเถอะ! ที่แท้ต้าไป๋ก็ลังเลเรื่องนี้ เกินเยียวยาแล้วจริงๆ!
จู่ๆ อันหลินก็นึกถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง “ต้าไป๋ พ่อเจ้าชอบมนุษย์สาวเหมือนเจ้าไหม”
เขาต้องเริ่มศึกษาจากด้านกรรมพันธุ์ หากว่าเป็นถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ ต่อให้เขาทำอะไรก็เปล่าประโยชน์
ต้าไป๋ยิ้มชั่วร้าย พูดอย่างกระหยิ่มใจว่า “แน่นอนสิ จำได้ว่าตอนนั้น พ่อข้านี่แหละที่พาข้าไปเที่ยวซ่องนางโลม แถมพวกเรายังมีฉายาอันลือเลื่องด้วย ชื่อว่าคู่หูเจ้าสำราญ!”
อันหลินได้ฟังก็แน่นิ่งไป
ให้ตายสิ! มันน่ากลัวกว่ากรรมพันธุ์เสียอีก ไป๋เซียนพาต้าไป๋เที่ยวซ่องนางโลมงั้นเหรอ!
อันหลินไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดีแล้ว ที่ต้าไป๋กลายเป็นแบบนี้ มีสาเหตุมาจากพ่อของมันทั้งนั้น
อืม…ลูกไม่รักดี บิดามีความผิด!
อย่างไรเสียต่อไปหากต้าไป๋พาภรรยาสาวสวยกลับไป ปล่อยให้เรื่องปวดหัวเป็นหน้าที่ของไป๋เซียนแล้วกัน
ปัญหานี้ อันหลินไม่รับรู้!
เมื่อคิดได้ดังนั้น หัวใจของอันหลินก็นับว่าโล่งแล้ว อย่างไรเสียก็ไม่ใช่เรื่องของเรา ต้าไป๋ชอบผู้หญิงก็ชอบไปเถอะ หญิงงามที่มีทรวดทรงองค์เอวไม่ว่าจะมองอย่างไรก็สวยกว่าหมาตัวเมีย!
อันหลินโล่งอกแล้ว
เสียงร้องขับขานของหลานเยว่เคล้าคลอ เขา ต้าไป๋ หญิงงามตู้โตวสีแดงและหญิงชุดเขียวก็กินดื่มอย่างสบายอุรา มีความสุขเหลือเกิน!
ณ ขุนเขาแห่งหนึ่งของสำนักเซียนหมื่นชีวิต
เจ้าอัปลักษณ์นั่งอยู่หน้าเรือนหลังหนึ่ง รอคอยการกลับมาของอันหลินและต้าไป๋
อันหลินบอกว่าไปเดี๋ยวเดียวก็กลับ หลังจากนี้จะไปท่องวังชิงมู่ด้วยกัน เจ้าอัปลักษณ์จึงแต่งองค์ทรงเครื่องพร้อมออกเดินทางแล้ว
เที่ยงวันมาถึงแล้ว อันหลินก็ยังไม่กลับมา
เจ้าอัปลักษณ์ยังคงรอ
ตอนบ่ายผ่านไปอย่างไม่รู้ตัว ก็ยังไม่เห็นการกลับมาของอันหลิน
หรือเกิดอุบัติเหตุกับพี่อันตอนที่ไปจับต้าไป๋
เจ้าอัปลักษณ์กระวนกระวาย แต่ยังคงรออยู่หน้าประตูดังเดิม
ดวงอาทิตย์ค่อยๆ คล้อยต่ำลง จันทราและดวงดาราปรากฏให้เห็นกลางท้องฟ้ายามราตรี
โครม!
จู่ๆ ผิวดินก็สั่นสะเทือนอย่างแรง ทำเอาเจ้าอัปลักษณ์ที่กำลังสัปหงกสะดุ้งตื่นทันที
เมื่อมันชะเง้อมอง ก็เห็นหัวของต้าไป๋ปักดิน กระแทกจนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่
ต้าไป๋นอนหงายท้องขาชี้ฟ้า ครวญครางไม่หยุด อันหลินก็กลิ้งตกลงมาบนพื้น ทรงตัวไม่อยู่
“พี่อัน…หัวข้าเจ็บจังเลย เจ้าขี่สุนัขอย่างไรกัน ทำเอาข้าหัว…หัวจุ่มดิน” ต้าไป๋อ้ำๆ อึ้งๆ พูดกระอึกกระอัก
อันหลินปล่อยหมัดใส่หัวสุนัขที่เปื้อนฝุ่นมอมแมม ตำหนิขำๆ ว่า “เจ้าหมา…โง่! ข้าบอกให้เจ้าลงจอดตรงนี้ แต่เจ้า…เจ้ากลับหมุนสามร้อยหกสิบองศาแล้วค่อยจอด ซ้ำยังเอาหัวลงเสียด้วย คิดว่าตัวเองเป็นสว่านหรือไง!”
ต้าไป๋ได้ยินก็ชะงัก จากนั้นก็คิดว่าตัวเองโง่เง่าจริงๆ จึงหัวเราะดังลั่น
อันหลินรู้สึกว่าสนุกมาก เลยหัวเราะตามไปด้วย
หนึ่งคนหนึ่งสุนัขเนื้อตัวเต็มไปด้วยกลิ่นสุรา กอดไหล่เดินหัวเราะเข้าบ้านไป
จากนั้นอันหลินก็เห็นเจ้าอัปลักษณ์ที่อึ้งไปเล็กน้อย ตบไหล่ของมันด้วยความเสียดาย “เฮ้อ เจ้าอัปลักษณ์ ต้อง…ต้องขอโทษเจ้าจริงๆ สตรีของหอธารวสันต์มากฝีมืออย่างแท้จริง ก่อนหน้านี้ไม่ได้เรียกเจ้าไปด้วย น่าเสียดาย…”
มุมปากของเจ้าอัปลักษณ์กระตุก “พี่อัน เจ้าควรจะไปลากตัวต้าไป๋กลับจากซ่องนางโลมไม่ใช่หรือ ทำไมถึงไปเที่ยวซ่องกับต้าไป๋ด้วยเล่า”
อันหลินย่นคิ้ว “การเที่ยวซ่องนางโลมของนักพรตจะเรียกว่าเที่ยวซ่องนางโลมได้อย่างไร พวกเราไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้นเสียหน่อย ควรจะเรียกว่า…ชื่นชมความสุนทรี!”
ต้าไป๋ได้ฟังดวงตาก็ลุกวาวขึ้นมา ยิ้มอย่างมีเลศนัย “สมกับเป็นพี่อัน มีความรู้! ครั้งหน้าเราพาเจ้าอัปลักษณ์ไปชื่นชมความสุนทรีด้วยกัน!”
“ได้!” อันหลินยิ้มเจิดจ้า กอดไหล่เจ้าอัปลักษณ์แล้วเดินเข้าห้องไปอย่างเริงร่า
หนึ่งวันที่สวยงามได้สิ้นสุดลงแล้ว