คนที่ขึ้นเวทีเป็นอันดับสองคือหวังเสวียนจ้าน
ตอนนี้เขามีจิตใจฮึกเหิม เปลวไฟลุกโชนในหัวใจ
ใช่แล้ว ความฮึกเหิมของเขาเคยตกต่ำ
เพราะเขาคิดว่ารอบตัวเขามีแต่ตัวถ่วง พยายามมากแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์
ทว่าตอนนี้ อันหลินกลับให้พลังเขาด้วยการกระทำ ทำให้เขารู้ว่ากลุ่มของเขายังมีความหวังจะคว้าชัยชนะ พวกเขายังไม่แพ้!
ผลึกหินการประชันความคิดถูกราชสีห์กระตุ้น หวังเสวียนจ้านเพ่งสมาธิอย่างไม่ลังเล
แก่นแท้ความคิดของหวังเสวียนจ้านเป็นจิตวิญญาณแห่งหอก กระแสไฟรายล้อมรอบตัว เขากำหอกแน่น ประหนึ่งเทพสงครามยืนตระหง่านกลางฟ้าดิน เผชิญหน้ากับการจู่โจมของหุ่น
หุ่นหลายตัวล้วนถูกเขากำจัดอย่างรวดเร็ว
จนกระทั่งหุ่นตัวที่หกปรากฏตัว เขาถึงได้เริ่มสิ้นเปลืองแรง
หุ่นตัวนี้มีเปลวไฟสีน้ำเงินปกคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า แฝงด้วยแก่นแท้ของเปลวเพลงที่แก่กล้าอย่างยิ่ง
การปะทะของแก่นแท้ทั้งสองทำให้เกิดฝุ่นตลบอบอวล การต่อสู้ในครั้งนี้ดุเดือดเป็นที่สุด สุดท้ายหวังเสวียนจ้านก็ทะลวงศีรษะของหุ่นตัวหนึ่งด้วยหอก ทำให้มันแพ้ราบคาบ
หุ่นตัวที่เจ็ดเป็นหุ่นดาบคู่ มันมีจิตวิญญาณของดาบที่น่ากลัวยิ่งนัก
ตอนนั้นอันหลินถูกบีบคั้นให้ใช้แก่นแท้ของกระบี่แห่งสายลมเพราะหุ่นตัวนี้
หวังเสวียนจ้านกระตุ้นพลังของหอกยาวจนถึงขีดสุดในศึกนี้ ตัวเขาเป็นดั่งมังกรบินร่อนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า อหังการไร้เทียมทาน
สุดท้ายเขาก็ทำลายหุ่นดาบคู่ให้แหลกสลายด้วยหอกยาว แต่ขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยบาดแผล
หุ่นตัวที่แปดเป็นหุ่นหยินหยาง
หุ่นตัวนี้ถือน้ำแข็งแห่งจันทรา มืออีกข้างถืออัคคีของอีกาทอง เคลื่อนไหวคล่องแคล่วแปลกพิลึก ตอนนั้นอันหลินใช้เพียงกระบี่แห่งสายลมก็สังหารมันได้อย่างรวดเร็ว
หวังเสวียนจ้านรบกับหุ่นตัวนี้อยู่นาน แต่สุดท้ายก็ด้อยกว่าในด้านความทรหด ถูกหุ่นหยินหยางตัวนี้ผลาญแก่นแท้ความคิดจนแหลกสลาย
เมื่อนักเรียนด้านนอกเห็นฉากนี้ ต่างก็ถอนหายใจด้วยความเสียดาย เห็นหวังเสวียนจ้านทะลวงหุ่นตัวนี้หลายครั้ง คิดว่าจะเอาชนะหุ่นตัวนี้ได้เสียอีก ไม่คิดเลยว่าความคิดของหวังเสวียนจ้านจะแพ้พ่ายก่อน
อีกสามกลุ่มอิทธิพลที่เหลือกลับรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยเมื่อเห็นดังนั้น คะแนนเต็มของอันหลินก็สร้างความกดดันให้พวกเขาอย่างใหญ่หลวงแล้ว เกิดหวังเสวียนจ้านเอาชนะหุ่นตัวที่แปดได้ เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอะไรแล้ว
จากนั้น พวกเขาก็เบนสายตามองหลิวเชียนฮ่วน
อืม…ถ้าหลิวเชียนฮ่วนยังแสดงความสามารถได้ดีเยี่ยมเฉกเช่นการประลองสองครั้งก่อนหน้านี้ เช่นนั้น พวกเขาก็ยังมีโอกาส
“ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับศิษย์น้องหลิวแล้ว” สติของหวังเสวียนจ้านคืนกลับมา มองหลิวเชียนฮ่วนอย่างให้กำลังใจ
หลิวเชียนฮ่วนทำมือเป็นรูปโอเค “ไว้ใจข้าได้เลย!”
