บทที่ 84 ลุงฟูเข้าร่วม
นอกเหนือจากโจวฟูแล้วยังมีนักธุรกิจบางคนที่ต้องการได้รับส่วนแบ่งจากเค้กก้อนนี้เช่นกัน ดังนั้นก่อนถึงวันหยุดในช่วงวันหยุดฤดูร้อนประตูบ้านของโจวหยูจึงเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก ด้วยเรื่องนี้มันทำให้โจวหยูไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เขายังไม่ได้ทำการสรรหาคนสำหรับดูแลสวนน้ำของเขาเองด้วยซ้ำ แต่นักธุรกิจพวกนั้นกลับมาที่บ้านของเขาเพื่อขอความร่วมมือแล้ว
หากเป็นนักธุรกิจจากในเมืองหรือหมู่บ้านใกล้เคียง โจวหยูนั้นสามารถตอบปฏิเสธพวกเขาได้ทันที แต่ที่มันทำให้สถานการณ์ยุ้งเยิงแบบนี้ ก็เนื่องมากจากเหล่าพ่อค้าแม่ค้าที่มายังบ้านของเขานั้น ต่างก็เป็นผู้ประกอบการในหมู่บ้านลู่หัวทั้งหมด มันเป็นเรื่องไม่ดีถ้าเขาจะตอบปฏิเสธพวกเขาเหล่านั้นไป
มันจึงทำให้ช่วงเวลานี้ในลานบ้านของโจวหยูจึงเริ่มคึกคักและเต็มไปด้วยผู้คน
ยังไงก็ตามคุณภาพของสินค้าที่ขายโดยผู้ขายเหล่านั้นจะต้องมีการตรวจสอบ เขาไม่ต้องการให้เกิดการขายสินค้าด้อยคุณภาพในสวนสนุกของเขา ดังนั้นมันจึงจำเป็นที่จะต้องได้รับการตรวจสอบอย่างดีก่อนที่จะมีการอนุญาตให้เปิดทำการได้ แต่มันก็ยังถือว่าโชคดีอยู่ที่เหล่าพ่อค้าแม่ค้าเหล่านั้นเป็นคนของหมู่บ้านลู่หัวทั้งหมด
เช่น ก๋วยเตี๋ยวโฮ่โฮจางลุงลาวจาง ขนมของป้าลี่จากหมู่บ้าน ต่างก็เป็นที่รู้จักกันดี พวกเขาทั้งคู่ยังมีร้านอาหารในหมู่บ้านวู่ตงเช่นกัน
ด้วยการให้คำปรึกษาของโจวฟูและหัวหน้าหมู่บ้าน มันจึงทำให้เขาเลือกธุรกิจในท้องถิ่นหลายแห่งเพื่อจัดลงในพื้นที่บริการเหล่านั้น ซูเปอร์มาร์เก็ตของโจวฟูเองก็ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในพื้นที่เหล่านั้นเช่นกัน ถึงแม้ว่าวิธีนี้จะทำให้ขาดความหลากหลายและแบรนด์ดังๆ แต่มันก็ยังถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้าง “พันธมิตรทางธุรกิจ” ขึ้นมา
ถ้าโจวหยูต้องการดำเนินงานให้ดีกว่านี้ เขาจำเป็นต้องรับสมัครผู้เชี่ยวชาญมาช่วย อย่างไรก็ตามโจวหยูเป็นคนที่ขี้เกียจมาก แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมทำงานมากเกินไป
เมื่อมองไปที่กลุ่มผู้ค้าที่ไม่เป็นมืออาชีพเหล่านั้น โจวฟูถึงกับอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับโจวหยูเป็นการส่วนตัว แต่เขาก็ได้ล้มเลิกความคิดนี้ไปก่อน
สำหรับเขาแล้วสวนสนุกนี้นั้นเป็นสวนสนุกที่ดี มันสามารถทำให้เป็นสถานที่พักผ่อนระดับไฮเอนด์ได้ไม่ยาก แต่เมื่อเขาได้เข้าไปสำรวจมันจริงกับพบว่าข้างในนั้นเต็มไปด้วยเสียงตะโกนของเหล่าพ่อค้าแม่ค้าจำนวนมาก
“แพนเค้ก !!! แพนเค้กแสนอร่อย !!!” หรือ “น้ำดื่มสดชื่น !!!” ทั้งสองด้านของทางเข้าต่างก็เต็มไปด้วยเสียงตะโกน มันทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมานั้นรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ใช้สวนสนุกแต่เป็นตลาดมากกว่า ดังนั้นโจวฟูจึงได้ตัดสินใจขั้นเด็ดขาด เขาได้เดินไปหาโจวหยูและตัดสินใจที่จะพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง
“ ถึงฉันจะไม่เคยจัดการสวนสนุกมาก่อน แต่ฉันเคยเห็นบริหารร้านอย่างซุปเปอร์มาเก็ตมาหลายปี ดังนั้นฉันคิดว่าหลักการการบริหารคงไม่แตกต่างกันมากนัก ฉันต้องขอพูดตามตรงๆว่าถ้าเธอยังไม่รีบแก้ไขสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ มันจะทำให้สวนสนุกแห่งนี้ล้มละลายในไม่ช้า “
คำพูดของโจวฟูนั้นค่อนข้างเป็นอะไรที่จริงจัง ถึงแม้ว่าโจวหยูจะไม่ต้องการทำกำไรกับสวนสนุกแห่งนี้ แต่ยังไงถ้ามันสามารถทำกำไรได้บ้างก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเช่นกัน
“ลุงฟู! ผมขอพูดตรงๆเลยก็แล้วกัน ผมนั้นไม่ใช่นักธุรกิจ เรื่องนี้ลุงก็น่าจะรู้ ดังนั้นการบริหารจัดการนั้นจึงเป็นเรื่องยากสำหรับผม ผมจึงได้ตัดใจว่าจะลองผิดลองถูกไปก่อนในเวลานี้”
“แล้วทำไมเธอถึงไม่ไปจ้างคนดูแลละ ฉันคิดว่าถ้าเกิดเธอทำแบบนี้มันจะมีประสิทธิภาพมากกว่า หรือถ้าเกิดว่าเธอไม่สามารถหาคนมาดูแลได้จริงๆ เธอก็สามารถปรึกษาเรื่องนี้กับพ่อของเธอได้ ฉันคิดว่าเขาจะต้องมีคำแนะนำดีๆอย่างแน่นอน…”
โจวฟูได้พูดออกมาอย่างรู้สึกหมดหนทาง เขารู้ว่าโจวหยูนั้นเป็นเด็กดี แต่ไม่ใช้ว่าคนดีทุกคนจะเป็นคนที่เหมาะสำหรับการเป็นนักธุรกิจ หากสถานการณ์นี้ยังคงดำเนินต่อไป สวนสนุกเล็กๆแห่งนี้จะต้องขาดทุนอย่างแน่นอน และเมื่อถึงเวลานั้นต่อให้โจวหยูมีเงินมากเท่าไหร่มันก็ไม่พอที่จะอุดช่วงว่างนี้ได้
และทางด้านของชาวบ้านของหมู่บ้านลู่หัวเองก็ยังคงหวังว่าสวรรค์เล็กๆแห่งนี้ประสบความสำเร็จมากขึ้น เพราะนี้จะเป็นแห่งรายได้หลักอีกแห่งของพวกเขา
ด้วยการทำการเกษตรในโรงเรือนเพียงอย่างเดียว มันไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายในบ้าน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีสมาชิกในครอบครัวได้เดินทางเข้าไปในเมืองและหางานทำ
เนื่องจากเรื่องมันได้มาถึงจุดนี้แล้ว โจวหยูจึงทำได้เพียงขอให้ลุงฟูมาเป็นคนจัดการเรื่องนี้ให้เขา โดยที่เขาได้ตั้งเงื่อนไขเอาไว้ว่า เขาต้องการให้สวนสนุกแห่งนี้มีคนมากเกินไป เขาต้องการเพียงแค่ทำให้สวนสนุกแห่งนี้สามารถทำกำไรได้เพียงพอเท่านั้น เขาไม่ต้องการให้สวนสนุกของเขานั้นกลายเป็นเหมือนสวนสนุกดิสนีย์แลนด์หรืออะไรที่คล้ายๆกัน ถ้าเกิดว่าเป็นเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นจริงๆ เขาก็พร้อมที่จะหยุดการดำเนินงานทั้งหมดของสวนสนุก ก่อนที่จะกลับไปพักอยู่ในบ้านหลังเล็กๆของเขาตามเดิม
หลังจากฟังเงื่อนไขของโจวหยูแล้ว โจวฟูก็ถึงกับเกาหัวอย่างต่อเนื่อง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะสามารถทำให้สวนสนุกในชนบทเล็กนี้ให้ไปถึงสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ได้ยังไงด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นครู่หนึ่งโจวฟูก็ถามว่า “เธอแน่ใจนะว่าถ้าฉันทำตามเงื่อนไขทั้งหมดของเธอได้ สวนสนุกนี้จะยังคงเปิดทำการตามปกติ?”