นางเพ่งสมาธิไปที่ผลึกหินสีดำ จากนั้นก็ปรากฏตัวท่ามกลางผืนทะเลทรายเวิ้งว้าง
นักเรียนหลายหมื่นชีวิตต่างก็จดจ้องร่างอันงดงาม หวังว่าไอดอลในใจพวกเขาจะสร้างชื่อเสียงให้ตนเองได้
โครม! หุ่นไม้ตัวแรกทะยานลงมา
หุ่นฟรีคะแนนตัวนี้ขยับเขยื้อนอย่างแข็งทื่อ กระโจนใส่หลิวเชียนฮ่วน
เมื่อหลิวเชียนฮ่วนพลิกมือ คทาขนนกก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า มือเรียวขาวเนียนละเอียดกำคทาแน่นแล้วพุ่งใส่หุ่น
ตูมๆ ๆ
หลิวเชียนฮ่วนสู้รบปรบมือกับหุ่นไม้อย่างดุเดือด
หวังเสวียนจ้าน “…”
อันหลิน “…”
ผู้ชม “…”
สุดท้ายหลิวเชียนฮ่วนก็อาศัยความปราดเปรียว ใช้คทาทุบหุ่นไม้ตัวนั้นจนแตกละเอียด
“ฟู่ว…ใช้ได้แค่ความคิด ใช้พลังเซียนไม่ได้ช่างยุ่งยากเสียจริง…” นางเช็ดเหงื่อเล็กน้อย ใบหน้าเลอโฉมแดงระเรื่อ ท่าทางดูเหนื่อย
หุ่นตัวที่สองทะยานลงมา หุ่นตัวนี้คล่องแคล่วขึ้นเยอะโข หลิวเชียนฮ่วนโรมรันพันตูกับมัน
ตูม ๆ ๆ…
หลังผ่านการต่อสู้อันร้อนระอุแล้ว หลิวเชียนฮ่วนก็เอาชนะหุ่นตัวที่สองไปได้อย่างหวุดหวิด
“เฮ้อ การประลองครั้งนี้ท่าทางจะจบเห่แล้ว”
“แม้จะไม่อยากยอมรับเท่าใดนัก แต่ข้าคิดว่าศิษย์พี่หลิวไม่เหมาะกับการประลองแบบนี้…”
“สงสารที่เทพอันของข้ากับศิษย์พี่หวังสู้ขนาดนั้น จะทำอย่างไรดี”
เหล่านักเรียนต่างก็จดจ้องหญิงสาวบนหน้าจอผลึกหินด้วยสีหน้าเป็นกังวล ราวกับว่าความลุ้นระทึกที่จุดขึ้นมาอย่างยากเย็น ถูกสาดด้วยน้ำเย็นเสียแล้ว
หุ่นหมายเลขสามทะยานลงมาทันใด ทุกกระบวนท่าของมันแฝงด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ หลิวเชียนฮ่วนถอยกรูด เห็นได้ชัดว่าจวนจะต้านทานไม่ไหวแล้ว
“ท่าทางหลิวเชียนฮ่วนจะได้แค่สองคะแนน โอกาสของพวกเรามาแล้ว!” หงโต้วที่ชมศึกพูดอย่างตื่นเต้น
แก่นแท้ความคิดเป็นข้อได้เปรียบของหอสร้างโลก การประลองนี้เป็นโอกาสที่พวกมันจะพลิกเกม
ขณะที่ทุกคนถอดใจจากหลิวเชียนฮ่วนนั้น หญิงสาวในหน้าจอก็ถอนหายใจเบาๆ เช่นกัน
“เฮ้อ ท่าทางข้าจะสร้างชื่อให้สาวน้อยนักเวทไม่ได้เสียแล้ว…ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ข้ารับปากอันหลินแล้ว ฝืนใจใช้สักครั้งก็แล้วกัน…”
นัยน์ตาสีม่วงของหลิวเชียนฮ่วนเฉยชาลงเล็กน้อย ชั่วขณะที่ถอยกรูดนั้น คทาขนนกหายไปแล้ว สิ่งที่โผล่มาในมือของนาง เป็นกระบี่สีน้ำเงินด้ามหนึ่ง
พรึ่บ!
วงโคจรของกระบี่แทบจะไม่เห็นด้วยตาเปล่า
ในพริบตาเดียว ร่างของหลิวเชียนฮ่วนก็มาปรากฏตัวด้านหลังหุ่นไม้
แกรก…หุ่นแตกออกเป็นร้อยท่อนพันท่อนภายในพริบตา รอยฟันเรียบเนียนท่ามกลางสายตาของทุกคน
เฮือก
ผู้ชมที่กำลังดูหน้าจอผลึกหินล้วนสูดหายใจเข้าดังเฮือก จ้องภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตกตะลึง
สังหารในเสี้ยววินาที!
อันหลินเองก็เบิกตากว้างเช่นกัน พึมพำว่า “ศิษย์พี่หลิวใช้กระบี่เป็นด้วยเหรอ แถมยัง…สุดยอดมากด้วย!”
นางเป็นสาวน้อยนักเวทไม่ใช่เหรอ ทำไมกลายเป็นมือกระบี่ไปได้ล่ะ แม้แต่ในศึกแห่งอิสรภาพ ก็ไม่เห็นนางใช้กระบี่เลย!
หวังเสวียนจ้านได้สติกลับคืนมา แม้ใบหน้าจะมีความตกใจ แต่อย่างไรก็ยอมรับความจริงประการนี้ เอ่ยปากชี้แจงว่า “แม้ข้าจะเพิ่งเคยเห็นศิษย์น้องหลิวใช้กระบี่เป็นครั้งแรกเหมือนกัน แต่นางมาจากสำนักกระบี่สวรรค์ ใช้กระบี่เป็นก็ไม่แปลก…”
สำนักกระบี่สวรรค์หรือ
อันหลินได้ฟังก็กระจ่างใจ สำนักกระบี่สวรรค์เป็นหนึ่งในสี่สำนักใหญ่ของแดนจิ่วโจว เป็นสถานที่ที่เซียนกระบี่ทั้งหลายใฝ่ฝัน ที่นั่นมีกระบี่เลื่องชื่อนับไม่ถ้วน เซียนกระบี่อัจฉริยะกลาดเกลื่อน เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งกระบี่ของแผ่นดินบรรพกาล
ในเมื่อศิษย์พี่หลิวเป็นบุคคลที่มาจากที่แห่งนั้น กลายเป็นเซียนกระบี่ทันควัน ก็อยู่ในขอบเขตที่ยอมรับได้
ขณะที่กำลังพูด นางก็ฟันหุ่นหมายเลขสี่และหมายเลขห้าเป็นสองท่อน ท่วงท่าปราดเปรียวดุจสายน้ำ ว่องไวปานสายฟ้าฟาด
หุ่นเปลวไฟสีน้ำเงินหมายเลขหกแข็งแกร่งยิ่งนัก นางสิ้นเปลืองแรงไปไม่น้อย แต่สุดท้ายก็กำจัดมันได้ในที่สุด
“ครั้งนี้เอาอยู่แน่!” หวังเสวียนจ้านกำมืออย่างลุ้นระทึก
หลิวเชียนฮ่วนได้หกคะแนน นับว่าเป็นคะแนนที่สูงมากแล้ว พวกเขาจองตำแหน่งอันดับหนึ่งของการประลองครั้งนี้ได้แล้ว
หุ่นดาบคู่ปรากฏตัว แก่นแท้ของหุ่นตัวนี้ยิ่งใหญ่นัก แม้แต่หวังเสวียนจ้านเองก็ตกที่นั่งลำบากในด่านนี้
“นภาเย็นเยือก” หลิวเชียนฮ่วนขยับริมฝีปาก ลำแสงสีน้ำเงินฉายวาบในดวงตา
มีควันสีน้ำเงินห้อมล้อมผิวหนังขาวราวหิมะ กลายเป็นริ้วรอยสีน้ำเงินประดับประดาตามเรือนร่างอรชร
ใบหน้าของนางเฉยชา ย่างเข้าไปหาหุ่นทีละก้าวดุจนางชีผู้เยือกเย็น กระบี่สีฟ้าวาดลวดลายเหนือผิวดิน แผ่ไอเย็นเยียบ
ด้านหลังเป็นผืนหิมะมืดฟ้ามัวดิน
ซิ่วๆ ๆ…
ลำแสงที่ทรงพลังเส้นแล้วเส้นเล่าทะลุมิติ พุ่งไปหาหลิวเชียนฮ่วน
แต่ลำแสงที่ดูเหมือนจะยิ่งใหญ่ กลับหยุดชะงักลงอย่างน่าประหลาดเมื่อเข้าใกล้นางในรัศมีสิบจั้ง จากนั้นก็แข็งตัว
ฝีเท้าของหลิวเชียนฮ่วนย่ำพื้น ร่างก็กระโดดขึ้นสูงร่วมร้อยเมตร กระบี่รวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด ฟันหุ่นดาบคู่ทันใด
กลิ่นอายของหิมะม้วนตัวไปทั่วฟ้าดิน ทุกสรรพสิ่งรอบตัวเริ่มเชื่องช้าลง จากนั้นก็แข็งตัว มีเพียงกระบี่ของนางที่รวดเร็วกว่าเดิม…
พรึ่บ
เงากระบี่สีน้ำเงินดุจลำแสงสีขาว ฉีกร่างของหุ่นดาบคู่ให้เป็นสองท่อน
หุ่นดาบคู่ที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งถูกกระบี่พิฆาตในเสี้ยววินาที!