เมื่อเห็นโจวหยูพยักหน้า เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “โอเค! เธอทำให้ฉันเป็นหุ้นส่วนกับเธอละกัน ฉันจะช่วยหาคนจัดการเรื่องพวกนี้ให้เธอเอง แล้วฉันจะยึดตามเงื่อนไขที่เธอได้พูดออกมาทั้งหมด “
ในที่สุดโจวฟูก็ได้เริ่มทำการตัดสินใจ เป็นเรื่องปกติที่เขาเองก็ต้องการทำให้หมู่บ้านลู่หัวแห่งนี้กลายเป็นแห่งท่องเที่ยวยอดนิยม และเมื่อมันมีโอกาสรอยมาอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว เขาก็ต้องลงมือทำมันให้ดีที่สุด แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเขาจะทำได้ดีหรือไม่ แต่อย่างน้อยเขาก็ได้พยายามช่วยเหลือหมู่บ้านของเขาแล้ว
การตอบตกลงทันทีของลุงฟูเป็นอะไรที่โจวหยูค่อนข้างคาดไม่ถึงเลย เมื่อดูจากความแข็งแกร่งทางการเงินเพียงอย่างเดียว ลุงฟูก็เหนือกว่าเขาไปแล้วอย่างแน่นอนและเมื่อเปรียบเทียบกับทักษะการบริหารจัดการลุงฟูก็ดีกว่าเขาไปหลายเท่าเช่นกัน ไม่ว่าเขาจะคิดยังไงเขาก็ไม่คิดว่าลุงฟูจะยอมตกลงมาเป็นผู้จัดการให้เขาง่ายๆแบบนี้
“เออ! ถ้าเกิดว่าลุงฟูมาช่วยงามผมแบบนี้ แล้วงานที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตละครับจำทำยังไง?”
ถ้าเกิดว่าสวนสนุกนี้เกิดเจ๊งขึ้นมาจริงๆ สำหรับโจวหยูแล้วมันไม่ถือเป็นอะไร แต่ถ้าเกิดว่าเขาได้ดึงคนอื่นเข้าร่วมด้วยและเกิดมันเจ๊งขึ้นมา นี้สิจะถือว่าเป็นปัญหาขึ้นมาได้
“ซุปเปอร์มาร์เก็ตเหรอ? เรื่องนั้นเธอไม่ต้องกังวลหรอก ฉันสามารถปล่อยให้ลูกน้องจัดการมันได้ นอกจากนี้ฉันเองก็พึ่งจะอายุเพียง 39 ปีเท่านั้น แต่ก็ได้รับหน้าที่ถึงผู้จัดการสวนสนุกแล้ว ฉันอยากจะรู้จริงๆว่าจะมีใครที่ได้รับโอกาสอย่างฉัน “
โจวหยูได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเงียบๆเท่านั้น จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมลุงฟูถึงต้องการเข้าร่วมกับเขา แต่ยังไงก็ตามเมื่อลุงฟูได้ลงเรือลำเดียวกับเขาแล้ว เขาก็ต้องทำให้มันออกมาดีที่สุด ดังนั้นสิ่งแรกที่เขาจะทำก็คือการขายเกมเพิ่ม และนำเงินที่ได้นั้นมาพัฒนาสวนสนุกของตัวเองต่อไป
“โอเค! โอเค! ฉันรู้ว่าที่เธอทำสวนสนุกนี้ก็เพราะต้องการเล่นสนุก ฉันจะไม่เข้าไปยุ้งอะไรกับเรื่องนี้ แต่ในเรื่องของการบริหารจัดการทั้งหมดของสวนสนุกนี้ฉันขอร้องให้เธอเชื่อในการตัดสินใจของฉัน แบบนี้เธอคิดว่าไง?”
เนื่องจากลุงฟูเต็มใจที่จะช่วยเหลือเขา ดังนั้นมันจึงไม่มีเหตุผลใดที่เขาจะปฏิเสธอีกต่อไป ในท้ายที่สุดพวกเขาทั้งคู่ก็ได้เริ่มพูดคุยกันอย่างละเอียดเกี่ยวกับเงินลงทุนเริ่มต้นและหุ้นของลุงฟู
ข่าวของลุงฟูที่ได้เข้าร่วมโครงการสวนสนุกของบอสหยูได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วในหมู่บ้านลู่หัวในวันถัดไป และนั้นทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นในหมู่บ้านทันที
ก่อนที่โจวหยูจะได้ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้ โจวฟูถือได้ว่าเป็นคนรวยที่สุดในหมู่บ้านเสมอ เมื่อมีคนพูดถึงนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ทุกคนจะต้องยกนิ้วให้กับโจวฟูอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่หลังจากที่เด็ฏน้อยโจวได้ย้ายเข้ามา อีกฝ่ายก็ได้ทำรายอันดับก่อนหน้านี้ของโจวฟูลงไป ก่อนที่เขาจะขึ้นมาเป็นคนรวยอันดับหนึ่งของหมู่บ้านแทน
มาตอนนี้กลับมีข่าวที่ว่าคนร่ำรวยทั้งสองต่างก็ทำงานร่วมกัน มันเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น และนั้นทำให้พวกเขาทุกคนต่างก็มีความหวังว่าในอนาคตอันใกล้นี้หมู่บ้านลู่หัวแห่งนี้จะต้องเจริญรุ่งเรืองมากกว่าหมู่บ้านวู่ตงอย่างแน่นอน