จากนั้น แม้แต่หุ่นหยินหยางที่เอาชนะหวังเสวียนจ้านได้ ก็หลบจิตวิญญาณกระบี่ของหลิวเชียนฮ่วนไม่พ้น ถูกฟันจนแหละละเอียด
ครั้งนี้ ผู้ชมทั้งหมดต่างก็ตะลึงงัน
พวกเขามองร่างบนหน้าจอผลึกหินอึ้งๆ พูดอะไรไม่ออกเลยสักประโยคเดียว
นี่มันสาวน้อยนักเวทที่ไหนกัน เซียนกระบี่ไร้เทียมทานชัดๆ!
มาดอันเย็นชา ท่วงท่าที่เย่อหยิ่งและทรงพลัง รูปโฉมที่งามสะคราญ…
ยอดเซียนกระบี่หญิงชัดๆ เลย!
แม้แต่ซูเฉี่ยนอวิ๋นเองก็จับจ้องร่างนั้นด้วยแววตาเคลิบเคลิ้ม ใบหน้าเปี่ยมด้วยความอิจฉา
นางก็มีความฝันอยากเป็นเซียนกระบี่เช่นกัน หวังว่าจะสามารถต่อสู้ได้อย่างสง่างามเฉกเช่นศิษย์พี่หลิวได้
แม้หลิวเชียนฮ่วนจะแข็งแกร่ง แต่ก็แพ้ให้กับค่ายกลกระบี่ไม่สิ้นสุดของหุ่นตัวที่เก้าอยู่ดี
สติกลับคืนมา นางได้ยินผลคะแนนของตัวเอง
“หลิวเชียนฮ่วน แปดคะแนน!”
นักเรียนหลายหมื่นชีวิตโห่ร้องอีกครั้ง บรรยากาศครึกครื้นขึ้นมา
โดยเฉพาะนักเรียนชายที่ใบหน้าแดงก่ำ ตะโกนเรียกชื่อของนางอย่างบ้าคลั่ง
ใช่แล้ว ผลคะแนนของนางเหนือความคาดหมายของทุกคน นี่เป็นคะแนนที่ทำให้ชาวสรวงสวรรค์คลุ้มคลั่ง มันเป็นผลลัพธ์ที่ทำให้อิทธิพลกลุ่มอื่นสิ้นหวัง!
ลืมคนที่ใช้โปรแกรมโกงอย่างอันหลินไป ตอนนี้นางกลายเป็นบุคคลที่โดดเด่นที่สุดในสังเวียนแล้ว
แม้หลิวเชียนฮ่วนจะไม่ได้สร้างชื่อให้กับสาวน้อยนักเวท แต่นางสร้างชื่อให้กับตัวแทนนักเรียนของตัวเองได้สำเร็จแล้ว!
“ฝีมือข้าไม่เลวใช่ไหม” หลิวเชียนฮ่วนเดินไปหาอันหลินกับหวังเสวียนจ้าน
เพื่อนอีกสองคนมองนางอึ้งๆ ชูนิ้วโป้งให้ผู้หญิงคนตรงหน้านี้พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
หลิวเชียนฮ่วนหลุดขำกับอากัปกิริยาของชายหนุ่มตรงหน้า รอยยิ้มดุจดอกท้อเดือนสาม ชวนให้ลุ่มหลง